“จาตุรนต์”ไล่บี้“สุรยุทธ์”ไขก๊อกองคมนตรี

เมื่อเวลา 16.30 น. วันนี้ (30 มี.ค.) ที่โรงแรมรอยัล ปริ๊นเซส นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย

แถลงถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า มีแนวโน้มที่จะบานปลาย กลายเป็นวิกฤติที่เข้มข้นยิ่งขึ้น โดยมีประชาชนมาร่วมชุมนุมมากเป็นพิเศษ เนื่องจาก ประชาชนได้รับข้อมูลที่มีเหตุผล และแน่นหนากว่าการชุมนุมครั้งที่ผ่านมา ยิ่งมีกระแสข่าวว่า จะสลายการชุมนุม ทำให้เกิดการระดมคนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในต่างจังหวัดมีการชุมนุมไม่ต่ำกว่า
20 จังหวัด จนเหตุการณ์ตึงเครียด และไม่มีท่าทีจะคลี่คลายได้ง่ายๆ

เพราะเหตุผล
2 ข้อคือ 1.การเป็นรัฐบาลที่สืบต่ออำนาจจาก คมช. 2.มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการจัดการ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และการวางแผนทำรัฐประหาร เมื่อ 2 สาเหตุมารวมกัน จึงส่งผลให้การชุมนุมใน กทม.และ ต่างจังหวัด มีพลังมากขึ้น ในขณะที่ฝ่ายถูกกล่าวหาว่า ทำการรัฐประหารนั้น ไม่สามารถชี้แจงเหตุผลได้ โดยเฉพาะกรณีที่นายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา เชิญ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผอ.กอ.รมน. และนายปราโมทย์ นาครทรรพ มาหารือที่บ้านสุขุมวิท เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2549 โดยอ้างว่า พล.อ.พัลลภ มีข้อมูลเรื่องคาร์บอมบ์ และนายปราโทย์มีข้อมูลเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ แต่ความจริงปรากฎว่า เหตุการณ์ทั้งสองเรื่อง ล้วนเกิดขึ้นภายหลังจาก วันที่ 6 พ.ค.2549 หรือ กรณีนายปีย์ถาม พล.อ.พัลลภ ว่าจะทำใ ห้พ.ต.ท.ทักษิณ หายไปได้หรือไม่ แต่พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ที่นั่งอยู่ด้วย กลับเงียบ ไม่ห้ามปราม เข้า
  

นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความเสื่อมเสียให้คนสองกลุ่มได้แก่
1.ประธานศาลต่าง ๆ 2.
พล.อ.สุรยุทธ์

ซึ่งสิ่งที่ พล.อ.สุรยุทธ์ ควรทำคือ การแจ้งความหรือฟ้องร้องดำเนินคดี พล.อ.พัลลภ และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ หากเห็นว่าข้อมูลที่ทั้งสองคนพูดไม่เป็นความจริง หาก พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่แจ้งความหรือฟ้องร้องแล้วแพ้คดี ก็ควรลาออกจากองคมนตรี เพื่อรักษาสถาบันองคมนตรีเอาไว้ ทำไมพล.อ.สุรยุทธ์ไม่แจ้งความ ทั้งที่เป็นเรื่องเสียหายร้ายแรงต่อสถาบันองคมนตรี การไม่แจ้งความ แสดงว่า ไม่ทุกข์ร้อน หรืออาจเป็นเพราะกลัวจะถูกเปิดเผยข้อมูลที่ลึกกว่านั้นหรือไม่
 


นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า ส่วนการแก้ปัญหาการชุมนุมนั้น ไม่ควรสลายการชุมนุม เพราะกลุ่มเสื้อแดงไม่ได้ทำผิดกฎหมาย


ถ้าไปสลายการชุมนุม จะยิ่งเป็นการราดน้ำมันเข้ากองไฟ นอกจากนี้ ผบ.ทบ.ควรสั่งถอนกำลังทหาร
6 พันนาย ออกจากทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากผู้ชุมนุมยังไม่ได้บุกรุกทำเนียบ และไม่มีการใช้อาวุธ หากทหารยังควบคุมสถานการณ์จะถูกวิจารณ์ว่า สองมาตรฐาน เพราะเมื่อครั้งกลุ่มพันธมิตรฯ ยึดทำเนียบรัฐบาล และสนามบินสุวรรณภูมิ ทหารกลับไม่ออกมาเคลื่อนไหว ส่วนการยุบสภาไม่ใช่ทางออกในการแก้ปัญหา เพราะเชื่อว่า หากพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายแพ้การเลือกตั้ง และพรรคเพื่อไทยชนะ กกต. ก็จะหาทางยุบพรรคเพื่อไทยอีก ทำให้ไม่สามารถแก้วิกฤติได้ จึงคิดว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญบางมาตรา เพื่อเปิดทางไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญ

โดย ตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญ และในระหว่างร่างก็ไม่ควรให้กกต. ป.ป.ช.ชุดปัจจุบันทำงาน

และให้พรรคการเมืองไปพูดคุยกัน เพื่อหาตัวนายกรัฐมนตรีที่เป็นกลาง สังคมให้การยอมรับ แต่ต้องไม่ใช่นายกฯ ที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย หรือ คนนอก ซึ่งอาจเป็นรูปแบบรัฐบาลที่ไม่มีฝ่ายค้าน เป็นรัฐบาลที่ทุกพรรคบริหารงานร่วมกัน แต่ไม่ขอเรียกว่า รัฐบาลแห่งชาติ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญเรียบร้อยก็จัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ยืนยันแนวคิดการแก้รัฐธรรมนูญ เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือ พวกบ้านเลขที่
111 ตนไม่เคยฟังคำสั่ง พ.ต.ท.ทักษิณ และไม่คิดขึ้นเวทีคนเสื้อแดง ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ เตรียมจะนัดชุมนุมเช่นกันนั้น ถ้ากลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวจริงก็น่าเป็นห่วงว่าจะเกิดการเผชิญหน้ากันมากขึ้น


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์