สุรยุทธ์โต้ไม่เคยให้ร้ายแม้วไม่จงรักภักดี

คมชัดลึก :“สุรยุทธ์” โต้ “ทักษิณ” ไม่ได้อยู่เบื้องหลังปฏิวัติ 19 ก.ย. "ลั่น"ไม่เคยปรักปรำ“ทักษิณ”ไม่จงรักภักดี“ในหลวง” ยันคำเดิมจะไม่ฟ้องร้อง แต่อยากให้ประชาชนตัดสินใจว่า ใครพูดจริงไม่จริง


 (28มี.ค.) เวลา 17.00 น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวเปิดใจหลังเดินทาง กลับจากเป็นประธานโครงการ 9 ล้านต้นกล้ามหามงคล ที่ จ.เชียงใหม่ ถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ระบุว่า พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการทำการปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ตนไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะไปวางแผนในการทำรัฐประหาร ถ้าตนจำไม่ผิดที่ได้มีการพบปะกันครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อประมาณต้นเดือน พ.ค. 49 โดยที่ นายปรีย์ มาลากุล เป็นคนเชิญไปพบ ซึ่งไม่ได้มีการเตรียมการอะไรมากมาย เพราะในช่วงนั้นเป็นเรื่องที่หลังจากมีการเลือกตั้งทั่วไป

 "สิ่งที่ผมอยากเรียนคือในฐานะที่ผมเป็นผู้ที่ติดตามคราวข่าวในเรื่องต่างๆ จำเป็นที่จะต้องพบปะพูดคุยกับบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในช่วงนั้นหากท่านทั้งหลายติดตามสถานการณ์จะเห็นว่า เป็นช่วงเวลาที่อาจจะเรียกว่า เป็นเรื่องของฝ่ายตุลาการที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ซึ่งเป็นปัญหาบ้านเมืองในวันนั้นผมมีความตั้งใจเพียงแต่ว่าจะได้มีโอกาสฟังข้อคิดเห็นจากทางฝ่ายตุลาการในระดับสูง ผมรู้จักท่านเดียวคือ นายอักขราทร จุฬารัตน อดีตประธานศาลปกครองสูงสุด เพราะผมรู้จักกับท่านตอนที่เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ส่วนท่านอื่นไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีที่ได้รับฟังข้อคิดจากท่านทั้งหลาย การพูดคุยกันเป็นการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นมิได้มีการกระทำการใด ๆ ซึ่งผมคงพูดได้ว่าถ้าผมไปพูดเรื่องการทำรัฐประหารกับผู้พิพากษาหรือตุลาการมันไม่สมเหตุผล ถ้าผมพูดกับ ผบ.เหล่าทัพ น่าจะสมเหตุผลมากกว่า " พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าว

พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวอีกว่า แม้กระทั่ง นายปรีย์ ที่อยู่ในวงการสื่อสารมวลชน และได้เป็นผู้บริหารบริษัทแปซิฟิค คอมมูเนเคชั่น จำกัด และได้เกี่ยวข้องกับ จส.100 ซึ่งตนได้คุ้นเคยกับ นายปรีย์มานานพอสมควร ซึ่งนายปรีย์ ถือว่าอยู่ในสื่อจึงยืนยันได้ว่า หากท่านทั้งหลายอยากได้รับทราบข้อมูลคงจะสอบถามได้จากนายปรีย์ได้ เรื่องที่สอง เป็นเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทำวีดีโอลิงค์มาเมื่อคืนวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา และมีการพูดถึงประเด็นที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2545 ซึ่งอยากจะเรียนว่าตนได้ดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอน หมายถึงแผนการในการเคลื่อนย้ายกำลังที่จะไปฝึกบริเวณชายแดนในการพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลังจะเป็นการดำเนินการ ซึ่งกองทัพบกได้ทำเรื่องขออนุมัติไปยัง พล.ร.อ.ณรงค์ ยุทธวงศ์ อดีต ผบ.ทหารสูงสุด ในขณะนั้น ซึ่งทาง บก.ทหารสูงสุด ได้ทำเรื่องไปยัง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีต รมว.กลาโหม ซึ่งสิ่งที่เราได้รับจากกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น คือคำสั่งที่อนุมัติในหลักการในการเคลื่อนย้ายกำลังไปดำเนินการฝึกในบริเวณพื้นที่ใกล้ ๆ ชายแดน โดยที่คำสั่งนี้เป็นคำสั่งที่ยังอยู่ในชั้นความลับ ตนไม่สามารถเปิดเผยได้ขณะนี้ แต่เรียนให้ทราบได้ว่าได้อนุมัติในหลักการจาก รมว.กลาโหม เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2545 ซึ่งเราได้ดำเนินการตามขั้นตอน จากนั้นเมื่อทางรัฐบาลเห็นว่าไม่มีความเหมาะสมเราจึงได้ถอนกำลังกลับประมาณวันที่ 20 กว่า ของเดือน พ.ค. 2545

 “มีคำพูดที่อ้างว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับกำลังของฝ่ายไทย เพราะเราไม่ได้เคลื่อนที่ไปบริเวณชายแดน แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดน ซึ่งมีกำลังของชนกลุ่มน้อยอยู่ที่บริเวณชายแดน ดังนั้นทางกองทัพบกไม่ได้เข้าไปเข้าเกี่ยวข้อง ซึ่งจากผลการสอบสวนชัดเจนว่า ไม่ได้เป็นเรื่องที่กองทัพบกได้ดำเนินการ ซึ่งหลาย ๆ สิ่งที่ได้ออกมาพูดไม่ได้อยู่บนความเป็นจริง แต่อยู่บนข้อมูลที่คาดเคลื่อน ซึ่งทำให้เกิดความคิดเห็นที่จะส่งผลกระทบต่อตนเอง แม้กระทั่งเรื่อง พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ อดีต กกต. ที่มองได้สองแง่ ผมไปพบกับ พล.อ.จารุภัทร โดยที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้โทรศัพท์มาขอให้ช่วยพูด เพราะว่าโอกาสที่คณะ กกต.ทั้งหมดจะถูกฟ้องศาลมีมาก และโอกาสที่จะพลาดก็มีสูง จึงได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งในปัจจุบันนี้ พล.อ.จารุภัทร ยังมาขอบคุณผมว่า หาก พล.อ.จารุภัทร ไม่ฟังผมแล้วปานนี้คงจะถูกศาลตัดสินลงโทษ ซึ่งถือเป็นมุมมองจากสองด้าน ทั้งนี้จากการที่ผมได้ให้ข้อคิดเห็นไป ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ พล.อ.จารุภัทร เองว่าจะเลือกทางเดินทางไหน เลือกทางเดินที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองที่ดีสุด คือทางเลือกที่ทุกคนจะสามารถเลือกได้ ผมเพียงให้ข้อคิดเห็นไม่ได้ไปสั่งใคร หรือให้ใครทำสิ่งใดได้ ผมเคารพในความคิดเห็นของบุคคลอื่น ขณะเดียวกันข้อคิดเห็นของผมเป็นเพียงข้อพิจารณาเท่านั้น” พล.อ.สุรุยทธ์

พล.อ.สุรยุธท์ กล่าวอีกว่า ข้อมูลที่ปรากฏจากสื่อมวลชนเป็นข้อมูลที่คาดเคลื่อน ไม่ได้เป็นข้อมูลที่ตรงกับข้อเท็จจริง ตนก็เสนอในสิ่งที่เป็นมุมมองข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งเพื่อให้ทุกท่านนำไปพิจารณาเพื่อประกอบการตัดสินใจของแต่ละท่านเอง ท่านควรจะเชื่อในสิ่งที่ตนพูด หรือเชื่อในข่าวที่ออกมาอย่างนั้น ทั้งนี้การที่ไปบ้านย่านสุขุมวิท เพราะนายปรีย์ เป็นคนเชิญ เป็นลักษณะที่เชิญไปทานข้าว ตนไปบ้านนายปรีย์ หลายครั้ง และมีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น เป็นเรื่องธรรมดาที่เราทุกคนมีเสรีที่จะคิด มีเสรีที่จะแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น แต่ไม่มีเสรีในการปฏิบัติ ทั้งนี้การพูดคุยมีการแลกเปลี่ยนสถานการณ์บ้านเมือง ไม่ได้เกี่ยวกับการปฏิวัติ แต่พูดคุยสถานการณ์ของบ้านเมืองว่าเรามีปัญหาจะมีทางออกกันอย่างไรจากมุมมองของแต่ละฝ่าย อย่างไรก็ตาม ได้เจอ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีต รอง ผอ.กอ.รมน.ที่โต๊ะทานข้าว

 เมื่อถามว่า ปฏิเสธได้หรือไม่ว่า การคุยกันกับผู้ใหญ่ในวงอาหารไม่ได้มีการวางแผนปฏิวัติ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนยืนยัน และคิดว่ามีอีกหลายท่านที่จะตอบคำถามอันนี้ได้
 เมื่อถามว่า จะมีการฟ้องร้อง พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ ที่มีการกล่าวพาดพิงตัวท่าน พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนคงไม่ฟ้องอย่างที่เคยพูดไปแล้ว เพียงแต่ต้องการให้ทุกท่านได้ทราบถึงความจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้น

 เมื่อถามว่า การพูดคุยกันที่โต๊ะอาหารได้ข้อสรุปอย่างไรกับการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ข้อสรุปคือมุมมองจากฝ่ายตุลาการว่า สิ่งที่เราเคยพูดว่าตุลาการภิวัฒน์จะมีทางออกหรือไม่ ก็เป็นเรื่องข้อสรุปในวันนั้น

 เมื่อถามว่า ข้อสรุปมีการพูดถึงเรื่องการปฏิวัติหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มี การพูดกับผู้พิพากษาว่า ควรจะทำอย่างโน้นอย่างนี้ในการใช้กำลัง ตนคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีเหตุผล
 เมื่อถามว่า หากจะทำปฏิวัติควรจะปรึกษาหารือกับผู้นำทางทหารมากกว่าใช่หรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า น่าจะเป็นอย่างนั้น

 เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.พัลลภ ระบุว่า พล.อ.สุรยุทธ์ บอกว่าจะไม่รับตำแหน่งใด ๆ หากมีการทำปฏิวัติ พล.อ.สุรยทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้พูดสิ่งเหล่านั้นเลย ทั้งนี้สิ่งที่ พล.อ.พัลลภ พูดออกมาคงเกิดความคาดเคลื่อน

 เมื่อถามว่า การพูดคุยกันวันนั้นได้มีการพูดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ เกี่ยวกับการหมิ่นสถาบันหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า วันนั้นไม่ได้มีเรื่องของการหมิ่นสถาบัน แต่เป็นเรื่องที่พูดแนวทางในการแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง ซึ่งอยู่ในสภาวะะวิกฤตในช่วงนั้นว่ามีทางออกอย่างไร

 เมื่อถามว่า เป็นเพราะเหตุใด พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงได้พุ่งเป้ามาที่ท่าน พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพียงตนจะชี้แจงในด้านที่เกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ พล.อ.เปรม ตนก็ไม่ทราบ ก็คงเรียนได้อย่างนั้น ส่วนเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เป็นการเคลื่อนย้ายกำลังจากองพลที่ 1 ไปแทนที่กองพลทหารราบที่ 9 ที่ชายแดน ไม่ได้เป็นการเคลื่อนย้ายกำลังเข้ามาในทำปฏิวัติรัฐประหารอะไรทั้งสิ้น ตนได้ตอบ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปว่าไม่ได้มีการปฏิวัติรัฐประหาร แต่เคลื่อนย้ายกำลังไปที่ชายแดนเพื่อทำการฝึกตามแผนที่ได้ขออนุมัติไว้แล้ว ทั้งตนมีหน้าที่เรียนความจริงที่ตนได้ประสบ และได้รับฟังและได้เห็นกับท่านทั้งหลายให้ได้รับทราบ

 เมื่อถามว่า พล.อ.พัลลภ เรียกร้องให้ท่านลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า อย่างที่ได้บอกไปแล้ว เป็นข้อคิดตนรับไว้พิจารณาได้ แต่ว่าก็คงจะประกอบการตัดสินใจของตน และคงจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร

 เมื่อถามว่า องคมนตรีไม่มีหน้าที่ที่จะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า หน้าที่ของที่ปรึกษา ถ้านั่งอยู่ในห้องเฉย ๆ จะมีข้อมูลหรือไม่ เผื่อว่าท่านเรียนถามจะตอบได้หรือไม่ว่าอะไรมันเกิดขึ้น จะมีคนเขียนจดหมายให้กับท่านหรือไม่ว่าอะไรมันเกิดขึ้นได้อย่างไร นั่นคือหน้าที่ของที่ปรึกษาในการรวบรวมข้อมูล มีหน้าที่ที่จะต้องฟังความคิด แต่ไม่ได้มีหน้าที่จะไปปฏิบัติ

 เมื่อถามว่า จะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฎหมายหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนคงไม่ดำเนินทางกฎหมายใด ๆ แต่ตนต้องการที่จะให้ประชาชนได้รับทราบว่าสิ่งที่ตนได้เรียนในวันนี้ขอให้ท่านได้พิจารณาว่าสิ่งที่ได้รับฟังจากท่านอื่น ๆ หรือที่ได้รับฟังจากตนเพื่อประกอบการตัดสินใจของท่านว่าควรจะรับฟังจากส่วนใด

 เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่า พ.ต.ทักษิณ จะนำคลิปลับมาเปิดเผยในเวทีกลุ่มคนเสื้อแดง พล.อ.สุรุยทธ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ตนยืนยันได้ว่าตนพร้อมที่จะชี้แจงเรื่องต่างๆ และเรื่องที่ตนได้ชี้แจงไปในวันนี้ก็จะเป็นส่วนที่สำคัญที่จะให้ทุกท่านได้พิจารณา

 เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกันกับ พล.อ.เปรม อย่างไรบ้าง เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมากล่าวพาดพิง พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุย เพียงกราบขออนุญาตแถลงข่าวเพื่อชี้แจงเรื่องต่าง ๆ ที่ตนได้รับทราบมา และต้องการให้ประชาชนได้รับทราบด้วย

  เมื่อถามว่า โดยส่วนตัวท่านกับ พ.ต.ท.ทักษิณ โกรธแค้นกันหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้มีความรู้สึกที่ถือว่าจะมีโมโห หรือมีความโกรธแต่อย่างใด ตนเข้าใจดีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังประสบปัญหาอะไร เพียงแต่อยากให้ประชาชนได้รับทราบว่าอย่าฟังเพียงด้านเดียว ควรฟังอีกด้านหนึ่งด้วย และพิจารณาว่าสิ่งใดมีเหตุมีผลมากน้อยอย่างไร

 “ผมคงไม่สามารถประเมินสถานการณ์นับจากนี้ไปว่าจะเป็นอย่างไร มันยังมีความต่อเนื่องของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป ผมไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร แต่ผมคิดว่าคงจะต้องมีความต่อเนื่องต่อไป เพราะสิ่งที่เราคงจะต้องเตรียมรับฟังและพิจารณาให้รอบคอบ สิ่งใดควรรับฟังได้ หรือสิ่งใดที่ไม่น่ามีเหตุผลที่เหมาะที่ควร ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาขึ้นอยู่กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย” พล.อ.พัลลภ กล่าว

 เมื่อถามว่า ท่านเคยให้สัญญาณกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่าหากเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วจะให้ฟรีทีวีหนึ่งช่อง พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่เคยให้สัญญากับนายสนธิ ในเรื่องฟรีทีวี ตนไม่ได้คุยกับนายสนธิ เรื่องนี้แน่นอน ตอนที่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใหม่ เคยให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคมช. ที่เคยมาพูดกับตนสามครั้ง และจำคำพูดของ พล.อ.สนธิ ได้ว่า พี่ครับผมไม่มีใครแล้วต้องขอร้องให้พี่ช่วย นั่นคือสิ่งที่ได้ตัดสินใจ ซึ่งก็ฝืนจากความรู้สึกของตัวเอง เพราะตนเคยพูดกับครอบครัวว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งก็ฝืนเป็นอย่างมาก ต้องไปพูดกับทางครอบครัว ทั้งภริยา และลูก ต้องตัดสินใจทำ ทั้งนี้ตนไม่เคยพูดคุยกับนายสนธิ ก่อนหน้านั้น เคยพูดทางโทรศัพท์และพูดอย่างที่ นายสนธิ บอกว่าตนให้กำลังใจ อดทน ต่อสู้ต่อไป ทั้งนี้ตนไม่ได้สนับสุนให้กลุ่มพันธมิตร ชุมนุม แต่เพียงให้กำลังใจว่าขอให้ต่อสู้ตามทิศทาง

 เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า ท่านเคยเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อกราบบังคมทูลว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่จงรักภักดี พล.อ.สุรุยทธ์ กล่าวว่า ไม่จริง ตนคงไม่บังอาจที่จะไปกราบบังคมทูลในลักษณะเช่นนั้น เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีสายพระเนตรที่ยาวไกล และตนไม่เคยไปปรักปรำ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่อยู่ดี ๆ จะไปบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่จงรักภักดี
 เมื่อถามย้ำว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีการระบุว่า ท่านจะถวายงานแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการล้มรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ยิ่งไม่มีใหญ่ ผมคิดว่าไม่มีใครกล้าไปกราบบังคมทูลในลักษณะเช่นนั้น

 เมื่อถามว่า แสดงว่าสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดเป็นการโกหกทั้งหมด พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนตอบได้ในมุมมองของตนว่าไม่ได้ทำอะไร คงไม่สามารถบอกว่าคำพูดของท่านอีกคนเป็นอย่างไร เพียงแต่บอกท่านทั้งหลายว่าขอให้ท่านพิจารณาว่าเมื่อฟังสองด้านแล้วคิดอย่างไร

 เมื่อถามว่า รู้สึกอึดอัดกับปัญหาที่เกิดขึ้นหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ถึงกับอึดอัด อย่างที่ตนได้ติดตามอยู่สิ่งใดที่พาดพิงมาถึงตน ตนก็คงจะต้องออกมาชี้แจงเพื่อให้เกิดภาพที่ชัดเจน ทั้งตนคงไม่ไปวิจารณ์คนอื่น ๆ

 เมื่อถามว่า ตอนนี้สายสัมพันธ์ระหว่างท่านกับ พล.อ.พัลลภ เป็นอย่างไร พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ท่านเป็นรุ่นพี่ เพราะว่าเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ก็เป็นเรื่องช่วงระยะเวลาเราก็ใกล้ถึงวันอวสาน ไม่มีประโยชน์ทำให้เกิดความโกรธ โทสะขึ้นมา ทุกคนก็จะต้องลงหลุมกันทุกคน

 เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ติดต่อมาบ้างหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ได้ติดต่อมาแต่ติดต่อมานานแล้ว ตั้งแต่ในช่วงที่ตนได้มีโอกาสพูดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งสุดท้าย ในงานศพของคุณแม่ของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.

 เมื่อถามว่า เหมือนเป็นวิบากกรรมที่หนักที่สุด พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า คงไม่มากตนเคยเจอมามากกว่านี้ แต่ก็ผ่านมาถึงปัจจุบัน ถึงอย่างไรเราก็จะต้องหาทางแก้ไขปัญหาว่ามีสิ่งใดที่จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด มีเหตุผลมากที่สุด ส่วนการที่วิทยุชุมนุมมีการพาดพิงโจมตีอยู่ในขณะนี้นั้น เป็นเรื่องของวิทยุชุมชน ตนฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะรู้ว่ามีจุดมุ่งหมายอะไร ที่จะใช้ถ้อยคำเหล่านั้น ต้องการที่จะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นเรื่องของประชาสัมพันธ์อีกระดับหนึ่ง ก็คงไม่ต้องไปให้ความสนใจอะไรมากนัก

 เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนคงไม่มีอะไรจะฝาก เพราะว่าเดี๋ยวท่านก็คงฟังทางสื่อ ทั้งนี้ตนไม่สามารถที่จะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หยุดได้ ทั้งนี้ตนไม่เบื่อสถานการณ์ แต่ทุกคนจะต้องช่วยกัน

 เมื่อถามว่า การที่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า คงไม่ได้เป็นเรื่องของการตัดสินใจที่ดีนัก เมื่อย้อนกลับมาคิดในตอนหลัง

 เมื่อถามถึงความมีสัจจะในตัวของท่าน พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนคงไม่สามารถบอกได้ว่าตนเป็นคนที่มีสัจจะ แต่ท่านคงพิสูจน์ได้ เพราะรู้จักตนมานานพอสมควร
 เมื่อถามว่า พล.อ.เปรม ให้กำลังใจกับท่านอย่างไรบ้าง พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีการให้กำลังใจกัน เพียงแต่ขออนุญาตท่านในการออกมาแถลงข่าวเท่านั้น


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์