จวกฝ่ายค้านเอาแต่สะใจ พุ่งเป้าดิสเครดิตคนในรบ.

เช้าวันนี้ (28 ม.ค.) พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ให้สัมภาษณ์สถานีข่าวทีเอ็นเอ็นถึงเหตุการณ์วุ่นวายระหว่างการประชุมร่วมรัฐสภาวานนี้ (27 ม.ค.)ซึ่งมีการพูดจาเสียดสีกันไปมา จนหลายฝ่ายตั้งคำถามถึงจริยธรรมในการประชุมสภาฯ ว่า

จริงๆ แล้วการพูดเช่นนั้น เป็นการกระทำผิดข้อบังคับที่ 61 ไม่ให้พูดจาเสียดสีหรือกล่าวให้ร้ายบุคคลผู้อื่น ทำให้เกิดความเสียหาย
ซึ่งวานนี้ มีการพูดในลักษณะนี้ทั้ง 2 ฝ่าย ประธานต้องให้หยุดอภิปราย หรือให้ถอนคำพูด เมื่อประธานวินิจฉัยให้ถอนคำพูดแล้วผู้อภิปรายไม่ถอนคำพูด ประธานก็ต้องไล่ออกนอกห้องประชุม ตามข้อบังคับที่ 63


พ.อ. อภิวันท์ กล่าวต่อว่า
 
ไม่หนักใจหากต้องทำหน้าที่ประธานการประชุมถกงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2552 ในวันนี้  เพราะหากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น ประธานต้องรีบห้ามปรามทันที และเชิญผู้อภิปรายที่ไม่ถอนคำพูดออกนอกห้องประชุม 


ด้าน นายประสาร มฤคพิทักษ์ โฆษกสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า

เป็นเรื่องที่คาดการณ์ล่วงหน้าได้ เพราะในสมาชิกรัฐสภาบางคนไม่ได้ดำเนินการในฐานะเป็นสมาชิกอย่างตรงไปตรงมา หรืออย่างบริสุทธิ์ใจ สิ่งที่อยู่ในใจอาจจะเป็นความสะใจ หากทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเกิดความรู้สึกไม่พอใจ เสียหน้า พยายามขุดเรื่องเก่าขึ้นมาพูดเพื่อลดความเชื่อถือในสังคม อีกทั้งพร้อมที่จะลุกขึ้นมาปะทะทันหากมีประเด็นอื่น แม้เพียงเล็กน้อยที่สามารถจะหยิบขึ้นมาได้ กล่าวโจมตี และในที่สุดบานปลายกลายเป็นเรื่องความไม่พอใจของคนทั้งสองฝ่าย


อย่างไรก็ตาม นายประสาร มองว่า

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการประชุมร่วมรัฐสภาวานนี้ (27 ม.ค.) ถือเป็นการประจานตัวเองของคนที่แสดงออก อภิปรายโดยใช้ความโกรธแค้นชิงชังมาแทนเมตตาธรรม ใช้ความรู้สึกเชิงลบมาแทนความรู้สึกเชิงบวก เอาความสะใจส่วนตัวมาแทนผลประโยชน์ของประเทศชาติ แทนที่จะใช้ความรู้สึกที่ดีเพื่อจะพิจารณามุ่งไปสู่ประเด็น กลับเล่นเกมเพื่อเอาชนะกัน ทั้งนี้ไม่รับประกันว่าในอนาคตจะเจอกับเหตุการณ์อย่างเช่นเมื่อวานนี้อีกหรือไม่ อารมณ์โกรธแค้นในสูตรเดิมๆ อาจจะปะทุขึ้นได้เสมอ


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์