นายกฯเล็งกู้เงินเพิ่ม70,000ล้านบาท ชี้จำยามศก.ฝืด

วันนี้(15 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ 'เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์' ว่า

สภาวะเศรษฐกิจบองบ้านเราในปัจจุบัน ขึ้นอยู่กับปัญหาของเศรษฐกิจโลกที่สาหัสหนักหนากว่าที่หลายฝ่ายเคยคาดการณ์ไว้ โดยแผนในการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ 2 จึงมีความจำเป็นต้องอาศัยเงินกู้จากต่างประเทศ ซึ่งครม.ได้พิจารณา และอนุมัติกรอบการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับเงินกู้ เป็นเงินกู้อยู่ในกรอบวงเงิน 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 70,000 ล้านบาท) เพื่อนำมาใช้ในเรื่องของโครงการในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่จำเป็นจะต้องใช้เงินตราต่างประเทศด้วย ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ เราจะต้องมีการนำเสนอต่อรัฐสภา เพื่อให้อนุมัติกรอบการเจรจา ก่อนจะมีการดำเนินการเจรจา โดยคาดว่า น่าจะทำให้เราสามารถมีเงินก้อนนี้มาใช้จ่ายได้ประมาณไตรมาสที่ 3 ต่อจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดำเนินการไปในช่วงครึ่งปีแรก


ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังระบุว่า

สำหรับประชาชนที่เป็นห่วงเป็นใยว่า เราจะต้องไปกู้เงินจากต่างประเทศ อยากเรียนว่า เรามีเงินตราต่างประเทศจำนวนมากที่เป็นเงินสำรอง ขณะนี้มีมากกว่าหนี้ต่างประเทศของเราหลายเท่าตัว แต่ว่าตามกฎหมาย ไม่สามารถนำเงินสำรองส่วนนั้นมาใช้จ่ายได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราจะทำโครงการการพัฒนา เราจึงจำเป็นต้องไปกู้เงิน และไม่ได้หมายความว่า
สถานะทางการเงินหรือเงินสำรองของประเทศมีปัญหา โดยมีคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจติดตามตัวเลขหนี้สาธารณะ ที่ปัจจุบันจะอยู่ประมาณร้อยละ 38 ของรายได้ประชาชาติ


นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ ว่า
 
ในช่วงของวิกฤต เราจำเป็นต้องมีการกู้ยืมเงินมากขึ้น ขณะเดียวกันรายได้ก็ไม่ขยายตัว อาจจะหดตัวเล็กน้อย สัดส่วนหนี้จึงต้องสูงขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา อาจจะขึ้นไปถึงใกล้เคียงกับร้อยละ 50 แต่ไม่ใช่ตัวเลขที่น่าตกใจ เพราะหลายประเทศมีตัวเลขสูงกว่านี้ และที่สำคัญที่สุด ในขณะนี้ทุกประเทศเห็นตรงกันว่า ในภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง ประชาชนมีความเสี่ยงที่จะตกงาน และยากลำบากจากปัญหาการไม่มีรายได้ รัฐบาลจะต้องมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ


แต่ในยามที่เศรษฐกิจฝืดเคืองการจัดเก็บภาษีก็จะจัดเก็บได้น้อย เพราะฉะนั้น การกู้เงินต้องเกิดขึ้น แต่จะเป็นการกู้เงินซึ่งไม่ทำให้กระทบกับเรื่องของวินัยทางการเงินการคลัง และเชื่อมั่นว่าเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น เราจะสามารถจัดเก็บรายได้มาชดเชยในส่วนของหนี้หรือว่าการขาดดุลในช่วงที่เศรษฐกิจฝืดเคือง ซึ่งเป็นแนวทางที่ทุกประเทศกำลังทำอยู่


ขณะที่การเดินทางเยือนอังกฤษ เวลาตอบคำถามสื่อมวลชน เขากลับถามเราครับว่า ทำไมเราไม่ใช้จ่ายเงินหรือกู้ยืมเงินมากกว่านี้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งได้ชี้แจงไปว่า เราต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย แต่ขณะเดียวกันเราก็กำลังมองหาช่องทางต่าง ๆ ที่จะทำให้เราสามารถที่จะมีเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์