ปชป.แฉทักษิณจัด ขบวนการ ใต้ดิน

จากการที่หลายฝ่ายต่างจับตาดูว่ารัฐบาลจะแก้ปมปัญหาความขัดแย้งในสังคมได้อย่างไรนั้น ล่าสุดรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ก็ออกมาตอกย้ำอีกครั้งว่า จะเสนอรัฐบาลรื้อปรับหน่วยงานความมั่นคงเพื่อให้การทำงานของรัฐบาลมีประสิทธิภาพ

โฆษก ปชป.แถลงด่ายับ ทักษิณ

เมื่อวันที่ 18 เม.ย. เวลา 11.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการหารือของพรรคประชาธิปัตย์ถึงความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังคงเคลื่อนไหวทำลายความเชื่อมั่นของประเทศไทย ล่าสุดก่อนการเดินทางจากเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อไปทวีปแอฟริกา โดยให้สัมภาษณ์ สื่อต่างประเทศและกล่าวพาดพิงเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของบุคคลและประเทศไทย แยกออกเป็นประเด็น คือยังใช้สื่อต่างประเทศบิดเบือนข้อเท็จจริง จากการควบคุมการจลาจล โดยให้สัมภาษณ์ย้ำต่อสื่อต่างประเทศว่ามีประชาชนที่เสียชีวิตและยังมีการทำลายศพจากเจ้าหน้าที่ กรณีนี้สอดรับกับที่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า เป็นการเพาะเชื้อให้สังคมสับสน และจะนำไปขยายผลต่อโดยกลุ่ม นปช.และพรรคเพื่อไทยที่จะสร้างข่าวเท็จ ขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณเอาหลักฐานมายืนยันให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นจะเป็นการจงใจโกหกประชาชนและชาวโลกเพื่อหวังผลตามแผนการที่ทางกลุ่มคิดไว้

บงการ พท.-นปช.ปัดการเจรจา

นพ.บุรณัชย์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังปฏิเสธความรับผิดชอบจากที่ได้โฟนอินยั่วยุปลุกระดม พร้อมทั้งให้การสนับสนุนปัจจัยอื่นๆ โดยอ้างว่าเน้นหาสันติภาพและกล่าวหารัฐบาลไทยว่าปฏิเสธหาทางออกปัญหาทางการเมือง ทั้งที่ก่อนหน้านี้พรรคยืนยันว่ารัฐบาลได้ส่งตัวแทนเข้าเจรจา โดยใช้สภาฯหาทางออกของปัญหา แต่ถูกพรรคเพื่อไทยปฏิเสธ ตลอดจนเครือข่าย นปช.ปฏิเสธเจราจาทุกรูปแบบ กระทั่งปลุกระดมทุกรูปแบบจนเกิดความวุ่นวาย กรณีนี้ปรากฏข้อเท็จจริงในสื่อที่ลงข่าวตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณยังได้กล่าวหา พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีว่าอยู่เบื้องหลังการก่อความรุนแรงของคนกลุ่มเสื้อน้ำเงินร่วมกับรัฐบาล ซึ่งไม่เป็นความจริง ทั้งนี้พรรคมองว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการดึงสถาบันองคมนตรีมาสู่ความขัดแย้ง และเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงซึ่งไม่ควรทำเช่นนั้น เพราะข้อเท็จจริงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในการชุมนุมของ นปช. พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยออกมาพูดผ่านสื่อ ให้ยุติความรุนแรงแต่อย่างใด

กลุ่มทักษิณรุกตามแผนตากสิน

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ พรรคยังเชื่อว่าการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงเป็นแผน ตากสินที่ยังเดินต่อ โดยเริ่มปลุกระดมมวลชนให้เกิดการเผชิญหน้าเพื่อสร้างความรุนแรง ใช้เป็นอำนาจในการต่อรองเพื่อเปิดทางเข้าสู่อำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณและพวกพ้อง แต่แผนยังไม่บรรลุเป้าหมาย จึงมีความพยายาม ยั่วยุให้รัฐบาลใช้ความรุนแรง แต่ก็ไม่สำเร็จ ไม่มีความสูญเสียตามที่เขาต้องการ อีกทั้งการใช้มวลชนเพื่อสร้างจลาจล สังคมไทยก็ปฏิเสธวิธีการเช่นนั้น โดยพรรคมองว่าวิธีการเคลื่อนไหวต่อจากนี้จะเป็น 2 วิธี คือ จัดตั้งขบวนการใต้ดิน ทำลายความมั่นคงของประเทศ เพื่อก่อให้เกิดการร้าย สร้างความหวาดกลัว และ 2.การสร้างเงื่อนไขให้เกิดการเผชิญหน้าของประชาชน ซึ่งจะยกระดับความรุนแรงมาเป็นการปองร้าย ข่มขู่เป้าหมายจนถูกลอบฆ่า ซึ่งเป็นความพยายามที่จะจุดชนวนความขัดแย้งรอบใหม่

ร้อง รบ.เปิดเกมลุยตามแผน 5 ข้อ

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวด้วยว่า พรรคยังเห็นว่ารัฐบาลควรเตรียมรับมือสถานการณ์ทางการเมือง จำนวน 5 ข้อ 1. ต้องเตรียมรับมือขบวนการใต้ดิน โดยสร้างขบวนการปฏิรูปการเมืองให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดการยอมรับ 2. เร่งรัดคดีสำคัญ 2 คดี คือ คดีลอบสังหารองคมนตรี และคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เพื่อขยายผลการสอบสวน และจับกุมผู้อยู่เบื้องหลังโดยเร็ว 3. เร่งสร้างเครือข่ายจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อแสวงหาร่วมมือทางสังคม 4. เร่งทำความเข้าใจกับประชาชนโดยใช้สื่อทุกแขนง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน และ 5. รัฐบาลต้องเร่งขอความร่วมมือจากมิตรประเทศ เพื่อติดตาม พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยโดยเร็ว

ค้าน จตุพรใช้เอกสิทธิ์คุ้มครอง

นพ.บุรณัชย์กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช. ยังไม่เข้ามอบตัว โดยจะขอให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาให้เอกสิทธิ์คุ้มครองหรือไม่ ว่า ในวันที่ 20 เม.ย.นี้ เวลา 14.00 น. พรรคจะมีการประชุม ส.ส. เพื่อพูดคุยถึงเรื่องนี้ แต่ส่วนตัวเห็นว่านายจตุพรน่าจะมีจิตสำนึก แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะการขึ้นเวที นปช. ไม่ได้เป็นการทำหน้าที่ ส.ส. และเป็นการปลุกปั่นมวลชน ดังนั้นไม่ควรมาขอเอกสิทธิ์คุ้มครองจากสภาผู้แทนราษฎร

วิปรัฐยันไม่มีวาระยกเลิกเอกสิทธิ์

ด้านนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล กล่าวว่า ในวันที่ 21 เมษายนนี้ ได้นัดวิปทั้ง 3 ฝ่าย คือ วิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน และวิปวุฒิสภา เพื่อหารือร่วมกันเกี่ยวกับกรอบการอภิปราย ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา วันที่ 22-23 เมษายน เห็นว่าระบบสภาจะช่วยให้เกิดการเจรจาพูดคุยเพื่อหาทางออกให้กับบ้านเมือง ในภาวะที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เบื้องต้นจากการพูดคุยกับนายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน ก็มีสัญญาณที่ดี โดยเห็นตรงกันว่า ต้องการให้กระบวนการของสภาเดินหน้าเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมืองและวิกฤติเศรษฐกิจ และขอยืนยันว่าในการประชุมร่วม 2 สภา ไม่มีระเบียบวาระเรื่องการขอให้ยกเลิกเอกสิทธิ์คุ้มครองนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ที่ถูกออกหมายจับในคดีบุกรุกสถานที่ราชการ กีดขวางการจราจร มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป และกระทำการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากการก่อจลาจลของม็อบเสื้อแดง และเบื้องต้นทางพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้มีการหารือในประเด็นดังกล่าวแต่อย่างใด

วอร์รูม ปชป.ชงเสนอรื้อหน่วยมั่นคง

ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยกลางที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่าถูกมุ่งหมายเอาชีวิตว่า นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และทีมงาน คณะทำงานปฏิบัติการทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ (วอร์รูม) ที่มีนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ เป็นประธาน ต่างทราบปัญหาของทีมงานด้านความมั่นคงดี ถ้าพูดแบบตรงไปตรงมาแล้วเรื่องนี้จะต้องมีการรื้อใหญ่อย่างแน่นอน เพราะการทำงานของหน่วยงานความมั่นคง ที่อารักขานายกฯและ ครม.ที่พัทยา และกระทรวงมหาดไทยไม่มีประสิทธิภาพ โดยเรื่องนี้วอร์รูมได้เคยมีการคุยกันและจะนำเรื่องนี้เสนอในที่ประชุม ส.ส.พรรคในวันจันทร์ที่ 20 เม.ย. เพื่อเสนอให้กับนายกรัฐมนตรีและนายสุเทพ ที่กำกับงานด้านความมั่นคงได้รับทราบต่อไป

 รองโฆษก ปชป.หน้าแหกถูกสั่งเบรก

ด้านนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะทำงานปฏิบัติการทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ (วอร์รูม) กล่าวถึงกรณี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าคณะ ทำงานวอร์รูมเตรียมเสนอที่ประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ปรับเปลี่ยนหน่วยงานความมั่นคงว่า ไม่มีเรื่องนี้ไม่เคยคุยเรื่องนี้ เพราะวอร์รูมเข้าใจการทำงานของรัฐบาลว่าจะใช้วิธีการใดๆในการรักษาสถานการณ์ต่างๆได้อย่างเหมาะสมเป็นอย่างดี สำหรับการประชุม ส.ส.ในวันที่ 20 เม.ย.นี้ วาระการประชุมจะเป็นเรื่องที่รัฐบาลรายงานสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นให้ ส.ส.ในพรรครับทราบหลังที่รัฐบาลได้รายงานต่อ ครม.ในการประชุม ครม.นัดพิเศษและทูตต่างๆไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ย้ำสลายม็อบเสื้อแดงไม่มีคนตาย

ทางด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทย พยายามสร้างกระแสข่าวบิดเบือนข้อมูลในการเข้าควบคุมเหตุการณ์ การจลาจลของม็อบเสื้อแดงอย่างต่อเนื่องว่า ทั้งที่รู้อยู่แล้วข้อมูลไม่มีความจริง และไม่มีหลักฐานมายืนยัน แต่ ส.ส. พรรคเพื่อไทย และเครือข่ายก็ยังใช้ลมปากปล่อยข่าวสร้างข่าวเท็จไปวันๆ แม้กระทั่ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เองก็ออกมารับรองยืนยันโดยเอาชีวิตของตัวเองเป็นเดิมพันว่า ไม่มีผู้ใดเสียชีวิตถือเป็นการรับรองเหตุการณ์ ขั้นสูงสุดแล้ว แต่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็ยังไม่ยุติการปล่อยข่าวสร้างความสับสน ขอถามกลับว่า มี ส.ส.พรรคเพื่อไทยคนใดบ้าง ที่กล้าเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อเป็นหลักประกันแบบ ผบ.ทบ.กล่าวรับรอง ขอท้าว่าถ้ามีการตรวจสอบและพิสูจน์ ว่าไม่มีคนตายเลยแม้แต่คนเดียวในการควบคุมเหตุการณ์จลาจลของม็อบเสื้อแดง ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะรับผิดชอบอย่างไร หรือจะตีรวนเรื่องอื่นต่อไปเรื่อยๆ

พร้อมแจง ปชป.ไม่คิดย้ายพรรค

วันเดียวกัน นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส. ปราจีนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมกำหนดมาตรการลงโทษตนเอง ในที่ประชุมพรรควันที่ 21 เมษายน ภายหลังที่ไปขึ้นปราศรัยบนเวทีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ว่า ตนจะแถลงข่าวก่อนชี้แจงข้อเท็จจริงในที่ประชุม ส.ส.พรรค ถึงเหตุผลของการขึ้นเวที นปช. โดยจะนำหลักฐานทั้งหมดไปให้พรรคดูและพยานบุคคลที่เชื่อถือได้ว่า ขอยืนยันว่า ตนไม่ได้ทำอะไรเสียหาย และไม่ได้ อยากดัง หรืออยากเป็นโฆษกพรรค นายเกียรติกรกล่าวต่อว่า ตนทำเพื่อประเทศและทำให้เกิดความสมานฉันท์ อย่างไรก็ตาม หากถูกขับออกจากพรรค ตนยังไม่ได้ ตัดสินใจว่าจะย้ายไปอยู่พรรคใด ในการสลายม็อบ นปช. ที่มีการกล่าวอ้างว่าทหารและตำรวจทำร้ายประชาชนนั้นในความเห็นส่วนตัวไม่น่าใช่เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ คาดเป็นมือที่สามที่สร้างสถานการณ์มากกว่า

พท.สรุปยอดผู้ร้องทุกข์ 45 ราย

ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้าน วันเดียวกันเมื่อเวลา 13.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงสรุปยอดผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม ที่มีประชาชนร้องเรียนมา ยังศูนย์ร้องทุกข์และเยียวยาของพรรคเพื่อไทยว่า วันที่ 16-18 เม.ย. ได้มีผู้มาร้องเรียนว่าได้รับผลกระทบทั้งหมด 45 ราย ประกอบด้วย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 8 ราย สูญหาย 6 ราย ทรัพย์สินเสียหาย 4 ราย แจ้งเบาะแสพร้อมรูปถ่าย 8 ราย ผู้ที่ญาติอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวและต้องการให้ ฝ่ายกฎหมายของพรรคช่วยเหลือ 8 ราย และผู้เสียชีวิต 1 ราย ส่วนสาเหตุที่ประชาชนต้องมาร้องเรียนผ่านทางศูนย์รับเรื่องราวของพรรคนั้น เกิดจากเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ทั้งตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่กล้ารับแจ้งความดำเนินคดี เนื่องจากติดขัดที่รัฐบาลยังไม่ยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานไม่เต็มที่ ดังนั้นขอเรียกร้องไปถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯและพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้ง ผบ.ทบ.ที่ก่อนหน้านี้ออกมายืนยันโดยเอาหัวเป็นประกันว่าไม่มีผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุม และท้าให้พรรคเพื่อไทยออกมาเปิดเผยข้อมูลหากมีหลักฐานนั้น ให้รีบยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยเร็วที่สุด เพื่อให้สื่อมวลชน และประชาชน มีอิสระในการตรวจสอบข้อเท็จจริง และกระบวนการยุติธรรมได้ทำงานอย่างโปร่งใส

จี้รัฐบาลเร่งยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ทันทีที่ยกเลิก พ.ร.ก. พรรคเพื่อไทยจะรวบรวมหลักฐานที่มีทั้งหมดออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชน พร้อมกับส่งให้คณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่บ้านเมืองตรวจสอบต่อไป  โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ ในการดำเนินการ เมื่อถามว่ารัฐบาลระบุว่าที่ยังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะมีการเคลื่อนไหวใต้ดินอยู่ นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเพียงคำอ้างของรัฐบาล แต่ในความเป็นจริง  ถ้ารัฐบาลเคารพสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชน ไม่จำเป็นต้องอ้าง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะยังมีกฎหมายอื่นที่สามารถควบคุมความสงบเรียบร้อยได้ โดยไม่ลิดรอนเสรีภาพของประชาชน

เก็บข้อมูลเด็ดไว้แฉกลางวงประชุม

ทางด้านนายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมข้อมูลของพรรคเพื่อไทยสำหรับอภิปรายในที่ประชุมรัฐสภาระหว่างวันที่ 22-23 เม.ย.ว่า พรรคเพื่อไทยกำลังรวบรวมข้อมูลต่างๆให้ครบถ้วน ตั้งแต่เรื่อง เหตุผลการสั่งการ การปฏิบัติหน้าที่ของทหารในการสลายการชุมนุม จนทำให้มีผู้บาดเจ็บสูญหาย ทั้งหมดรัฐบาลทำถูกต้องหรือไม่ โดยกระบวนการที่ฝ่าย ส.ส.และ ส.ว.เห็นตรงกันคือหลังการอภิปรายอาจจะได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วม เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการสลายการชุมนุมว่ามีความเสียหายอะไรเกิดขึ้นบ้าง และรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบอย่างไร

ย้ำ ก.ม.ปรองดองนำชาติพ้นวิกฤติ

นายวิทยากล่าวว่า ส่วนแนวทางที่จะนำไปสู่ความสมานฉันท์ในสังคมได้นั้น แนวทางหนึ่ง คือ ออก พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ที่ตอนนี้ได้บรรจุเป็นวาระการประชุมไปแล้ว โดยในการประชุมร่วมทั้ง ส.ส.และ ส.ว. เป็นโอกาสดีที่จะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือว่า เนื้อหาใน พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติมีความเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากน้อยในส่วนใดบ้าง  จะเป็นผลดีทั้ง ส.ว. ส.ส.  ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ได้ร่วมกันแก้ไขปรับปรุงให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย จากนั้น จะได้มีการเร่งดำเนินการต่อไป

จตุพรโวย จนท.ใช้ 2 มาตรฐาน

ต่อมาเวลา 13.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำ นปช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่หลายฝ่ายมองว่า หากนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯเป็นอะไรไป จะเป็นประโยชน์กับคนเสื้อแดงว่า ในทางกลับกันการดำรงอยู่ของนายสนธิ จะเป็นประโยชน์กับคนเสื้อแดงมากกว่า เพราะจะได้เป็นข้อพิสูจน์เรื่องการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรและคนเสื้อแดง ที่ถูกดำเนินคดีในลักษณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จะเป็นสองมาตรฐานหรือไม่ รวมทั้งประชาชนจะได้เปรียบเทียบว่าต่างกันอย่างไรระหว่างการสั่งการเกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉินสมัยนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ที่มอบอำนาจตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ดำเนินการ แต่ ผบ.ทบ.ไม่เคยสั่งให้ควบคุมตัว นายสนธิและพวก เหมือนที่คนเสื้อแดงถูกกระทำในปัจจุบัน

ขู่เตรียมรับมือสงครามกลางเมือง

นายจตุพรกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐบุกตรวจค้น ยึดเครื่องส่งสัญญาณและสั่งปิดการออกอากาศวิทยุชุมชนหลายแห่งรวมทั้งสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมดี สเตชั่นนั้น เหมือนกับเมื่อครั้งหลังเหตุการณ์ 6 ต.ค. 19 ที่มีการดำเนินการกับประชาชนจนต้องหนีเข้าป่า และจับอาวุธขึ้นสู้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ควรกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์และจำเอาไว้ว่าที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการต่อสู้ ที่ใดที่มีแรงกด ที่นั่นย่อมมีแรงต้าน ส่วนผู้ที่คิดว่าตัวเองชนะและดำเนินการกับฝ่ายที่ถูกมองว่าพ่ายแพ้นั้น อยากถามว่าคิดหรือว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะกลัวรัฐบาล การไปคุกคามแล้วจีบปากจีบคอหาความสมานฉันท์นั้น ถ้าปากอย่างใจอย่างก็อย่าพูด ถ้านายอภิสิทธิ์ มั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์สามารถคุ้มหัวได้ก็เชิญทำต่อไป และอยากถามไปถึงรัฐบาลว่าทำไมไม่ปิดเอเอสทีวีบ้าง เพราะสถานะของดีสเตชั่นกับเอเอสทีวี ถือว่าเป็นโทรทัศน์ ผ่านดาวเทียมเหมือนกัน หากรัฐบาลยังบริหารงานเป็นสองมาตรฐานไม่รู้ว่าจะทำงานไปได้อีกกี่วัน นายอภิสิทธิ์เชื่อหรือว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะคุ้มกะลาหัวรัฐบาลได้ เพราะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมา 5 ปี เสียงปืนยังไม่เคยดับ สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น แล้วการเอาอาวุธมากดขี่ข่มเหงฝ่ายที่ตัวเองคิดว่าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้จะนำไปสู้สงครามกลางเมือง ถ้าเกิดขึ้นมาเมื่อไรแล้วรัฐบาลคิดหรือว่าตัวเองจะเอาอยู่ เพราะวันนี้อีก 73 จังหวัดจะมาเกิดปัญหาเหมือน 3 จังหวัดภาคใต้

บันทึกรายละเอียดลงซีดีแฉกองทัพ

นายจตุพรกล่าวต่อว่า ขอฝากไปถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่บอกว่าพร้อมเอาชีวิตเป็นเดิมพัน โดยยืนยันว่าตามที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ทบ. ได้ออกโทรทัศน์ ชี้แจงผลการสลายการชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดงว่าไม่มีใครเสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมตนขอยืนยันว่ามีคนตายจำนวนมาก เพราะมีหลักฐานเสื้อผ้าของคนตาย ที่บางคนอยู่บนรถจีเอ็มซี และบางคนที่สลบพอฟื้นก็พบว่ารถคันดังกล่าวมุ่งหน้าไปลพบุรี ระบุว่าพบคนที่อยู่ในรถคันดังกล่าวเต็มไปด้วยคราบเลือดนับ 10 คน จึงได้กระโดดในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี ขณะที่ บางส่วนถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวโดยไม่ขอระบุสถานที่ ดังนั้น พล.อ.อนุพงษ์ต้องไปดูว่าทหารพาประชาชนไปไหน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้แม้ตนจะเป็นอะไรไป เขาได้บันทึกรายละเอียดเป็นวีดิโอไว้ครบถ้วนแล้ว ไม่ได้อยู่ที่ตน แต่บอกว่าต่อให้คุณไปข่มขู่ในการให้ปากคำ แต่ทำไม 2 ศพ ที่ลอย ในแม่น้ำเจ้าพระยาเปลี่ยนการให้ปากคำว่าไปร่วมการชุมนุมแต่วันรุ่งขึ้นเปลี่ยนคำให้การ ถามว่าคุณไปข่มขู่ต่อรองผลประโยชน์อะไรกับเขา

โยนเผือกร้อนใส่มือ เนวิน

นายจตุพรกล่าวว่า รัฐบาลยืนยันได้หรือไม่ว่า ทหารไม่ได้ยิงพี่น้องประชาชน ถ้า พล.อ.อนุพงษ์ และพ.อ.สรรเสริญ ยังยืนยันว่าไม่มีการใช้อาวุธสงครามตนจะนำพี่น้องประชาชนที่ถูกยิงด้วยปืนเอ็ม 16 มาแสดง ให้ พล.อ.อนุพงษ์รับผิดชอบ ทั้งนี้ ต้องใช้เวลาให้พี่น้องประชาชนมาแจ้งว่ามีพี่น้อง หรือญาติสูญหาย หรือเสียชีวิตกี่คน เพราะมีหลายคนมีคลิปวีดิโอถึงภาพเหตุการณ์ชัดเจน จึงมองว่า พล.อ.อนุพงษ์พูดกับกล้องทีวีได้ แต่ขอให้ไปพูดต่อหน้าพระแก้วมรกต พระสยามเทวาธิราช และหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ดีกว่า อีกทั้งขอตั้งคำถามว่า วันที่ 14 เม.ย. ที่มีการกล่าวหาว่าคนเสื้อแดงยิงมัสยิด ย่านกิ่งเพชร กทม. แต่ปรากฏว่ามีคนพบว่านายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน พรรคภูมิใจไทย ไปอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวด้วย จึงตั้งข้อสังเกตว่ากรณีนี้อาจจะเป็นการจัดฉากใส่ร้ายคนเสื้อแดง เหมือนกรณีรถเมล์ที่มีคนขับมาคนเดียวฝ่าด่านทหารเข้ามาอย่างง่ายดายแล้วเอามาเผา เพราะไม่เคยมีหลักฐานแจ้งความเอาผิดกับการบุกยึดรถเมล์ในวันเกิดเหตุเลย นอกจากนี้ ฆาตกรที่ฆ่าชาวบ้านย่านนางเลิ้ง 2 ศพ ก็ได้ไปปรากฏตัวนั่งร่วมในงานศพราวกับเป็นญาติสนิท แต่เรื่องนี้ตนยังดีใจที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ได้ออกมาบอกว่าฆาตกรเป็นลูกน้องของใคร

ไม่สน ปชป.ยกมืองดใช้เอกสิทธิ์

นายจตุพรกล่าวว่า ส่วนกรณีที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ บางคนเข้าใจว่าตนขอใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.ไม่ให้ถูกจับกุมในสมัยประชุมสภาฯนั้น ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 137 ระบุว่าหากจะดำเนินคดีต่อ ส.ส.ในสมัยประชุม ต้องทำหนังสือ แจ้งไปยังประธานสภาฯ ตนได้ระบุว่าที่ประชุมสภาฯไม่ต้องอนุมัติตามประเพณีปฏิบัติ เหมือนกรณีนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นที่พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่าตนไปขอเอกสิทธิ์นั้นไม่ใช่ แต่ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แม้แต่กรณีที่จะสามารถจับตนได้กรณีเดียว คือ ขณะที่เกิดเหตุ และต้องปล่อยตัวโดยพลัน วันนี้มันเลยจุดเกิดเหตุมาแล้ว ไม่มีสิทธิมาจับกุม ส่วนที่นายอรรถพร พลบุตร สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าจะไม่ยกมือให้ในการใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองนั้น ขอย้ำว่าไม่ได้มีความประสงค์จะใช้เอกสิทธิ์ ส.ส. แต่กฎหมายคุ้มครอง ส.ส.เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลมากลั่นแกล้ง ตนยังมีสถานะ ไม่ได้สนใจร้องขอประชาธิปัตย์

กร้าวรัฐบาลอย่าเหิมบีบคนจนตรอก

นายจตุพรกล่าวว่า ขณะนี้กำลังเตรียมที่จะฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ที่ถือเป็นฆาตกร ขอร้องให้นายอภิสิทธิ์ดูแลลูกน้องอย่าได้มาพูดดูถูก ถ้ายังไม่หยุดจะใช้สิทธิ์ตอบโต้ จะทำอะไรกับตนก็ได้ หรือจะทำเหมือนที่ทำกับนายสนธิก็ได้ แต่ขอเตือนว่าประชาชนไม่กลัวปืน เพราะเมื่อคนเราถึงจุดที่จนตรอก เมื่อความอดทนถึงที่สุดก็สุดทน แล้ววันนั้นจะรู้อะไรเป็นจริง และถ้ายังกดขี่กันอย่างนี้ เชื่อว่าสงครามครั้งสุดท้ายจะเกิด ไม่ว่าพวกตนจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม ถ้ารัฐบาลไม่เลิกกดขี่ผู้คน ทำตัวเสมือนผู้ชนะดูถูกศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สงครามครั้งสุดท้ายจะเกิด ขอเตือนไว้ว่าปืนทุกกระบอกฆ่าคนได้ไม่หมด

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะนำวีดิโอ หรือคลิปที่ได้จากการร้องทุกข์ไปให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายหรือไม่ นายจตุพรตอบว่า มีการบันทึกรายงานด้านการแพทย์ รวมทั้งการบรรยายเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นวีซีดี อธิบายวันเกิดเหตุ ทั้งเสื้อผ้าคนตาย รวมทั้งการรายงานมายังพรรคและสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย โดยทางโฆษกพรรคจะแถลงเพิ่มเติม และนำไปให้เจ้าหน้าที่ สอบสวนแน่นอน หลังจากนี้ 1-2 วัน จะปรากฏให้ทราบ

ภูมิใจไทยเปิดเกมถึงเวลาแก้ รธน.

วันเดียวกัน ที่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย กลุ่มเพื่อนเนวิน เปิดเผยถึงกรณีที่หลายฝ่าย เสนอให้มีการแก้รัฐธรรมนูญปี 2550 ว่าการแก้รัฐธรรมนูญมันมีบางมาตราไม่เป็นประชาธิปไตย ตนเห็นควรมีการแก้ไขในเวลาที่เหมาะสม โดยในวันนี้จะต้องเริ่มต้นได้แล้ว เนื่องจากเราต้องหาวิธีการให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เพราะวันนี้มีประชาชนส่วนมากเริ่มเห็นด้วย ว่ารัฐธรรมนูญปี 50 เขียนในบรรยากาศของเผด็จการ และเนื้อหาสาระของรัฐธรรมนูญบางมาตราไม่เป็นประชาธิปไตย และคนที่ร่างรัฐธรรมนูญปี 50 คมช. ก็คัดสรรเข้ามาซึ่งไม่ได้มาจากประชาชน ความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ คิดว่าโครงสร้างของรัฐธรรมนูญปี 50 เป็นการชี้นำของ คมช.เพราะซึ่งโครงสร้างดังกล่าว ทำให้เกิดความแตกแยกของประชาชน รวมถึงการเกิดกลุ่มคนเสื้อเหลืองและกลุ่มคนเสื้อแดง

ค้านดึงพระปกเกล้าฯร่วมแก้ไข

นายศุภชัยกล่าวต่อว่า ทั้งนี้เห็นว่าการที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ควรให้องค์กรใดองค์กรหนึ่ง เนื่องจากเราไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าการสรรหาใครเป็นคนเลือกมา ซึ่งสถาบันพระปกเกล้าฯ ควรจะช่วยเหลือด้านข้อมูลทางวิชาการมากกว่า ส่วนการตัดสินใจต่างๆนั้น ควรเป็นหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภา เพราะประชาชนเป็นคนเลือกมา และทุกๆขั้นตอนในการแก้รัฐธรรมนูญต้องมีการผ่านสภาเสมอ

เชื่อม็อบเสื้อแดงชุมนุมบริสุทธิ์

วันเดียวกัน นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจ เอแบคเรียลไทม์โพลเรื่องความเชื่อของคนไทยภายหลังเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงของประชาชน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนใน 17 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี เชียงใหม่ สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา กาญจนบุรี เพชรบุรี ขอนแก่นหนองบัวลำภู สกลนคร ศรีสะเกษ ระนอง พัทลุง และ สุราษฎร์ธานี  จำนวน  1,439  ครัวเรือน ในวันที่ 17 เม.ย. พบว่า ประชาชนที่ถูกศึกษา ร้อยละ 76.2 ได้ติดตามข่าว การชุมนุมประท้วงของประชาชนอย่างใกล้ชิด เมื่อถามถึงความเชื่อของประชาชนที่ติดตามข่าวต่อประเด็นสำคัญต่างๆ ภายหลังการชุมนุมประท้วงรัฐบาลของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 64.8 เชื่อว่า  กลุ่มคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ชุมนุมกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ มีเพียงส่วนน้อยต้องการใช้ความรุนแรงในขณะที่ร้อยละ 74.9 เชื่อว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันสลายการชุมนุมด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เมื่อถามถึงความเชื่อต่อการเสียชีวิตของประชาชนจากเหตุชุมนุมประท้วง พบว่า  ร้อยละ 73.2 เชื่อว่าการเสียชีวิตของประชาชนจากเหตุชุมนุมประท้วงเกิดจากกลุ่มผู้ชุมนุมกระทำกันเอง  ไม่ใช่การกระทำของฝ่ายทหาร และร้อยละ 26.8 ไม่เชื่อเช่นนั้น

โพลกังวลทหาร-ตร.ไม่สามัคคี

ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพล  กล่าวต่อไปว่า ที่น่าพิจารณาคือ ประชาชน ร้อยละ 78.9 เชื่อว่า ประชาชนจะมีสติ รู้จักยับยั้งชั่งใจ ตระหนักถึงความเสียหายต่อตนเองและประเทศชาติจากเหตุวุ่นวายทางการเมือง นอกจากนี้ ร้อยละ 85.1 เชื่อว่า ยังคงรักสามัคคีกัน เกื้อกูล เมตตาปรานีต่อกัน ที่น่าเป็นห่วงคือ ร้อยละ 66.5 กังวลว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐ ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และรัฐบาลจะไม่เป็นหนึ่งเดียวกันในการแก้ปัญหาความขัดแย้งแตกแยกในสังคม  และเมื่อถามความเห็นต่อการโยกย้าย ปรับเปลี่ยน นายทหารหรือนายตำรวจระดับสูงในช่วงเวลานี้  พบว่าร้อยละ 65.3 ไม่เห็นด้วย ในขณะที่ร้อยละ 21.9 เห็นด้วย และเมื่อถามถึงความหวังของประชาชนว่า คนไทยส่วนใหญ่จะรักสามัคคี เมตตาปรานี ให้อภัยกันหรือไม่ พบว่า ร้อยละ 79.1 ยังมีความหวัง และร้อยละ 20.9 ไม่มีความหวัง

อดีตบิ๊ก คมช.ชี้ชาติยังวุ่นไม่เลิก

วันเดียวกัน พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์ขณะนี้ทำให้คนไทยมีความสุขลดน้อยลงไปอีก สถานการณ์หลังจากมีการยุติการชุมนุมดูเหมือนว่าสถานการณ์จะยุติลงด้วยดี แต่ตนมอง ว่าไม่ใช่เป็นการยุติปัญหาโดยสิ้นเชิง แต่น่าจะเป็นการเริ่มต้นปัญหาอื่นๆที่จะตามมา เหตุผลเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังไม่บรรลุเป้าหมายตามที่ตัวเองต้องการซึ่งเป้าหมายของเขา คือการไม่ต้องติดคุกและได้ทรัพย์สินคืนมา ซึ่งที่ผ่านมามีวิธีการทางใต้ดินคือการทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อสร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นเพื่อทำลายความเชื่อมั่นของประเทศไทย ซึ่งเป็นวิธีการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำมาโดยตลอด

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์