อุปนายกสมาคมนักข่าวหนุนนายกฯ จัดระเบียบรายการเล่าข่าว ด้าน กนก ค้านไล่ไปจัดการวิทยุชุมชน

อุปนายกสมาคมนักข่าวฯ หนุน"อภิสิทธิ์"ให้สื่อคุมรายการเล่าข่าวกันเอง ระบุหลายรายการทำให้ผู้บริโภคสับสน แยกไม่ออกระหว่าง "ข้อเท็จจริง" กับ "ความเห็น" ด้านพิธีกรชื่อดัง "กนก" ค้าน ชี้ไม่น่าห่วงอย่างที่นายกฯ บอก ไล่ให้ไปดูแลวิทยุชุมชนที่หมิ่นเบื้องสูงแทน

กรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นเกี่ยวกับรายการคุยข่าวหรือเล่าข่าวทางสถานีโทรทัศน์ว่าเป็นรายการที่อันตราย

เนื่องจากมีการชี้นำผู้ชม และองค์กรวิชาชีพควรหารือกันในเรื่องนี้นั้น
เมื่อวันที่ 14 มกราคม นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ อุปนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า คลื่นวิทยุและโทรทัศน์เป็นทรัพยากรของชาติ ไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของใคร ของเอกชน หรือของรัฐ ที่จะนำไปใช้ในเรื่องส่วนตัว แม้จะมีรายใดได้สัมปทานไปก็ตาม ก็ต้องนำมาใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะเป็นหลัก ฉะนั้น การนำเสนอข่าวของรายการตามสถานีโทรทัศน์และวิทยุ จะต้องแยกแยะว่าอะไรคือรายการข่าว อะไรคือการคุยข่าว หรือสนทนาเรื่องข่าว เพราะผู้บริโภคจะได้ไม่สับสน เนื่องจากข่าวคือข้อเท็จจริง แต่การคุยข่าวหรือทอล์คโชว์ มีความเห็นของพิธีกรหรือผู้ร่วมรายการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย จะสังเกตได้ว่าพิธีกรบางคนจะอ่านข่าวพร้อมตั้งข้อสังเกตไปพร้อมๆ กัน โดยไม่บอกว่าประเด็นใดเป็นข้อเท็จจริงในข่าว ประเด็นใดเป็นความเห็นของพิธีกร ทำให้ผู้ชมหรือผู้ฟังสับสน นอกจากนั้น ยังไม่ควรนำรายการประเภทนี้มาพูดเรื่องส่วนตัว เช่น ทรงผม การแต่งตัวของพิธีกร หรือนำเวลาของรายการไปจัดงานวันเกิดให้พิธีกร

"เห็นด้วยกับนายกฯ ว่าสมาคมวิชาชีพด้านทีวี วิทยุ ต้องมาคุยกันเรื่องดังกล่าว รัฐบาลวางบทบาทไว้ดีแล้วที่ไม่แทรกแซงสื่อ และปล่อยให้สื่อกำหนดบทบาทและควบคุมกันเอง" นายประสงค์กล่าว


นายสำราญ ฉัตรโท รองผู้จัดการฝ่ายข่าว สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ให้สัมภาษณ์ว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดก็ถูก แต่ในส่วนของช่อง 3 ได้ดูแลเรื่องนี้มาตลอด ทั้งการทำงานที่มีการคุยกันว่าแค่ไหนถึงจะไม่ล้ำเส้น ทุกอย่างจะมีสคริปต์กำหนด ไม่ใช่ปล่อยให้วิเคราะห์ตามใจ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจะอันตราย ขณะที่พิธีกรก็นำพิธีกรที่มีชื่อเสียงและความสามารถมาทำงาน ไม่ใช่มือใหม่ ทำให้มีความรับผิดชอบสูง รู้ว่าควรพูดอะไรแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่ารายการลักษณะนี้มีข้อดีตรงที่เข้าถึงผู้ชมได้มากกว่าการรายงานข่าวแบบปกติ


ขณะที่
พ.อ.สราวุฒิ กาพย์เดโช บรรณาธิการข่าว สถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนจะเล่าหรือคุยข่าวเรื่องไหนจะประชุมกันเพื่อควบคุมประเด็น ไม่ใช่ปล่อยให้พิธีกรพูดอะไรก็ได้ที่อยากพูด และที่ผ่านมาก็ย้ำกับพิธีกรเรื่องนี้อยู่เสมอ


ด้านนายกนก รัตน์วงศ์สกุล พิธีกรรายการ "ข่าวข้นคนข่าว" ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี ให้สัมภาษณ์ว่า ส่วนตัวเห็นว่าในสถานการณ์ที่ไม่มีความขัดแย้งทางการเมือง รายการลักษณะนี้จะไม่น่าเป็นห่วงอย่างที่นายกฯกังวล หรือแม้ช่วงก่อนหน้าที่มีข้อขัดแย้งทางการเมือง มีการแบ่งสี ทางสถานีก็เข้ามาดูแล แม้จะไม่ใช่ลักษณะแทรกแซง แต่ก็ย้ำให้เสนอข่าวอย่างสมดุล ไม่ได้ปล่อยให้ทำอะไรตามใจชอบ ขณะเดียวกัน ยังเชื่อว่าคนดูมีวิจารณญาณที่จะคิดเองได้ ไม่ใช่เชื่อตามที่เขาบอกไปหมด

"ที่ท่านนายกฯพูด ถ้าท่านประสงค์ที่จะไม่ให้มีรายการคุยข่าว ผมว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก เอาง่ายๆ ยกตัวอย่างหนังสือพิมพ์ ข่าวหน้า 1 เปรียบได้กับการรายงานข่าวอย่างทีวีเมื่อก่อน แต่หน้าในก็จะมีคอลัมน์ ที่คนเขียนจะเขียนตามทัศนคติและมุมมองของตัวเอง ซึ่งมีส่วนชักจูงคนอ่านเหมือนกัน สื่อทุกสื่อมีส่วนในการชี้นำด้วยกันทั้งนั้น การพูดคุยมันเป็นเรื่องของความคิดเห็น ถ้าสื่อไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์การกระทำอะไรก็ตามที่มันผิด มันไม่ดี ก็แย่แล้ว จะให้มีแต่การรายงานข่าวอย่างเดียว โดยไม่มีการพูดคุยข่าว ไม่ให้มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐเลย มันไม่ได้ แต่ผมว่าท่านนายกฯ คงจะเห็นมาแหละว่ารายการไหนที่มีแต่การคุยข่าวอย่างเดียว ไม่ได้นำเสนอความคืบหน้าของข่าวนั้นเลย และท่านก็คงจะเป็นห่วงอยู่ ส่วนจะให้คุยกันในวงของสื่อ ผมว่ามันเป็นไปไม่ได้ อันนี้ต้องหามาตรการจัดการแล้ว" นายกนกกล่าว
 
นายกนก กล่าวด้วยว่า ที่จริงแล้วรายการคุยข่าว เล่าข่าวทางวิทยุชุมชนยังน่าเป็นห่วงมากกว่ารายการคุยข่าว เล่าข่าวที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ เพราะทุกวันนี้มีวิทยุชุมชนเยอะจนนับไม่ถ้วน และรายการที่ออกอากาศหลายรายการมีการดูหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งควรจัดผู้เกี่ยวข้องไปดูแล
 

ด้านนายธีระ ธัญไพบูลย์ พิธีกรรายการ"เรื่องเด่นเย็นนี้"ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 และ"ข่าวข้นคนข่าว"ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่อยากใช้คว่า "ชี้นำ" เลย แต่ยอมรับว่าข่าวบางข่าวมีประเด็นให้พิธีกรมีความรู้สึกร่วมจนแสดงออกไปได้ เช่น ข่าวการช่วยเหลือเด็กที่พ่อแม่พาไปขายตัว จะให้ตนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่รู้สึกรู้สาอะไรคงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ารายการเล่าข่าวไม่ใช่ว่าจะดีไปหมด เพราะแม้จะเป็นรายการที่สามารถอธิบายข่าวยากๆ ให้คนเข้าใจได้ง่ายขึ้น เช่น เรื่องของข้อกฏหมาย แต่ข้อเสียก็มีสำหรับรายการที่มีพิธีกรซึ่งเอาแต่พูดโดยไม่ทำการบ้าน ไม่มีความรู้พอ เพราะดูไปก็ไม่ได้อะไรเพิ่ม ทั้งนี้พิธีกรทุกคนต้องมีจิตสำนึกของตัวเอง รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ และตระหนักในหน้าที่ของตัวเอง


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์