ขยายปม-ประชานิยม ซื้อใจไม่ได้

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" แม้จะล่วงเลยมานาน แต่ก็ยังมีเสียงวิจารณ์ตามมาเป็นระยะ

 โดยเฉพาะการให้เปล่าเงิน 2,000 บาทครั้งเดียวได้รับเสียงคัดค้านจากบรรดานักวิชาการมากที่สุด เนื่องจากเห็นว่าไม่เกิดประโยชน์ น่าจะนำเงินจำนวนดังกล่าวไปลงทุนดีกว่า

 ขณะที่รัฐบาลเห็นว่าน่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นที่เห็นผลเร็วที่สุด แม้ว่าจะมีลักษณะคล้ายไฟไหม้ฟางก็ตาม ที่ "นายกฯ อภิสิทธิ์" กล่าวว่าไฟไหม้บ้านอย่าเสียดายน้ำ

 แต่ใช่ว่าจะมีเฉพาะคนเห็นแย้งต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ล่าสุด "มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ" ได้ไปสำรวจความคิดเห็นของประชาชน หลังจบรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์”

 เป็นการสำรวจแบบรวดเร็วฉับไวภายในระยะเวลา 3 ชั่วโมง ที่เรียกว่า “เอแบคเรียลไทม์ โพลล์ (Real-Time Survey)” โดยพบว่าร้อยละ 89.4 สนใจรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ โดยชื่นชอบประเด็นที่เกี่ยวข้องกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากถึงร้อยละ 74.1

 อย่างไรก็ตาม หากไปพูดคุยกับผู้สมัคร ส.ส.หรือ ส.ส.ในพื้นที่ตามภาคต่างๆ ในประเทศไทย จะพบว่าประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจถึงความจำเป็นที่รัฐบาลต้องใช้เงินแบบให้เปล่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

 สำหรับในพื้นที่ "ภาคอีสาน" เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลต้องเร่งให้ความรู้ และสร้างความเข้าใจต่อให้ประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มประชาชนรากหญ้าที่หาเช้ากินค่ำ

  เพราะชีวิตประจำวันของ "ประชาชนรากหญ้า" ในภาคอีสานมีความเป็นอยู่ลำบาก จึงไม่มีเวลาไปศึกษาหาความรู้หรือข้อเท็จจริงเรื่องอื่น

 ชีวิตประจำวันของคนเหล่านี้จึงมีเวลาเพียงน้อยนิดหาความสุขให้ตัวเองคือหลังรับประทานอาหาร ดูละครน้ำเน่าสร้างความจรรโลงไปวันๆ

 ดังนั้นหากคนกลุ่มไหนนำข้อมูลแบบผิดๆ มาบอกเล่าก็จะจำเฉพาะเรื่องเหล่านั้นไม่มีเวลาไปพินิจวิเคราะห์ที่ไปที่มาเหตุและผลของข้อมูล

 ขณะนี้บางจังหวัดในภาคอีสาน เช่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ตกดึกจะมีการนำแผ่นพับและใบปลิว ไปโปรยตามท้องถนน หรือสถานที่ต่างๆ ที่มีผู้คนสัญจรไปมาตามเทศบาล ร้าน ตลาด

 ซึ่งเนื้อหาของใบปลิวเหล่านี้จะโจมตีมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลได้ผลักดันออกมา โดยนำเรื่องต่างๆ ไปหักล้าง เช่น เงิน 2,000 บาท กับราคาน้ำมันที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และสิ่งที่จะตามมาคือ สินค้าที่จะมีราคาแพงขึ้น

 "ดีสำหรับคนบางกลุ่ม แต่ประชาชนรากหญ้าตาดำๆ ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ"

  จะเห็นได้จากการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.มหาสารคาม "ขจิต ชัยนิคม" ส.ส.เพื่อไทย ได้รับชัยชนะเหนือ "กุสุมาลวตี ศิริโกมุท" ผู้สมัครจากพรรคเพื่อแผ่นดิน

 ขณะ "ขจิต" เป็นเหมือนคนนอกพื้นที่ แต่สามารถเอาชนะ "เจ๊แมว" กุสุมาลวตี ซึ่งทำงานในพื้นที่อย่างหนักเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มแม่บ้าน

 ผลการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าการเลือกตั้งในพื้นที่ "ภาคอีสาน" เริ่มเปลี่ยนไปจากเดิมที่เลือกตัวบุคคลหันมาเป็นเลือก "พรรคที่ชื่นชอบ" แทน

 ตราบใดที่รัฐบาลภายใต้การนำของ "พรรคประชาธิปัตย์" ต้องการ "ใจ" จากประชาชนในภาคอีสาน ไม่ใช่เพียงแค่ใช้นโยบายประชานิยมที่เลียนแบบยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เพียงอย่างเดียว

 ต้องสร้างความรู้ความเข้าใจและสื่อสารให้ถึงตัวประชาชนโดยตรง เพราะทุกวันนี้ไม่เฉพาะประชาชนคนรากหญ้าเท่านั้นที่ได้รับข้อมูลบางเรื่องมาอย่างผิดๆ

 แม้กระทั่งปัญญาชนอย่างข้าราชการในพื้นที่ ก็ยังไม่เข้าใจในนโยบายที่รัฐบาลออกมา เพื่อให้นำไปปฏิบัติในพื้นที่ แล้วอย่างนี้อีกกี่ปีกี่ชาติประชาธิปัตย์จะ "ได้ใจ" ประชาชนคนภาคอีสานสักที


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์