พท.ค้านแจก2พัน เสนอตัดงบให้ กษิตใช้325ล.พีอาร์ปท.แก้ตัว ปชป.โต้เทียบไม่ได้จ้างล็อบบี้ยิสต์ทำลายไทย


เพื่อไทยไม่เห็นด้วยแจกเงินคนละ 2 พัน ไม่มั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง เกรงบริษัทแต่งบัญชีช่วยลูกน้อง เสนอตัดงบ.เหลือ 50 % สับแหลกปชส.ประเทศ 325 ล้าน "กษิต" นำไปแก้ตัว ให้ตัดทิ้งทั้งหมด ปชป.โต้น้อยมากเมื่อเทียบกับจ้างล็อบบี้ยิสต์ทำลายประเทศ

คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2552 วงเงิน 1.167 แสนล้านบาท ประชุมกันที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 31 มกราคม มีนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รองประธาน กมธ.ทำหน้าที่ประธานการประชุม ขณะที่นายสมชาย ชุ่มรัตน์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) สำนักงบประมาณ และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าชี้แจงงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน

ทั้งนี้ ที่ประชุมอภิปรายถึงโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ ด้วยนโยบายแจกเงินคนละ 2,000 บาท ให้แก่ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 14,999 บาท ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เป็นงบประมาณทั้งสิ้น 18,000 ล้านบาท โดยนายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา กมธ.จากพรรคเพื่อไทย (พท.) ตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีหัวหน้าบริษัทปรับแต่งบัญชีให้กับลูกน้องของตัวเอง เพื่อเข้าโครงการนี้ และต้องการถามไปยังรัฐบาลว่า จะมีมาตรการป้องกันในเรื่องนี้อย่างไร

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล กมธ.จาก พท.อีกคน อภิปรายว่า มีข้อมูลปีนี้แรงงานจะถูกเลิกจ้าง 2 ล้านคน ไม่มั่นใจว่ามาตรการแจกเงินคนละ 2,000 บาท จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง เนื่องจากประสบปัญหาเงินคงคลังที่เหลือเพียง 52,000 ล้านบาท จำเป็นต้องกู้เงินมาจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ปัญหาขณะนี้ คือ ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับรัฐบาลประกันราคาสินค้าการเกษตรกว่าแสนล้านบาท สูงเกินกว่าสถานการณ์ปัจจุบัน อาจกลายเป็นปัญหาในอนาคต เกรงว่าปัญหาทั้งหมดที่ผ่านมาประกอบกับการกู้เงิน ไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหา แต่อาจจะเป็นการทำลายเศรษฐกิจทั้งระบบ

นายสมชายชี้แจงว่า ไม่ต้องกังวล เพราะกระทรวงแรงงานกำชับนายจ้างบริษัททุกแห่ง ต้องมาชี้แจงต่อกระทรวง กรณีเงินสมทบที่ต้องคิดจากฐานเงินเดือน ซึ่งได้มีการแจ้งไว้ก่อนวันที่ 13 มกราคม 2552

ในที่ประชุมวันนี้ กมธ.จากพรรคฝ่ายค้าน ยังเสนอขอให้ปรับลดงบประมาณโครงการการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ ลดลงอีกร้อยละ 50 เนื่องจากยังชี้แจงเหตุผลไม่ชัดเจน และเงินดังกล่าวกระจายไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้ทำประกันสังคมและขอสงวนคำแปรญัตติไปอภิปรายวาระ 2 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร

ช่วงบ่ายที่ประชุม กมธ.พิจารณางบประมาณโครงการฟื้นฟูความเชื่อมั่น และเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ ของกระทรวงการต่างประเทศ วงเงิน 325 ล้านบาท นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า งบประมาณนี้จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างประเทศได้ โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งกระทรวงจะไปจัดประชาสัมพันธ์ หรือโรดโชว์ 5 ประเทศ คือญี่ปุ่น จีน อังกฤษ รัสเซีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวและมาลงทุนกับไทยจำนวนมาก

ขณะที่ กมธ.จาก พท.ต่างอภิปรายโจมตี พร้อมสงวนคำแปรญัตติไว้อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวาระ 2 ต่อไป โดยนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม พท. อภิปรายว่า ไม่ต้องการให้นำงบฯนี้ไปประชาสัมพันธ์ให้กับคนทั่วโลก เพราะรู้กันดีว่านายกษิต ภิรมย์ รัฐมตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศทำอะไรไว้ เผาบ้านเผาเมือง ชาวโลกรู้ดี แต่นี่กลับจะนำงบประมาณไปแก้ตัว ไม่อยากเชื่อว่าคนที่ทำประเทศเสียหายจะได้รับโบนัสชิ้นใหญ่ งบฯนี้ควรเก็บไว้ไปทำประโยชน์กับประเทศ ไม่ใช่ให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศไปแก้ตัวกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศ

"ดังนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศควรมีสปิริตต่อประเทศชาติ เพราะหากเราไม่กำจัดคนที่ทำความเสียหายต่อบ้านเมือง ก็ไม่สามารถมีรัฐบาลที่มีหลักนิติธรรมและนิติรัฐได้ เงิน 325 ล้านบาท สามารถเอาไปซื้อไข่แจกประชาชนได้ทั่วประเทศ ไม่ต้องเอาเงินไปให้หนังสือพิมพ์ต่างประเทศถึง 90 ล้านบาท ดังนั้น ไม่ควรให้โบนัสกับผู้ก่อการร้าย เงินตรงนี้เป็นเงินกู้ที่มาจากประชาชนจึงขอตัดทั้งหมดและขอสงวนไปพูดในการประชุมสภา ยืนยันว่าผมไม่ต้องการทำร้ายกระทรวงการต่างประเทศแต่ไม่ต้องการให้เป็นแบบอย่างเพราะจะทำให้คนอื่นกระทำตาม และรัฐบาลนี้ก็ยึดหลักธรรมาภิบาลในการบริหารบ้านเมือง" นายเผดิญชัยกล่าว

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ กมธ.พท.อภิปรายว่า ต่อไปไม่ทราบว่าต้องออกกฎหมายป้องกันการยึดทำเนียบรัฐบาลหรือสภาหรือไม่ ซึ่งการสร้างความเชื่อมั่นของรัฐบาลคือ ต้องทำให้ชาวโลกเห็นว่าไทยเป็นประชาธิปไตย รัฐบาลมาด้วยความชอบธรรมหรือไม่ เพราะชาวโลกมองว่าการยึดสนามบินและการทำกับข้าวของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้กฎหมายและให้ความชอบธรรมต่างกัน รวมถึงการชี้แจงเรื่องโรฮิงญาด้วย ซึ่งหากกู้ภาพลักษณ์เหล่านี้ไม่ได้ ก็ไม่สามารถฟื้นความเชื่อมั่นจากต่างประเทศได้ จึงขอสงวนคำแปรญัตติงบประมาณในส่วนตรงนี้ไว้

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล อภิปรายว่า การนำเงินก้อนนี้เพื่อสร้างภาพลักษณ์ โดยระบุว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นข้ออ้าง จุดมุ่งหมายที่แท้จริงคือการสร้างภาพลักษณ์ให้กับตัวบุคคล โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องตลก และหากรัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจจริงควรนำเงินก้อนนี้ไปให้กระทรวงพาณิชย์หรือกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬาไปดีกว่า เพราะถือว่าเป็นงบประมาณที่ซ้ำซ้อนกัน และ 2 กระทรวงดังกล่าวก็ได้งบประมาณน้อยเกินไป ดังนั้น จึงควรตัดงบฯนี้

นายจุติ ไกรฤกษ์ กมธ.จากพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ยอมรับว่าวันนี้ประเทศไทยมีปัญหา แต่อย่ามองว่าใครสร้างปัญหาหรือทำให้ปัญหาเกิด เพราะหากไม่ทำอะไรเลยจะสูญเสียโอกาสมากกว่านี้ และงบประมาณนี้ถือว่าเป็นงบฯที่ป้องกันตัวเองจากสื่อต่างประเทศ ซึ่งงบฯประชาสัมพันธ์ที่เอาไปใช้ในซีเอ็นเอ็นที่เห็นก็มีแต่ในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เคยใช้งบฯ 190 ล้านบาท ในการโฆษณาอีลิทการ์ด

นายเชน เทือกสุบรรณ กมธ.จากพรรคประชาธิปัตย์ ฝากความเห็นว่า เมื่อดูงบประมาณส่วนนี้ รู้สึกตกใจ  เพราะน้อยมากที่จะใช้ในการประชาสัมพันธ์ประเทศ เพราะถ้าเทียบกับการจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์เพื่อประชาสัมพันธ์ทำลายชื่อเสียงประเทศแล้วถือว่าน้อยมาก และอาจจะช่วยอะไรไม่ได้

นายวีระศักดิ์ชี้แจงว่า งบประมาณนี้ไม่ใช่งบฯของต่างประเทศอย่างที่เข้าใจ และไม่ใช่งบฯประชาสัมพันธ์เพื่อแก้ตัวให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แต่เกิดจาก 3 หน่วยงานทางเศรษฐกิจที่ประกอบด้วย สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกรมส่งเสริมการส่งออกได้ประชุมร่วมกัน และมีมติร่วมกันว่าต้องการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยเฉพาะวิกฤตศรัทธา เนื่องจากตัวเลขของการท่องเที่ยว การลงทุน และการส่งเสริมตกหมด ซึ่งทีมที่จะไปร่วมปรึกษาพูดคุยก็เป็นทีมนายกฯ และคณะผู้แทนเศรษฐกิจระดับสูง นอกจากนี้ ก่อนที่จะไปทำการประชาสัมพันธ์กับ 5 ประเทศ จะมีการสำรวจความคิดเห็นก่อน หลังจากนั้นอีก 1 ปี หลังการทำประชาสัมพันธ์ก็จะมีการสำรวจความคิดเห็นอีกครั้ง ดังนั้น เรื่องนี้สามารถวัดได้ว่างบประมาณดังกล่าวมีศักยภาพหรือไม่

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์