อธ.นิด้าเชียร์รบ.ลุยประชานิยม ทำคนลืมแม้ว-ยอดส่งออกหด50%รมว.พาณิชย์นำทีมลุยตะวันออกกลาง


"พรทิวา" นำทีมเดินทางไป 4 ปท.ตะวันออกกลาง กระตุ้นยอดส่งออกหลังเดือนม.ค.ติดลบ 50 % พร้อมตะลุยโร้ดโชว์ประเทศแถบแอฟริกาดูดนักลงทุน อธิการบดีนิด้า เห็นด้วยรบ.ทำโครงการประชานิยม ชื้อใจประชาชน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้คนลืม "ทักษิณ-พท." เร็วขึ้น

นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ว่า ในวันที่ 1-6 มีนาคมนี้ นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะจะเดินทางไป 4 ประเทศในตะวันออกกลาง เพื่อพบปะและเจรจากับรัฐมนตรีพาณิชย์คูเวต รัฐมนตรีการค้ากาตาร์ รัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรมและพาณิชย์บาห์เรน และรัฐมนตรีการค้าต่างประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงประธานหอการค้าและผู้นำเข้าของทั้ง 4 ประเทศ เพื่อผลักดันการขยายตลาดสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ผัก ผลไม้ กาแฟ อาหาร โดยเฉพาะอาหารฮาลาล อัญมณี เครื่องประดับ ชิ้นส่วนยานยนต์ สิ่งทอ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องปรับอากาศ และธุรกิจสปา ในประเทศดังกล่าว

"ในปี 2551 มูลค่าการส่งออกของไทยไปยัง 4 ประเทศตะวันออกกลางอยู่ที่ 18,062 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่จากการที่ทุกประเทศต่างได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกส่งผลให้เดือนมกราคมที่ผ่านมา การส่งออกสินค้าไปประเทศดังกล่าวติดลบถึง 50% ดังนั้น รัฐบาลจึงเห็นว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเดินทางไปตะวันออกกลางครั้งนี้ เพื่อสำรวจและประเมินความต้องการสินค้าของตลาด เพื่อนำมากำหนดนโยบายเจาะตลาดเชิงรุก เชื่อว่าช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะสามารถพลิกตัวเลขส่งออกไปตะวันออกกลางให้กลับมาเป็นบวกได้" นายอลงกรณ์กล่าว 

นายอลงกรณ์กล่าวว่า นอกจากนี้จะมีการเปิดศูนย์ขับเคลื่อนการขยายการค้าและการส่งออกในภูมิภาคตะวันออกกลาง (Middle East และ North Africa:MENA) ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมีเป้าหมายใช้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทยในตะวันออกกลาง และเป็นประตูการค้าเชื่อมโยงระหว่างเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา รวมทั้งจะพิจารณาถึงการจัดหาสถานที่จัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าสู่ประเทศตะวันออกกลางว่า ควรใช้ประเทศบาห์เรน หรือเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้วย และระหว่างวันที่ 5-8 เมษายนนี้ กระทรวงพาณิชย์จะไปโรดโชว์ประเทศแถบแอฟริกา เพื่อนำเสนอข้อมูลการค้าการลงทุน ดึงดูดให้ต่างชาติสนใจเข้ามาทำการค้าขายกับไทยมากขึ้น

วันเดียวกัน คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) จัดงาน HOME COMING DAY 2009 เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาปัจจุบัน พบปะแลกเปลี่ยนความเห็น โดยนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "กลยุทธ์การบริหารประเทศท่ามกลางวิกฤต" ว่าประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาวิกฤต 2 เรื่องหลัก คือ วิกฤตเศรษฐกิจ และวิกฤตการเมือง จำเป็นจะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อให้ประเทศรอดพ้นจากวิกฤตไปได้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้ คือ ตัวเลขการนำเข้าที่ลดลงอย่างมาก โดยเดือนมกราคมติดลบกว่า 38% ชี้ให้เห็นว่ากระบวนการผลิตสินค้าของประเทศมีปัญหา โรงงานขายสินค้าไม่ได้ ผู้ว่างงานจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

นายสมบัติกล่าวว่า ส่วนวิกฤตการเมือง เป็นผลมาจากความขัดแย้งทางความคิดอย่างรุนแรงระหว่างคนที่สนับสนุน และต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็มีความรุนแรงไม่แพ้กัน ระบบประเทศไทยมีสภาพเหมือนสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ปัญหาคนยากจนและด้อยการศึกษามีมาก ทำให้การแก้ไขปัญหาได้ยาก นักการเมืองก็ไม่มีคุณภาพ ต่างจากประเทศที่เขาพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐ ที่เขาต้องการนักการเมืองเข้ามาช่วยแก้ไขวิกฤตของชาติ แต่นักการเมืองเรากลับมากดดันให้ยุบสภา เพื่อหวังที่จะกลับมาเป็นรัฐบาลใหม่ และจะเสนอให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรม เพื่อประโยชน์ของใครบางคน

"ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง กับการเล่นเกมการเมืองแบบนี้ หากมีการยุบสภาจริง กว่าจะได้รัฐบาลใหม่ ต้องเสียเวลาไป 4 เดือนเต็ม ทั้งที่เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับปัญหา แต่เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย มันคงไม่คุ้มกันแน่" นายสมบัติกล่าว 

นายสมบัติกล่าวว่า การทำงานของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีความน่าเป็นห่วง เพราะนอกจากการบริหารบนความขัดแย้งทางสังคมของกลุ่มคนสีต่างๆ แล้ว ยังต้องบริหารความพอใจของพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อประคับประคองให้รัฐบาลบริหารประเทศให้ยาวนานมากที่สุดด้วย นอกจากนี้ต้องรู้จักนำกลยุทธ์ซื้อใจประชาชน ผ่านโครงการประชานิยมต่างๆ เชื่อว่าโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงิน 2,000 บาท การเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ นโยบายเรียนฟรี 15 ปี นอกเหนือจากมุ่งหวังกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว รัฐบาลยังหวังสร้างคะแนนนิยมให้อยู่ได้นานๆ ด้วย ซึ่งตนก็เห็นด้วย เพราะโอกาสขณะนี้มีความเหมาะสม และวิธีนี้อาจทำให้คนไทยลืม พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยเร็วขึ้นด้วย แต่การใช้งบประมาณ รัฐบาลก็ต้องดูแลให้ดี ไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อประเทศในอนาคต

นายสมบัติกล่าวว่า ต่อจากนี้รัฐบาลควรเน้นการลงทุน เช่น การก่อสร้างโรงเรียนทั่วประเทศ หรือจัดหาบ้านให้คนที่ไม่มีที่อยู่อาศัย เพื่อกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งระบบ มีการจ้างงานเกิดขึ้นจำนวนมาก รวมทั้งเร่งจัดสรรที่ดินให้เกษตรกร และแก้ไขปัญหาหนี้สิน รัฐบาลอาจออกพันธบัตรรับซื้อหนี้เกษตรกรจากสถาบันการเงิน นอกจากจะแก้ไขปัญหาสังคมแล้ว ยังจะซื้อใจเกษตรกรได้ด้วย   

นายสมบัติกล่าวว่า หากรัฐบาลต้องการบริหารงานประเทศให้ประสบความสำเร็จ ต้องไม่ทำเรื่องที่เป็นการบั่นทอนการบริหารประเทศ นายกฯต้องไม่พยายามตอบโต้ความเห็น และสร้างประเด็นใหม่ ที่จะนำไปสู่ความรุนแรงให้ขยายวงขึ้น รัฐบาลต้องไม่ประพฤติมิชอบ รัฐมนตรีคนใดที่มีปัญหาควรตัดออกไปทันที ส่วนตัวนายกฯต้องคงความเป็นคนสะอาด หรือมิสเตอร์คลีน ต่อไปให้ได้

"ส่วนการดูแลปัญหาของประชาชน ทำได้ด้วยวิธีการง่ายๆ คือ มอบหมายให้รัฐมนตรีดูแลคนละ 2 จังหวัด ลงพื้นที่อาทิตย์ละสองวัน คือเสาร์และอาทิตย์ เพื่อนำปัญหาในพื้นที่มาพูดคุยกันในที่ประชุม ครม. ว่าปัญหามีอะไรบ้าง แค่นั้นจะเข้าถึงประชาชนได้ทั่วทุกพื้นที่แล้ว" นายสมบัติกล่าว

นายปกรณ์ ปรียากร คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ นิด้า กล่าวระหว่างการเสวนาหัวข้อ "การเมืองแปรปรวนเศรษฐกิจซวนเซ สังคมเสื่อมโทรมประเทศไทยจะไปทางไหน" ว่าเชื่อว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จะบริหารประเทศต่อไปได้อีกนาน เนื่องจากกระแสประชาชนขณะนี้ ยังอยากที่จะให้มีรัฐบาลบริหารประเทศอยู่ ส่วนจะอยู่เกิน 3 ปีหรือไม่ ต้องจับตาดูว่ารัฐบาลจะสามารถเสนองบประมาณได้ถึงสองครั้งหรือไม่

"แต่รัฐบาลต้องระวังไม่ให้เกิดปัญหาการทุจริตเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นพรรคประชาธิปัตย์ ก็อย่าหวังที่จะกลับมาเกิดได้อีก" นายปกรณ์กล่าว และว่า เชื่อว่าการเมืองจากนี้จะเป็นยุคของนักการเมืองที่มีอายุ 40 ปี ไม่ใช่ยุคของนักการเมืองรุ่นเก่าอีกต่อไปแล้ว และปรากฏการณ์คนเสื้อเหลืองเสื้อแดงที่ผ่านมา สร้างการปฎิรูปทางการเมืองภาคประชาชนให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น

นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะรัฐประศาสนศาสตร์ นิด้า กล่าวว่า รัฐบาลคงมีความหวังว่าโครงการแจกเงิน 2,000 บาท ให้ประชาชน จะเกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจขึ้นหลายรอบ แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องคำนึงก็คือ การใช้จ่ายจะต้องมีประสิทธิภาพ เพราะเงินที่รัฐบาลนำมาใช้ในขณะนี้ เป็นเงินกู้ยืมมาจากอนาคตทั้งสิ้น

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์