นายกฟุ้งปลายปีไทยพ้นวิกฤต

"นายกฯ"ฟุ้งปลายปีไทยหลุดพ้นวิกฤติเศรษฐกิจ เชื่อประชุม2 สภาสรุปกรอบหนังสืออาเซียนเสร็จคืนนี้

ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์
 เมื่อเวลา 14.00น.วันที่ 27 ม.ค. นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "เชื่อมั่น เชื่อถือ ไทยแลนด์" ตอนหนึ่งว่าความสำเร็จในการฟันฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจและการเมืองหรือวิกฤติอื่น ๆ ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่เป็นเรื่องของคนทั้งประเทศที่จะทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด เพื่อฟันฝ่าไปให้ได้ โดยผู้ขับเคลื่อนเศษฐกิจที่แท้จริงคือภาคเอกชน

 ปัญหาที่เราเผชิญในขณะนี้ประกอบด้วยผลกระทบที่เกิดจากวิกฤติการเงินในสหรัฐลุกลามไปประเทศอื่น ซึ่งสหรัฐถือเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย ทำให้วิกฤติเศรษฐกิจที่สหรัฐเผชิญ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยด้วย ซึ่ง ขณะนี้เราเห็นผลกระทบชัดเจนจากตัวเลขส่งออก โดยไตรมาสแรกปีนี้คงยังเห็นผลกระทบที่ชัดเจนรวมถึงอีก 1-2 เดือนข้างหน้าที่จะมีภาะคนว่างงาน ตกงานและค้าขายไม่ได้

 นอกจากนี้ประเทศไทยยังเจอวิกฤติการเมืองที่ต่อเนื่อง 2 - 3 ปีซึ่งรูปแบบก็มีการพัฒนา ตั้งแต่การชุมนุมต่อต้านรัฐบาลบานปลายไปสู่การรัฐประหารและความขัดแย้งบนท้องถนนของคนสองกลุ่ม ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าหลายเดือนที่ผ่านมา ไม่มีรัฐบาลหรือการเมือง 
ดูเหมือนทุกอย่างหยุดชะงักไม่มีทางออกมองไม่เห็นอนาคตว่าจะเดินทางไปทางไหน

 ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือคลายวิกฤติให้เร็วที่สุดเพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าให้ได้ตนยอมรับว่ากว่าจะถึงวันนี้การเมืองมีความขรุขระพอสมควร แต่วันนี้ก็มีความเปลี่ยนแปลง ในทางที่ดีขึ้นแม้ต่างประเทศจะมองว่ามีความวุ่นวายเพราะเป็นรัฐบาลผสมแต่ขณะนี้ รัฐบาลก็ถือว่ามีเสถียรภาพที่เพียงพอ ที่จะมาทำงานให้ประเทศชาติและประชาชนโดยตนจะทำหน้าที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจและดูปัญหาต่างๆ ด้วยตัวเอง โดยจะทำให้รัฐมนตรีทั้งคณะเข้าใจเป้าหมายในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ  จะทำงานให้เป็นเอกภาพซึ่งรัฐบาลมาทำงานไม่ถึงเดือนแต่ตนเชื่อว่าทุกคนจะมองเห็นความเปลี่ยนแปลงได้เร็วขึ้นจากที่เรามองไม่เห็นว่าบ้านเมืองจะไปในทิศทางใด ซึ่งวันนี้คิดว่าเราก้าวพ้นสภาพความไร้ระเบยบ และสมารถกำหนด ทิศทางขอเศรษฐกิจที่พอเพียงได้

 คืนนี้รัฐสภาจะให้ความเห็นชอบ หนังสือสัญญาตามกรอบข้อตกลงอาเซียนได้ทั้งหมดและพรุ่งนี้รัฐบาลจะเสนอร่างพรบ.กม.งบประมาณกลางปี ซึ่งคาดว่าจะผ่านวาระที่หนึ่งได้ภายในสิ้นเดือนนี้และเงินใช้ได้เดือนมีนาคมซึ่งงบกลางปีถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของแผนฟื้นฟูศก.  

 สำหรับมาตรการกระตุ้นศก.ที่ออกมามุ่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้มองปัญหาในอนาคต ซึ่วหลังจากที่มาตรกรกระตุ้นศก.ชุดนี้เดินไปได้ก็จะทำแผนกระตุ้นศก.ระยะกลางและยาวต่อไป  และมีการเตรียมแผนสองไว้เพื่อกู้เงินจากต่างประเทศ หากเงินที่จะนำมาใช้กระตุ้นศก.ไม่เพียงพอ

 " การแก้ปัญหาทุกอย่างไม่อยากให้เชื่อมือผมคนเดียวหรือใครคนใดคนหนึ่งแต่อยากให้เชื่อมั่นในคนไทยทั้งประเทศซึ่งปัญหาที่มีขวากหนามไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะแก้ แต่ตนเชื่อมั่นในประเทศไทยและหากได้รับความร่วมมือจากทุกคนเราจะฟันฝ่าวิกฤติไปได้และหากทำได้ดีไม่ใช่เฉพาะเราจะมีความเข้มแข็งเท่านั้นแต่จะออกจากวิกฤติเศรษฐกิจได้  "

 จากนั้นได้เปิดโอกาสให้นักลงทุนถามโดยนักลงทุนรายหนึ่งถามว่านายกฯมีความเชื่อมั่นแค่ไหนที่จะทำให้ประเทศพ้นจากวิกฤติศก.นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในต่างประเทศก็มีความเห็นต่างกันว่าวิกฤติทางการเงินจะว่าจะส่งผลแค่ไหน แต่จากนี้ไปอีก 2 ปี เราก็ต้องเผชิญหาปัญหามากมาย ซึ่งเราก็ไม่ทราบว่าจะมีปัญหาอะไรบ้างเพราะมีความไม่แน่นอนแต่ตนเชื่อว่าหากเราประคับประคองศก.ในไตรมาสที่ 1 และสองได้และสภาพศก.ภายนอกไม่ผันผวนจนเกินไป รวมทั้งมาตรการกระตุ้นศก.ได้ผล 

 " คาดว่าปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าก็จะเริ่มเห็นผลว่าเราจะออกจากวิกฤติศก.ได้ โดยรัฐบาลก็ต้องทำงานอย่างต่อเนื่องมีประสิทธิภาพและเอกภาพพยายามทำงานให้ดีที่สุดไม่ปล่อยให้เป็นเรื่องต่างคนต่างทำแต่ก็ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของประชาชน "

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์