วิสัยทัศน์สั้น ความสัมพันธ์ยาว รบ.อภิสิทธิ์ก็อยู่ยืด

"ที่ว่าสั้นกลับยาว ที่ว่ายาวกลับสั้น" คือสัจธรรมการเมืองไทยในยุคที่อายุรัฐบาลขึ้นอยู่กับ "ปัจจัยที่มองไม่เห็น" เป็นหลัก

รัฐบาลภายใต้การนำของ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศภายใต้ "ปัจจัยลบ" จากรอบด้าน ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจโลก และวิกฤตการเมืองในประเทศ

ทว่าสามารถผ่าน 2 เดือนแรกไปได้ด้วย อาการทรงๆ ด้วยเพราะวาระทางสังคมถูกกำหนดโดย "ฝ่ายตรงข้าม" เป็นหลัก ไล่ตั้งแต่ความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) กลุ่มคนเสื้อแดง ดี สเตชั่น ฯลฯ

เป็นผลให้รัฐบาลตกอยู่ในสถานะ "ฝ่ายตั้งรับ" ต้องเต้นตาม "ศัตรู" จนไม่มีสมาธิในการทำงาน

หนักๆ เข้าถึงขั้นต้องจัดทีม "มวยวัด" คอยตอบโต้ทุกเรื่อง ซึ่งกลายเป็น "ตัวช่วย" ในการ "เลี้ยงกระแสทักษิณ" ทางหน้าสื่ออย่างไม่รู้ตัว

กว่าจะรู้ว่า "เสียรู้" ฝ่ายตรงข้าม ก็ย่างเข้าสู่เดือนที่สามของรัฐบาลแล้ว จึงมีการปรับกระบวนท่าใหม่หมด

โดยเริ่มจากการโชว์บทบาท "ผู้นำอินเตอร์" ของ "อภิสิทธิ์" ในเวทีประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์-1 มีนาคมที่ผ่านมา

แม้ด้านหนึ่งจะถูกวิจารณ์มากว่ามีแต่ "พิธีกรรม" หา "สาระ" ไม่ได้

แต่ต้องยอมรับว่า การเปิดประเทศต้อนรับ "วีไอพีลำดับต้นๆ ของอาเซียน" ทำให้ภาพลักษณ์ของไทยดูดีขึ้นในสายตาชาวโลก และทำให้รัฐบาลพอมีช่วง "ขาขึ้น" กับเขาบ้าง

ขณะที่ "อิมเมจเมกเกอร์รัฐบาล" นาม "สาทิตย์ วงศ์หนองเตย" รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกคำสั่ง "ทีมโทรโข่ง" 3 ชุด ประกอบด้วย โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และโฆษกส่วนตัวหัวหน้า ปชป. ให้รูดซิปปาก-งดแกว่งปากบริภาษ "ทักษิณ" ในทุกกรณี

โดยหวังล้างภาพ "นายกฯขวัญใจชาวรากหญ้า" ออกจากมโนสำนึกของ "มวลชนทักษิณ"

พร้อมกันนี้ นายกฯยังสั่งการให้ 35 รัฐมนตรีลงพื้นที่ 76 จังหวัด ในวันที่ 7-8 มีนาคมนี้ เพื่อป่าวประกาศผลงาน "ประชานิยม" ของรัฐบาลให้ประชาชนรับทราบ โดยไม่เกรงคำขู่ตะเพิดทุกพื้นที่จากแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง

ตรงนี้จะตีเจตนาเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากเป็นการเปิดเกมแย่งชิงมวลชน

นอกจากนี้ หากไล่เรียงดู "เนื้อแท้" ของมติ ครม.ที่ออกมาในแต่ละสัปดาห์ จะพบว่า แต่ละพรรคพยายามจัดวางขุมกำลังของตนลงสู่หน่วยงานที่เป็นมือไม้ในการสู้ศึกเลือกตั้ง พร้อมผลักดันโครงการประเภท "หาเสียง-หาทุน" เข้าพรรค ราวกับหยั่งรู้อนาคตอันไม่จีรังของรัฐบาล "อภิสิทธิ์"

ว่ากันว่าเกือบทุกพรรคเริ่มฟอร์มทีมอำนวย การการเลือกตั้งแบบลับๆ และดอดเจรจากวาดต้อน ส.ส.ต่างสังกัดเข้าค่ายกักกันแล้ว

คำถามที่เกิดขึ้นคือ หากรัฐบาล "อภิสิทธิ์" ต้องพ้นจากอำนาจก่อนวัยอันควร จะเป็นเพราะปัจจัยใด?

หากพิจารณาปมปัญหาเฉพาะหน้าที่จ่อคอหอยรัฐบาล ปชป.อยู่ หนีไม่พ้นกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลในวันที่ 26-27 มีนาคม โดยไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ปมเงิน 250 ล้านบาท

แม้ "หัวหมู่ทะลวงค่าย" อย่าง "ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง" ประธาน ส.ส.พท. จะคำรามลั่นว่าจะน็อครัฐบาลกลางสภา แต่ "เซียนการเมือง" หลายคนเชื่อว่าเป็นเพียง "ราคาคุย" มากกว่า

เหตุเพราะ "สิงห์เหลิม" เล่นเปิดหน้าไพ่วันละใบ ทำให้ "หมูที่กำลังถูกลากขึ้นเขียง" หลบ บังตอได้ทัน

มิหน้ำซ้ำบรรดาพันธมิตร พท. ทั้งพรรคประชาราช (ปชร.) และกลุ่ม 12 ในสังกัดพรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) และพรรคราษฎร ยังออกตัวไม่ร่วมสังฆกรรมด้วย ทำให้น้ำหนักในการโค่นรัฐบาล "เทพประทาน" ด้วยข้อหาจริยธรรมบกพร่อง ถูกลดทอนลงจากปริมาณมือ ส.ส.ที่น้อยลง

หาก ปชป.รู้จักแปรวิกฤตเป็นโอกาส ใช้เวทีซักฟอกเคลียร์ปัญหาหมักหมมในอดีต ก็มีโอกาสที่รัฐบาล "อภิสิทธิ์" จะมีอนาคตสดใส

พท.ในฐานะ "มือใหม่หัดค้าน" จะถูกจำกัดบทบาทลงด้วยแรงกดดันจากสังคมที่ต้องการเห็นการเมืองนิ่งในภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่

ที่สำคัญจากนี้จนถึงสิ้นปี 2552 ฝ่ายค้านจะหมดสิทธิเปิดศึกซักฟอกรอบใหม่ได้ เนื่องจากการประชุมสภาสมัยหน้า (วันที่ 1 สิงหาคม-28 พฤศจิกายน) เป็นสมัยนิติบัญญัติ

นั่นหมายความว่า ไม่ว่ารัฐบาลจะบริหารงานผิดพลาด ล้มเหลวอย่างไร พท.ก็ไม่อาจงัด "อาวุธสำคัญ" ขึ้นเตะตัดขา "ศัตรูหมายเลข 1" ได้

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าปัจจัยชี้ขาดว่ารัฐบาล "อภิสิทธิ์" จะอยู่สั้นหรือยาว ไม่ได้มาจากภาวะผู้นำของ "อภิสิทธิ์" หรือการแสดงศักยภาพในการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล หรือความสะเปะสะปะของฝ่ายค้านเท่านั้น

แต่น้ำหนักสำคัญอยู่ที่ "ปัจจัยทางการเมืองพรรคร่วมรัฐบาล"

ว่ากันว่าบรรดา "ผู้มีบารมีนอกพรรคร่วม" เกือบทุกรายได้ปวารณาตนว่าจะไม่ยอมให้มีการเลือกตั้งเด็ดขาด หากเงื่อนไขสำคัญในการเข้าร่วมรัฐบาล นั่นคือ การนิรโทษกรรมสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ยังไม่บรรลุ

เพราะการเลือกตั้งปี 2550 ที่ผ่านมา ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการลงทุน-ลงแรงให้ "คนอื่น" มาทำแทน เป็นการได้ไม่คุ้มเสีย

ท้ายที่สุดหาก "แบ๊คใหญ่ ปชป." แสร้งเป็นโรค "ความจำสั้น" 5 พรรคร่วมรัฐบาลก็จำต้องกอดคอ ปชป.ต่อไป

งานนี้ต่อให้ "วิสัยทัศน์สั้น แต่ความสัมพันธ์ยาว" รัฐบาล "อภิสิทธิ์" ก็มีสิทธิลุ้นอยู่ครบเทอม!!!

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์