อัศวินลั่น 7 วันบุกล็อกทีมยิงสนธิยันปมสังหารการเมือง


เหยื่อกระสุนออก รพ.การ์ดคุมเข้ม'ปฐมพงษ์'จี้ รบ.ตั้ง ฉก.ไล่ล่าวายร้าย

           
มือปราบ"อัศวิน ขวัญเมือง"ประกาศภายใน 7 วันมีข่าวดี บุกจับทีมลอบสังหาร"สนธิ ลิ้มทองกุล"ได้แน่นอน

ลั่นไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ขณะที่เจ้าของ นสพ.ผู้จัดการ ถือฤกษ์ 9 โมงเช้าออกจากโรงพยาบาลแล้ว ท่ามกลางทีมการ์ดคอยรักษาความปลอดภัยรอบตัว โดยมีตำรวจ 60 นาย กระจายกำลังคุ้มกันเข้มอีกชั้นหนึ่ง

เผยการ์ดปัดไม่ยอมให้ตำรวจเข้าใกล้นาย รีบพาตัวขึ้นรถมุ่งหน้า “บ้าน พระอาทิตย์” เก็บตัวเงียบยังไม่แถลงข่าวแต่อย่างใด “ปฐมพงษ์” จี้ รบ.ตั้งหน่วยงานพิเศษจับมือยิงให้ได้ ติงกองทัพอย่าเพิกเฉย พร้อมให้น้ำหนักเรื่องที่แกนนำ พธม. เคยโจมตี รมว.กลาโหม-ผบ.ทบ. เปรยมองผิวเผินเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
 
คดีคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มนายสนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้รับบาดเจ็บพร้อมนายวาร์ยุภักดิ์ มัคละสิทธิ์ ผู้ติดตาม และนายอดุลย์ แดงประดับ คนขับรถ  เหตุเกิดบริเวณหน้าวัดเอี่ยมวรนุช เขตพระนคร ช่วงเช้าวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุดทีมสืบสวนได้เบาะแสบางอย่างของทีมสังหารแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างไล่ล่าติดตามจับกุม ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
 
ความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีนี้ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เวลา 08.30 น.วันที่ 25 เม.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศบริเวณหน้าลิฟต์ชั้น 1 อาคาร สก.โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มีสื่อมวลชนทั้งไทย และต่างประเทศทุกแขนง เดินทางมารอทำข่าวการเดินทางออกจากโรงพยาบาลของนาย สนธิมีกำหนดการเดินทางกลับเวลา 09.00 น.
 
ทั้งนี้บริเวณด้านล่างอาคาร สก. รพ.จุฬาฯ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยรักษาความปลอดภัยประมาณ 60 นาย ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จาก สน.ปทุมวัน-สน.บางรัก จำนวน 32 นาย และเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษอีก 28 นาย เนื่องจากเกรงว่าจะมีการมาให้กำลังใจจากกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อเหลืองจำนวนมาก แต่ปรากฏว่ามีผู้มาให้กำลังใจบางตา เนื่องจากมีข่าวว่านายสนธิ จะเดินทางออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา
 
จากนั้นเวลา 09.00 น. นายสนธิ พร้อมด้วยการ์ดรักษาความปลอดภัยจำนวน 8 คน เดินออกมาจากลิฟต์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมโดยไม่ได้บอกให้เจ้าหน้าที่ทราบแต่อย่างใด ทำให้เจ้าหน้าที่ที่มาคอยดูแลความปลอดภัยแตกตื่นเล็กน้อย ทั้งนี้ทีมการ์ดของนายสนธิไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าใกล้แต่อย่างใด

ทั้งนี้นายสนธิอยู่ในชุดเสื้อยืดเอเอสทีวี มีสีหน้าเรียบเฉยออกมายืนให้ผู้สื่อข่าวบันทึกภาพประมาณ 1 นาที โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด หลังเสร็จนายสนธิ และการ์ดส่วนตัวได้เดินกลับเข้าไปในลิฟต์อีกครั้งเพื่อไปขึ้นรถโฟร์วีล สีดำ หมายเลขทะเบียน ขฉ 789 กรุงเทพมหานคร พร้อมรถของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีก 3-4 คัน ประกบหน้าและหลัง เพื่อเดินทางไปยังบ้านพระอาทิตย์
 
ด้าน พ.ต.อ.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผกก. สน.ปทุมวัน กล่าวว่า วันนี้ได้รับคำสั่งจัดเจ้าหน้าที่มาคอยรักษาความปลอดภัย ส่วนที่นายสนธิ ไม่ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่จัดเตรียมไปอารักขาไปส่ง เนื่องจากไม่ต้องการให้เป็นจุดสนใจของคนทั่วไปมากนัก จึงใช้ชุดรักษาความปลอดภัยของตัวเอง อย่างไรก็ตามได้จัดชุดสายสืบนอกเครื่องแบบ เดินทางไปกับรถในขบวนด้วยเพื่อรักษาความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง
 
ส่วนความคืบหน้าของคดี ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. หัวหน้าคณะทำงานสืบสวนสอบสวนคดีลอบสังหารนายสนธิเรียกประชุมคณะทำงานฝ่ายสืบสวนสอบสวนสังกัดกองบัญชาการตำรวจนคร บาล ที่เกี่ยวข้องเพื่อรับฟังความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีที่มอบหมายให้ไปดำเนินการ โดยมี พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.เจตน์ มงคลหัตถี ผบช.กมส. พล.ต.ท. วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. เข้าร่วมประชุม ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น
 
พล.ต.อ.ธานี กล่าวหลังการประชุมว่า ได้รับรายงานว่ามีความคืบหน้าพอสมควร ซึ่งจากพยานหลักฐานที่มีอยู่ก็มีความชัดเจนมากขึ้น   เป็นลำดับ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่ากลุ่มคนร้ายเป็นกลุ่มคนมีสีหรือไม่ เพราะถ้าระบุก็แสดงว่า    รู้ตัวคนร้าย ส่วนประเด็นขณะนี้ให้น้ำหนักไปที่การเมือง มั่นใจว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่สามารถนำไปสู่การจับกุมคนร้ายได้แน่นอน

ถามว่าความคืบหน้าในการตรวจสอบภาพจากกล้องวิดีโอวงจรปิดเป็นอย่างไรบ้าง พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ในส่วนนี้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมมีประโยชน์ในการสืบสวนสอบสวนมาก ทั้งนี้อย่าไปโทษกล้องว่าตรงนั้นตรงนี้เสีย เพราะยังมีจุดอื่นที่สามารถตรวจสอบกลุ่มคนร้ายได้
 
ถามต่อว่าจะมีการสอบปากคำนายสนธิ เมื่อไหร่ พล.ต.อ.ธานี ตอบว่า ต้องไปสอบปาก  คำด้วยตนเอง โดยจะเดินทางไปพร้อมกับพนัก งานสอบสวน แต่ยังไม่ได้นัดหมายกัน คาดว่าคงเร็ว ๆ นี้ ส่วนประเด็นที่ว่านายสนธิมีรถคุ้มกัน และมีการยิงตอบโต้คนร้ายนั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่ามีการยิงตอบโต้กันระหว่างทีมคุ้มกันของนายสนธิกับทีมมือปืนจริงหรือไม่ รวมทั้งเรื่องปลอกกระสุนที่พบในที่เกิดเหตุ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นของกลุ่มคนร้ายทั้งหมด เมื่อถามต่อว่าในการสืบสวนสอบสวนนั้นถึงทางตันหรือไม่ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ทุกประเด็นต้องมีการตรวจสอบ แต่ทั้งหมดไม่มีตัน คืบหน้าไปเรื่อย ๆ ถามต่อว่าแล้วมีการสืบสวนเจอตอบ้างหรือยัง พล.ต.อ.ธานี ตอบทันทีว่า ไม่มีหรอก ตออะไร น้ำยังไม่ลดเลยตอที่ไหนจะผุด
 
ด้าน พล.ต.ท.อัศวิน ให้สัมภาษณ์สั้น ๆ อย่างอารมณ์ดีว่า “เรื่องคดีต้องสอบถาม พล.ต.อ. ธานี ส่วนเรื่องการจับกุมนั้นภายใน 7 วันจะมีข่าว ดี ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ภายใน 7 วันนี้นี่แหละจะมีข่าวดี ซีเรียสทอล์กนะเนี่ย” โดย พล.ต.ท.อัศวินกล่าวย้ำประโยคที่ว่า ซีเรียสทอล์กสองถึงสามครั้ง สร้างความแปลกใจให้กับสื่อมวลชนทุกสำนักที่เฝ้าทำข่าวเป็นอย่างมาก
 
ขณะที่ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “ลับ ลวง พราง” ทางคลื่นเอฟเอ็ม 100.5 เมกะเฮิรตซ์ ถึงสถานการณ์บ้านเมืองหลังคนร้ายยิงนายสนธิว่า รัฐบาล และกองทัพจะต้องหาความจริงออกมาให้ได้ จะทำเพิกเฉยเหมือนก่อนไม่ได้ เพราะคนที่รักและชื่นชอบในตัวนายสนธิคงไม่ยอม
 
เมื่อถามว่า มองว่าการยิงนายสนธิ เป็นกลุ่มคนมีสีจริงหรือไม่ พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า ตนให้ข้อพิจารณาว่าใครจะมีโอกาสที่จะยิงปืนที่ใช้ในสงครามพวกนี้ได้ คงไม่ใช่มือสมัครเล่นอย่าง แน่นอน ต้องเป็นมืออาชีพที่เคยผ่านการฝึกใช้อาวุธ มาเป็นอย่างดี รัฐบาลต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเอาจริงกับเรื่องที่เกิดขึ้น หรือตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นมา ใครจะมาบอกว่ามีการจัดฉาก หรือ มือยิงไม่ใช่มืออาชีพ คงต้องไปดูข้อมูลรายละเอียดกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย
 
ถามว่าการที่นายสนธิโจมตีกองทัพมีส่วนหรือไม่ว่าจะเป็นสาเหตุ พล.อ.ปฐมพงษ์ ตอบว่า การที่นายสนธิพูดออกไปก็จะต้องดูพื้นฐานว่ามีความจริงหรือไม่ คนเราถ้าจะโกรธแค้นถึงขนาดว่าเขาพูดความจริง และไม่ปรับปรุงตนคิดว่าคนนั้นชั่วร้ายมาก
 
ดังนั้นใครก็แล้วแต่ที่คิดร้ายต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ นายสนธิจะโจมตีไม่เว้น แม้กระทั่งจะต้องเผชิญหน้ากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และไล่ล่าจนทำให้มีแนวร่วมมากขึ้น
 
ถามว่านายสนธิเคยโจมตี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และโจมตี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ให้น้ำหนักเรื่องนี้อย่างไร พล.อ.ปฐมพงษ์ ตอบว่า เรื่องนี้ต้องติดตามคำสัมภาษณ์ ถ้ามองผิวเผินเกี่ยวข้องทั้งสิ้น แต่จะต้องดูว่าเขาแสดงออกเรื่องนี้อย่างไร อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่เอาจริงขนาดไหน เรื่องพวกนี้รัฐบาลมีอำนาจสูงสุดในการบริหาร ดังนั้นรัฐบาลต้องตั้งคณะกรรม การขึ้นมา และอำนาจใดก็แล้วแต่ ไม่สามารถที่จะเข้ามาบิดเบือนเรื่องตรวจสอบเรื่องนี้ได้.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์