วอร์รูมปชป.วางหมาก มาร์คสงบ-สยบแดงเดือด

ศึก "แดงโค่นอำมาตย์" เริ่มเข้มขึ้นในยกที่สามนี่เอง

หลังจากยกแรก ยอมสลายตัวไปหลังขัดขวางการแถลงนโยบายที่กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อปลายปี 2551 ไม่สำเร็จ แต่เหตุผลแท้จริงคือหมดเสบียงกรัง

ยกที่สอง ล้อมทำเนียบรอบแรก แพ้แดดแรง ยอมสลายตัวไปหลังชุมนุมได้เพียง 3 วัน กลายเป็น "ม็อบแดดเดียว" ที่ถูกล้อจนถึงทุกวันนี้

จนมาสู่ ยกที่สาม หลังอุ่นเครื่องชุมนุมข้างทำเนียบรัฐบาลติดต่อกันนาน 12 วัน ที่สุดก็ประกาศชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 เมษายน โดยวันแรกแกนนำโดดขึ้นรถหกล้อนำมวลชนล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ ไล่ "พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์" ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พอเป็นพิธี ก่อนยกระดับการชุมนุมขึ้นสู่การดาวกระจาย ไปยังพรรคประชาธิปัตย์-กระทรวงการต่างประเทศ-ศาลรัฐธรรมนูญ ที่เป็นเพียง "เป้าหลอก"

ก่อนเคลื่อนตัวนำแท็กซี่ไปปิดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หลักกิโลเมตรที่ศูนย์ของประเทศไทย จนทำให้การจราจรในเมืองหลวงเป็นอัมพาต

แม้วอร์รูมพรรคประชาธิปัตย์เคยประเมินว่า แกนนำคนเสื้อแดงอาจนำมวลชนไปปิดถนน แต่ก็ยังตื่นตระหนกเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงๆ

อย่างไรก็ตาม การปิดถนนก็ยังไม่ใช่ "หมัดเด็ด" ที่คนเสื้อแดงและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะใช้โค่นล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นี้ได้ เพราะอย่าลืมว่า คนเสื้อเหลือง ก็ไม่ได้ล้มรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จากการปิดสนามบินเช่นกัน

แต่มาจากคำตัดสินยุบพรรคของศาลรัฐธรรมนูญ

"อาวุธลับ" ที่วอร์รูมพรรคประชาธิปัตย์เคยประเมินไว้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณและแกนนำคนเสื้อแดง เตรียมงัดมาใช้หลังหอบลูกเมียลี้ภัยที่ตัวเองก่อไปกบดานอยู่ที่เมืองนอกจนหมดแล้ว คือการสร้างสถานการณ์เพื่อก่อให้เกิดการจลาจล !

ยิ่งตำรวจสามารถจับกุมทีมลอบสังหาร "ชาญชัย ลิขิตจิตถะ" องคมนตรี ได้ก่อนการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงเพียง 1 วัน พร้อมคำสารภาพเรื่องแผนวางระเบิด 10 จุดทั่วกรุงเทพฯ ขณะที่ผู้จ้างวานทีมดังกล่าวคือ "เสธ.เป๊ก-นาวาอากาศเอก จักรกฤษณ์ สังขะนันท์" ที่แม้จะเคยเป็นคนติดตาม พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี

แต่แท้จริง "เสธ.เป๊ก" เป็นคนสนิทของนายพล ม.ม้า อดีต จปร.7 เพื่อนร่วมรุ่นกับนายพล พ.พาน ที่ตอนนี้หันไปเป็นทีมงานเฉพาะกิจให้กับ "ทักษิณ" และอดีต "ยังเติร์ก" ทั้งสองคนนี้ ก็มีเกียรติประวัติในเหตุการณ์สำคัญหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการปฏิวัติ ลอบสังหาร ฯลฯ

เหล่านี้จึงเป็นที่มาของการสั่งให้จับตาการสร้างสถานการณ์ในกลางคืนช่วงรอยต่อระหว่างวันที่ 8-9 และ 9-10 เมษายน เนื่องจากมีรายงานข่าวกรองว่า อาจจะมีการวางเพลิงหรือปาระเบิดสถานที่ราชการ องค์กรอิสระต่างๆ หรือแม้แต่ธนาคารพาณิชย์

รวมถึงกระแสข่าวว่า มีคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณแอบไปหารือกับ "บิ๊กนครบาล" รายหนึ่ง ในเซฟเฮาส์บนถนนสุขุมวิท เพื่อให้ตำรวจสายเสื้อแดงเข้าไปมีส่วนในการสร้างสถานการณ์ด้วย

และหากเกิดชนวนเหตุที่ปลุกให้การชุมนุมลุกลาม จนทำให้เกิดคนตายจำนวนหนึ่ง สุดท้ายอาจเข้าทาง "ทักษิณ-เสื้อแดง" ที่จะบีบให้ "บุคคลชั้นสูง" ต้องลงมาไกล่เกลี่ย ซ้ำรอยเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ

ยุทธวิธี "ถอยสุดซอย" ของรัฐบาล แม้จะได้ผลระยะหนึ่ง แต่ขณะนี้ดูเหมือนว่ารัฐบาลที่ตกใจไม่หายกับการยกระดับการชุมนุมฉับพลัน ก็จำเป็นต้องปรับแผน และสิ่งที่ประเมินไว้ก่อนหน้าว่าการชุมนุมคนเสื้อแดงจะจบลงก่อนเทศกาลสงกรานต์และการประชุมสุดยอดอาเซียน บวก 3 และบวก 6 ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ต พัทยา ระหว่างวันที่ 10-12 เมษายนนี้

เพราะเป็นไปได้ว่าคนเสื้อแดงอาจเดินทางไปก่อความวุ่นวายในการประชุมดังกล่าวด้วย!!!

อย่างไรก็ตาม ข้อเรียกร้องทั้ง "ยุบสภา" หรือให้นายกรัฐมนตรี "ลาออก" ผ่านการประเมินจากวอร์รูมประชาธิปัตย์อย่างรอบคอบแล้วว่า "ไม่สามารถปฏิบัติตามได้" เพราะไม่มีใครยืนยันว่า ถ้ารัฐบาลทำตามแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณรวมถึงคนเสื้อแดงจะยุติการเคลื่อนไหวจริง

เพราะกลัวว่า "ได้คืบแต่จะเอาศอก" เรียกร้องเพิ่มเติมให้ยกเลิกคดีความและคืนทรัพย์สิน 76,000 ล้านบาท ที่ถูกแช่แข็งคืนอีก

รัฐบาลหวังว่าจะใช้ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว และค่อยๆ แก้ปัญหาไปทีละเปราะ นอกจากจะผ่านพ้นเหตุการณ์ไปโดยไม่มีใครเสียเลือดเนื้อแล้ว อาจจะได้คะแนนนิยมทางการเมืองเพิ่มขึ้นด้วย

แต่ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งขีดเส้นตายไว้ 3 วัน คงไม่ยอมให้ศึกแดงเดือดครั้งนี้ยุติลงง่ายๆ แน่...

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์