ศึกซักฟอก-บทพิสูจน์-ฝ่ายค้าน-มือใหม่-หัดขับ

ก่อนเดินเครื่องปฏิบัติการโค่นรัฐบาล ปชป.ต่อเนื่องด้วยการ “ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล” ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร
 
ตามที่เงื่อนไขรัฐธรรมนูญมาตรา 158 ที่ระบุชัดในเรื่องของจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเป็นบทบัญญัติใหม่ในรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่เข้าข่ายถูกถอดถอน
โดยแนบชื่อของ “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” ประธาน ส.ส.ขึ้นชิงตำแหน่งนายกฯ
 
โดยมีเหล่า "ขุนพลเพื่อไทย" ที่เตรียมขึ้นเวทีประกบซักฟอกรัฐมนตรีตัวต่อตัว 
 
นำทีมโดย ร.ต.อ.เฉลิม วิทยา บุรณศิริ สุนัย จุลพงศธร จตุพร พรหมพันธุ์ ประชา ประสพดี  ไพจิต ศรีวรขาน จุมพฏ บุญใหญ่ ฯลฯ
     
ต่างเรียงหน้ากันออกมาแสดงความมั่นใจว่า จะสามารถเขย่าบัลลังก์และลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลได้ไม่มากก็น้อย
 
ชูประเด็นหลักของการอภิปรายพุ่งเป้าไปที่ "นายกฯ อภิสิทธิ์" ถึง 14 ประเด็น ไล่ตั้งแต่การกระทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญชัดเจน ทุจริตและประพฤติมิชอบ 
 
การเป็นผู้นำประเทศที่บกพร่องต่อหน้าที่และไร้ประสิทธิภาพจนไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งทางสังคมและวิกฤติเศรษฐกิจได้ โดยยกกรณีการใช้สองมาตรฐานในการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตร และกลุ่มเสื้อแดง
 
ตลอดจนความสง่างามในการเป็นนายกฯ ที่ได้มาของรัฐบาลประชาธิปัตย์ ก่อนย้ำจุดอ่อนภาพความไม่มีจริยธรรม คุณธรรมของคณะรัฐบาลชุดนี้ !!
 
ที่ถือเตรียมเป็นใช้ไม้เด็ดสำหรับต่อ "จิ๊กซอว์" เชื่อมโยงให้ประชาชนเห็นภาพทั้งหมด 
 
หลังจากก่อนหน้านี้ แย้มประเด็นเชือดหลักๆ ที่หวังผลถึงสองเด้ง คือ การเชื่อมโยงเกี่ยวพันตัว “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” และพรรคประชาธิปัตย์ ที่พบว่ามี 2-3 ประเด็น ที่ทำผิดกฎหมายและผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง
 
ไล่ตั้งแต่กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ที่มีเงื่อนงำจาก  "บริษัท ทีพีไอโพลีน" ของ "เสี่ยประชัย เลี่ยวไพรัตน์" ผ่าน "บริษัท แมสไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น" ทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ที่พรรคเพื่อไทยยืนยันว่ามีหลักฐานโยงใยไปถึง "บิ๊ก" ประชาธิปัตย์
 
ที่คดียังอยู่ระหว่างการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่พบความไม่ชอบมาพากล เช่น การไซฟ่อนเงิน เลี่ยงภาษี
โดยพบว่า “ประจวบ สังขาว” เจ้าของแมสไซอะฯ มีสัมพันธ์ลึกกับพรรคประชาธิปัตย์
 
ต่อมาคือ ประเด็นการแต่งตั้ง "กษิต ภิรมย์" เป็น รมว.ต่างประเทศ ทั้งๆ ที่ถูกดำเนินคดีข้อหาเป็นผู้ก่อการร้ายสากล ที่ร่วมยึดสนามบินสุวรรณภูมิ สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศ
 
โดย "อภิสิทธิ์" ถูกข้อหาแต่งตั้งผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าทำลายเศรษฐกิจ มาเป็น รมว.ต่างประเทศ ที่เข้าข่ายทำผิดจริยธรรม 
 
และประเด็นสำคัญที่เข้าทำนอง "ปลาตายน้ำตื้น" เกี่ยวกับกรณี "ซุกทรัพย์สิน" ที่ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยได้ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ว่า "อภิสิทธิ์" จงใจซุกรถยนต์ "ยี่ห้อฮอนด้าโอดิสซี" ที่เคยแจ้งกับป.ป.ช. ตอนสมัยเป็น ส.ส. แต่พอมาเป็นนายกฯ กลับไม่มีแจ้ง

ขณะที่เมื่อหันมาดู รายการเชือดรัฐมนตรีรายบุคคล ที่เพื่อไทยเปิดแบล็กลิสต์รายชื่อ 4-6 รัฐมนตรีที่จะถูกขึ้นเขียงเชือด 
 
ไม่ว่าจะเป็น “กรณ์ จาติกวณิช” รมว.คลัง "ชวรัตน์ ชาญวีรกูล" รมว.มหาดไทย "อิสสระ สมชัย" รมว.การพัฒนาสังคมฯ และ "กษิต ภิรมย์" รมว.ต่างประเทศ 
 
ก็ล้วนถูกจับตาว่าจะเป็นไปตามมาตรฐาน ราคาคุยที่ได้ประกาศไว้หรือไม่ ??
 
เพราะในท่ามกลางเสียงวิจารณ์ ที่หลายคนมองว่า ฝีมือ แคะแกะข้อมูลของฝ่านค้านมือใหม่อาจเป็นประเภท "ยังไม่โดนใจ" เฉียดไป-เฉียดมาเท่านั้น
 
เพราะ "รัฐมนตรีสายล่อฟ้า" ในรัฐบาลที่เคยถูกถล่มมาตลอดอย่าง "วิฑูรย์ นามบุตร" ที่ต้องลาออกจาก รมว.การพัฒนาสังคมฯ หลังทนกระแสกดดันไม่ไหว กรณีส่อว่าทุจริตในการแจกถุงยังชีพพร้อมปลากระป๋องเน่าให้แก่ผู้ประสบภัย ซึ่งลูกพรรคเพื่อไทยยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ให้เอาผิดเช่นกัน ก็ถูกตัดเนื้อร้ายออกไปจากรัฐบาลไปแล้ว
  
หรือกรณี “บุญจง วงศ์ไตรรัตน์” รมช.มหาดไทย ที่แจกเงินพร้อมนามบัตรที่ จ.นครราชสีมา จนถูกพรรคเพื่อไทยยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ ก็หายไปจาก "บัญชีดำ" แล้ว
 
โดยเฉพาะยิ่งมาขาดแนวร่วมอย่างพรรคประชาราช "ป๋าเหนาะ" เสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรค ที่ประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมกับพรรคเพื่อไทย
 
ที่ว่ากันว่า เบื้องหลังรายการแตกคอของ "เพื่อไทย" และ "ประชาราช" รอบนี้ เป็นเพราะหลังประเมินข้อมูลซักฟอกแล้ว "ป๋าเหนาะ" ให้ราคาว่า ข้อมูลที่ฝ่ายค้านภายใต้การนำทัพของ "สิงห์เหลิม" ครั้งนี้ ไม่สามารถทำให้ "รัฐบาลประชาธิปัตย์" สะเทือนได้แม้แต่น้อย
 
ประกอบกับปัญหา "งูเห่าแฝงตัว" ที่ ส.ส."กลุ่มเพื่อนเนวินเดิม" กว่า 20 คน อาจจะไม่ร่วมลงชื่อยื่นญัตติ หรืออย่างน้อยก็ร่วมลงชื่อในญัตติ แต่ไม่ร่วมลงมติด้วย
 
ที่ดูแล้วฟันธงได้เลยว่า ศึกซักฟอกรอบนี้น่าจะเป็น "โจทย์หนัก" และ "บทพิสูจน์สำคัญ" สำหรับการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ครั้งแรกของ "พรรคเพื่อไทย" 
 
ในภาวะที่ "เพื่อไทย" หวังจะใช้ เกมในสภา กุม "ชัยชนะ" พร้อมๆ กับการเดินเกมนอกสภาและใต้ดิน ของ "นายใหญ่" ทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังกุมบังเหียน "กลุ่มเสื้อแดง" อยู่นั้น
 
 
"ทำท่าจะเดินไปสู่หนทางที่ยากลำบากมากขึ้นเท่าตัวและมากกว่าที่คิดไว้ !!"

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์