ปชป.ซัดบิ๊กดีเอสไอพบผู้มีอำนาจเก่าก่อนปูดเงิน ประชัย250 ล้าน-รองอธิบดีแฉโยงทุจริตบัตรเลือกตั้ง


ปชป.ยืนยันรายงานงบพรรคมีที่มาที่ไปได้ ปูดดีเอสไอจะตั้งทีมตรวจสอบเงิน 250 ล้านบาท มี 2 พ.ต.อ. เป็นคณะทำงาน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชี้เป็นคดีความ พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ร้องเรียนยักยอกทรัพย์ แต่พบว่ายังมีความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.การเลือกตั้งรับเป็นคดีพิเศษแล้ว

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ส.ส.สัดส่วน และโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาตอบโต้ถึงกระแสข่าวเงินงบฯค่าโฆษณาของบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด จำนวน 250 ล้านบาท ถูกนำเข้าสู่พรรคประชาธิปัตย์ โดยแถลงที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ว่า พรรคขอยืนยันการรายงานงบการเงินของพรรค ประจำปี 2548 มีรายรับที่มาจากเงินบริจาค 38 ล้านบาท การระดมทุน 43 ล้านบาท และกองทุนพัฒนาการเมือง 25 ล้านบาท รวมถึงรายจ่ายในการจ้างบริษัทเอกชนมาทำประชาสัมพันธ์ โดยใช้เงินจากกองทุนพัฒนาการเมือง เป็นเรื่องจริงทั้งหมด และมีหลักฐานแสดงที่มาที่ไปของการรับและจ่ายเงิน

"ส่วนที่นายสุนัย (จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย) พยายามบอกว่า เป็นเงินที่ใช้ขนคนมาจากภาคใต้บ้าง เงินใช้โค่นรัฐบาลในอดีตบ้าง จากการตรวจสอบทั้งหมดเป็นเรื่องเลื่อนลอยทั้งสิ้น จึงไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะคุณสุนัยถนัดในการร้องตะโกนบอกว่าไฟไหม้อยู่แล้ว พรรคยืนยันว่าข้อมูลข้อเท็จจริงที่พรรคมี พรรคพร้อมจะเปิดเผยต่อประชาชนเช่นเดียวกับที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คาดหวัง"

นพ.บุรณัชย์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีการเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) หยุดปฏิบัติหน้าที่จากการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบสวนเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้เกิดการแทรกซ้อนนั้น พรรคขอยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่แทรกแซงการทำงานของดีเอสไอ อย่างไรก็ดี พรรคทราบว่ามีการเรียกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของดีเอสไอเข้าพบอดีตผู้มีอำนาจในรัฐบาลที่แล้วในวันเดียวกับที่มีการรับประทานอาหารเย็นที่โรงแรมเอสซีพาร์ค ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับการเปิดเผยกรณีเงินบริจาค 250 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเรียกเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวมาชี้แจงหรือไม่ นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า คงจะส่งข้อมูลให้ รมว.ยุติธรรม แล้วคงให้ผู้รับผิดชอบพิจารณาเอง ส่วนจะมีคนในดีเอสไอแข็งข้อหรือไม่ ไม่ทราบ แต่บางคดีมีความสำคัญมากและรัฐบาลก็ให้ความสำคัญ ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ที่ตรงไปตรงมา ส่วนที่ รมว.ยุติธรรมเคยบอกว่าดีเอสไอต้องได้รับการปรับปรุง ก็คงต้องปรับเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ แต่ต้องไม่มีการแทรกแซงกลั่นแกล้งในการโยกย้ายเจ้าหน้าที่

เมื่อถามว่า มอง ครธกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)อย่างไรที่มีการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องนี้ นพ.บุรณัชย์กล่าวว่า กกต.กับฝ่ายการเงินของพรรค มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลตามความจริง เรื่องนี้เกิดมาหลายปี ก็ต้องมีการรวบรวมหลักฐานที่บันทึกไว้ แต่ที่ดีเอสไอรายงาน กกต.และข้อมูลการเงินของพรรค ตรงกันแล้วว่ามีการรับและใช้จ่ายที่ถูกต้อง ไม่มีปัญหาอย่างที่มีคนโจมตี 

ด้านนายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า จากการที่มีการร่วมรับประทานอาหารของอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่โรงแรมเอสซีพาร์ค ปรากฏว่ามีผู้ใหญ่ในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปพบกับนายสมชาย ซึ่งอาจเป็นเรื่องปกติ แต่หลังจากการพบกัน มีแหล่งข่าวจากดีเอสไอแจ้งว่า ดีเอสไอจะตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบเงินบริจาคเข้าพรรคประชาธิปัตย์ 250 ล้านบาท โดยมีตัวละครเป็น 2 พ.ต.อ. ที่จะเข้าไปเป็นคณะทำงาน ทั้งๆ ที่เรื่องนี้มีข้อเท็จจริงน้อยมาก เพราะนายสุนัย จุลพงศธร ได้อภิปรายเรื่องนี้ในสภาตั้งแต่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช แล้ว หากมีข้อเท็จจริงก็น่าจะมีการตรวจสอบตั้งแต่ตัวเองเป็นรัฐบาลแล้ว เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของ กกต.โดยตรงในการตรวจสอบ ซึ่งถ้าเป็นความจริงแค่ชั้น กกต.พรรคก็มีปัญหาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องตั้งเป็นคดีพิเศษ

"ขอตั้งข้อสังเกตว่า กระบวนการดังกล่าวเป็นการจัดฉาก ชิงพื้นที่ข่าว เพื่อชิงอำนาจรัฐบาลหรือไม่ นายพีระพันธุ์ รมว.ยุติธรรม ที่ดูแลดีเอสไออยู่ก็ได้ระวังเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะการตั้งเป็นคดีพิเศษ ถือว่าเป็นการก้าวล่วงไปมาก ความจริงดีเอสไอน่าจะสนใจสอบเรื่องเส้นทางการบริจาคเงินของตระกูลชินวัตร และเครือข่ายพรรคเพื่อไทยว่าเป็นอย่างไรมากกว่า สำหรับพรรคประชาธิปัตย์แม้จะได้รับเงินบริจาคมากที่สุดแต่ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างโปร่งใส" รองโฆษก ปชป.กล่าว

เมื่อถามว่าจะมีการเสนอให้ตั้งกรรมการสอบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะที่คุมหน่วยงานนี้หรือไม่ นายสรวุฒิกล่าวว่า คงไม่สามารถไปกล่าวหาได้ แต่ก็ต้องตอบมาให้ชัดว่าทำไมถึงจะต้องตั้งเรื่องการบริจาคเงินดังกล่าวเป็นคดีพิเศษด้วย

รายงานข่าวจาก กกต.แจ้งว่า จากการตรวจสอบรายงานงบการเงินประจำปีของพรรคประชาธิปัตย์ 2548 พบว่า มีรายรับจากการบริจาคประมาณ 38 ล้านบาท และมีรายรับจากการจัดระดมทุน 43 ล้านบาทเศษ แต่ไม่ปรากฏว่ามีการรายงานการรับเงินบริจาค 250 ล้านบาทตามที่พรรคฝ่ายค้านออกมาเปิดเผยข้อมูลในขณะนี้ กกต.จึงมีหน้าที่เพียงการตรวจสอบว่า งบการเงินของพรรคการเมือง ทำตามขั้นตอนตามที่กฎหมายบัญญัติหรือไม่เท่านั้น แต่ในส่วนที่มีการออกมาเปิดเผยข้อมูล ต้องรอการพิสูจน์ว่า มีการบริจาคโดยไม่ลงบัญชีจริงหรือไม่ ซึ่งการตรวจสอบเส้นทางการเงินดังกล่าว เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่มีอำนาจอย่างดีเอสไอ หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)   

ด้าน พ.ต.อ.สชุาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า กรณีเงินจำนวน 250 ล้านบาทของบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) ดีเอสไอเข้าไปเกี่ยวข้องเพราะเป็นคดีความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เพราะมีการร้องเรียนว่า มีการยักยอกทรัพย์บริษัทมหาชน แต่เมื่อเข้าไปตรวจสอบก็พบว่า ยังมีความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีทุจริตบัตรเลือกตั้ง ซึ่งดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้ว และดีเอสไอเตรียมเรียกนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตผู้บริหาร ษริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) มาสอบปากคำในฐานะผู้บริหารบริษัท ต้องเข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องไปแล้วหลายปากเหลือเพียงนายประชัย และอยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสารหลักฐาน

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์