ปชป.รุกฆาตจี้คดีรถ ดพ.ฉาว อลงกรณ์นำทีมบุกยื่นหนังสือนายกฯ

เดลินิวส์

อลงกรณ์ พลบุตร เตรียมนำทีมบุกทำเนียบ ยื่นหนังสือให้นายกฯทักษิณ นำเรื่องซื้อขายรถดับเพลิงกทม.เข้าครม. พร้อมให้ยกเลิกสัญญาทั้งหมด จี้ให้สอบอย่างโปร่งใสหาไอ้โม่งงาบเงิน 3 พันล้านบาท พร้อมแนะดีเอสไอแจ้งข้อหาเพิ่มภายใต้กฎหมายอีก 2 ฉบับ กับกลุ่มคนฉ้อโกงประเทศ หวั่นใช้ของเดิมที่ส่งให้ปปช.ไป ตัวการใหญ่จะหลุดรอด แถมลุยต่อให้รองฯสมคิด ชำแหละข้อตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างรัฐ มีกลิ่นทุจริต

ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 15 ก.ค. นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงความคืบหน้ากรณีการทุจริตการจัดซื้อรถดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า ในวันที่ 17 ก.ค.นี้ เวลา 10.30 น. ตนและคณะทำงานฯจะเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้นำประเด็นการจัดซื้อดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอให้ ครม. มีมติ 3 เรื่อง คือ 1.การยกเลิกสัญญา 3 ฉบับ ได้แก่ สัญญาซื้อขายระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลออสเตรีย สัญญาการค้าต่างตอบแทน ระหว่างกรมการค้าต่างประเทศกับบริษัทสไตเออร์ เดมเลอร์ พุค ผู้ขายรถดับเพลิง และสัญญาซื้อขายระหว่างกทม.กับบริษัท สไตเออร์ฯ

รองหัวหน้าพรรคฯ เผยต่อว่า 2.ขอให้ยกเลิกมติ ครม. คือ มติเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 47 และเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 47 และ 3.ขอให้ ครม. มีมติสั่งการให้กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ และกรมส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ระงับการสั่งจ่ายงบประมาณรายจ่ายรายปี 49 ในกรณีที่ต้องจ่ายเงินให้กับบริษัท สไตเออร์ฯ 506 ล้านบาท เป็นค่ารถงวดแรกที่ต้องจ่ายในการจัดซื้อดังกล่าว โดยการไปยื่นหนังสือเพื่อรัฐบาลจะได้ไม่บิดพลิ้ว และเพื่อพิสูจน์ความจริงใจของรัฐบาลว่ามีความประสงค์ที่จะแก้ไขปัญหาการทุจริตในโครงการจัดซื้อรถดับเพลิงหรือไม่ อย่างไร หรือต้องการอุ้มสัญญาดังกล่าว เพราะมีใครบางคนได้ผลประโยชน์จากการซื้อขายครั้งนี้กว่า 3 พันล้านบาท

นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า ในสัปดาห์หน้าจะเข้าพบกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เพื่อยื่นหนังสือขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนสัญญาการค้าต่างตอบแทน เพราะมีข้อมูลจากดีเอสไอว่าบริษัท สไตเออร์ฯ ได้จ่ายเงินให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง 150 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตามข้อตกลงการค้าต่างตอบแทน แลกรถดับเพลิงกับไก่ต้มสุก เป็นเพียงข้ออ้างในการทำการค้าต่างตอบแทน เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ของข้อตกลงเท่านั้น โดยข้อเท็จจริงดีเอสไอพบว่าไม่ได้ทำการค้าต่างตอบแทนตามสัญญาและมติครม.

รองหัวหน้าพรรคฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ขอให้ พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณาเพิ่มข้อกฎหมายในการยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะเดิมระบุเพียงว่าเป็นความผิดขัดต่อพระราชบัญญัติงบประมาณ แต่ตนเห็นว่าความผิดนั้นไม่ครอบคลุม ถึงนักการเมือง ข้าราชการ นิติบุคคลในและต่างประเทศ จึงขอให้ดีเอสไอ พิจารณาเพิ่มเติม คือ 1.พ.ร.บ.ความผิดว่าด้วยการเสนองานต่อหน่วย งานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือกฎหมายป้องกันการฮั้ว ซึ่งครอบคลุมเอาผิดทั้งนักการเมือง ข้าราช การ รวมถึงบริษัทเอกชนในประเทศและต่างประเทศได้ 2.พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรม นูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซึ่งสามารถมีอำนาจพิเศษในการเข้าไปตรวจสอบเส้นทางการเงินได้

ผู้สื่อข่าวถามในการเปิดแอลซีสัญญาดังกล่าวนั้น รองผู้ว่าฯกทม. ฝ่ายการคลังที่เป็นผู้เปิดแอลซี ถือว่ามีความผิดในเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ มีระดับความผิดและโทษแตกต่างกัน โดยแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่มีส่วนการทุจริต เป็นคนผลักดันโครงการนี้โดยไม่มีการตั้งราคากลาง 2.กลุ่มผู้ที่บกพร่องต่อหน้าที่ ซึ่งมาเกี่ยวข้องในช่วงหลัง เช่น ผู้บริหาร กทม.ชุดปัจจุบันที่พยายามให้มีการรื้อสัญญานี้ ซึ่งแสดงว่าไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มแรก อย่างไรก็ตาม ต้องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทำหน้าที่สอบสวนและตัดสินต่อไป.

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์