สารพัดระเบิดเวลา รออภิสิทธิ์1ถอดสลัก

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กับรัฐบาลชุดใหม่ เข้ามาบริหารประเทศแบบไม่มีช่วง "ฮันนีมูน" และต้องเข้ามาทำงานทันทีเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศที่กำลังเผชิญวิกฤตรุนแรงจากภายในและภายนอกประเทศ

"มติชน" ลองประมวลปัญหา และโครงการหลายเรื่องที่ค้างมาจากหลายรัฐบาล รอให้รัฐบาลชุดใหม่ตัดสินใจดำเนินการ ที่สำคัญ
มีหลายเรื่องเปรียบเสมือน "ระเบิดเวลา" ลูกใหญ่ รอให้ "อภิสิทธิ์ 1" ถอดสลัก ได้แก่

@ ปราสาทพระวิหาร

ระเบิดเวลาลูกใหญ่สุดสุดที่รัฐบาล "อภิสิทธิ์ 1" ต้องเผชิญคือการเจรจาปักปันเขตแดนเขาพระวิหาร ซึ่งจะมีขึ้นอีกครั้งในปลายเดือนมกราคม 2552 เพื่อสานต่อความคืบหน้าจากที่ประชุมคณะกรรมการปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา ที่เมืองเสียมราฐ และต้องทำเรื่องขออนุมัติกรอบการเจรจาใหม่เพิ่มเติมจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 อีกครั้ง เช่น ชื่อเรียก "เขาพระวิหาร" ทางกัมพูชาอยากให้แก้เป็น "เปรี๊ยะวิเฮียร์" เป็นต้น

บรรดานักการทูตแสดงความเป็นห่วงท่าทีของนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ ซึ่งเคยขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และปราศรัยโจมตีการทำงานของข้าราชการระดับสูงในกระทรวงช่วงรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อย่างรุนแรง ไม่เพียงเท่านั้น นายกษิตยังวิพากษ์วิจารณ์ท่าทีของสมเด็จฯฮุนเซน นายกฯกัมพูชาอย่างไม่ไว้หน้า ดังนั้น เมื่อมานั่งกำกับดูแลงานนี้เอง นายกษิตจะใช้นโยบายระหว่างประเทศแบบแข็งกร้าวกับกัมพูชาตาม "ชุดความคิด" แบบพันธมิตรหรือไม่ อย่างไร

หากนายกษิตไม่สามารถถอดสลักระเบิดเวลาลูกนี้ได้สำเร็จ จะส่งผลกระทบกับการปักปันเขตแดนทางบก โดยเฉพาะบริเวณเขาพระวิหาร และพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย จะส่งผลให้กัมพูชาไม่สามารถส่งรายงานการบริหารจัดการปราสาทพระวิหารในฐานะมรดกโลกให้คณะกรรมการมรดกโลกพิจารณาได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2552

ยังไม่อยากคิดไปถึงขั้นที่ว่า หากถอดสลักไม่สำเร็จจะบานปลายกลายเป็นสงครามชายแดนหรือไม่

@ ล่าข้ามชาติ "ทักษิณ"

ถึงแม้กระทรวงการต่างประเทศยกเลิกพาสปอร์ตการทูต พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯไปแล้ว แต่ก็ยังเหลือพาสปอร์ตบุคคลทั่วไปที่ยังรอให้นายกษิต หรืออาจจะรวมถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ตัดสินใจยกเลิกหรือไม่ หากคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความกฎหมายแล้วว่าพาสปอร์ตทั่วไปถอนได้ ไม่ขัดรัฐธรรมนูญเรื่องสิทธิเสรีภาพในการเดินทางของบุคคล เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณต้องคำพิพากษาจำคุกและคดีถึงที่สุดแล้ว

ความจริงกระทรวงการต่างประเทศไม่จำเป็นต้องส่งกฤษฎีกาตีความก็ได้ หากศาลฎีกาหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งหนังสือแจ้งให้กระทรวงถอน หรือระงับการใช้พาสปอร์ตบุคคลทั่วไปของ พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากตกเป็นผู้ต้องโทษ เป็นผู้ร้ายข้ามแดน และคดีถึงที่สุดแล้ว
แต่ทว่าทั้งศาลและตำรวจก็ไม่ตั้งเรื่องมาด้วยอาจจะเกรงใจรัฐบาล "นอมินี"

แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลแล้ว ต้องดูท่าทีของนายอภิสิทธิ์จะเร่งส่งสัญญาณให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ตั้งแท่นมายังกระทรวงการต่างประเทศหรือไม่ กระนั้นก็ดี อาการเร่งรัดเป็นพิเศษอาจทำให้ถูกมองว่าจงใจเล่นงานอดีตผู้นำประเทศจนเกินไป ถึงขนาด พ.ต.ท.ทักษิณเคยเปรียบตัวเองเป็นเหมือน "สุนัข" ที่แม้แต่ตรอกก็ยังไม่มีให้หนีไปจนมุม

@ โยกย้าย ผบ.ตร.-ผบช.น.

นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ต้องตัดสินใจภายในเร็ววันว่าจะคืนเก้าอี้ ผบ.ตร.ให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมคนใหม่เมื่อไหร่ ก่อนหรือหลังการชุมนุมใหญ่ของม็อบเสื้อแดงในปลายเดือนธันวาคมนี้ หรือจะเลือกใช้คนรักษาการแทนอย่าง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ

นอกจากเก้าอี้ ผบ.ตร.ที่ต้องตัดสินใจแล้ว ยังมีเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ในฐานะควบคุมกำลังตำรวจในการรับมือกับม็อบไม่แพ้ ผบ.ตร. นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพจะเลือกใช้ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ต่อไป หรือจะเปลี่ยนแปลง

หรือจะรอผลสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในคดีสลายการชุมนุม 7 ตุลาคมก่อน

@ ม็อบเสื้อแดง

กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และกลุ่มเสื้อแดง นัดชุมนุมหน้ารัฐสภาเพื่อคัดค้านการแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ แม้บรรดาแกนนำ นปช.จะอ้างว่าไม่ปิดล้อมรัฐสภาขัดขวางการเข้าประชุมเหมือนพันธมิตรเคยทำ แต่นั่นไม่ใช่คำยืนยันว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ปิดล้อมสภาแบบเดียวกัน หากพิจารณาจากกรณีกลุ่มเสื้อแดงคลั่งทุบทำลายรถ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมรัฐบาลในวันโหวตนายกฯ

วันที่ 29 ธันวาคม จะเป็นวันวัดฝีมือของผู้นำรัฐบาล ตำรวจ และทหาร ในการวางแผนและมาตรการรับมือม็อบเสื้อแดงอย่างไรไม่ให้ลุกลามบานปลายกลายเป็นความรุนแรงขยายตัวต่อเนื่องไปทั่วประเทศ

@ สต๊อคข้าวร้อน-ก๊าซแอลพีจีระอุ

ประเด็น "ร้อน" ที่กระทรวงพาณิชย์เตรียมรายงานต่อนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์คนใหม่ ภายหลังเข้าปฏิบัติหน้าที่คือ การร้องเรียนให้ทบทวนและยกเลิกการระบายข้าวในสต๊อครัฐบาล เนื่องจากมีการตั้งข้อสังเกตว่าใช้เวลาพิจารณาอย่างรวบรัด และราคาต่ำกว่าราคาตลาดค่อนข้างมาก

ขณะที่งานเร่งด่วนของกระทรวงพลังงาน และรัฐบาลชุดใหม่ ต้องเร่งเข้ามาตัดสินใจดำเนินการคือ การปรับขึ้นค่าก๊าซแอลพีจีในภาคขนส่งที่รัฐบาลชุดที่ผ่านมา

หลังจากที่ ปตท.ต้องแบกรับภาระการนำเข้าแอลพีจีแทนรัฐบาลไปแล้วเกือบหมื่นล้านบาท รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้อนุมัติให้ขึ้นราคาได้ 6 บาทต่อกิโลกรัม ให้มีผลในวันที่ 1 มกราคม 2552 ท่ามกลางเสียงคัดค้านต่อต้านจากผู้ที่ได้รับผลกระทบจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถแท็กซี่รับจ้าง มีการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ยกเลิกการปรับราคา แต่ยังไม่ทันที่รัฐบาลจะตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ต้องกลายเป็นรัฐบาลรักษาการ

รัฐบาลชุดใหม่ โดยเฉพาะ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงานคนใหม่ จะตัดสินใจถอดสลักระเบิดแอลพีจีอย่างไร

นอกจากนี้ นพ.วรรณรัตน์จะต้องพิจารณาเรื่องภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพราะมาตรการที่รัฐบาลชุดที่ผ่านมาดำเนินการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันจะหมดอายุในเดือนมกราคม 2552 ทำให้ต้องปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิต รวมไปถึงการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน รัฐมนตรีจะตัดสินใจเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเอาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินเพราะในช่วงนี้ราคาน้ำมันปรับลดลงเป็นอย่างมาก หรือจะยืนนโยบายประชานิยมต่อไป

@ อภิมหาโปรเจ็คต์ค้างทศวรรษ

กระทรวงคมนาคมมีโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการหลายโครงการ ส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดใหญ่ ประกอบด้วย

1.โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ขององค์การขนส่งรถไฟฟ้ามหานคร (รฟม.) ซึ่งเปิดให้ยื่นซองประมูลมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่ได้ผู้รับเหมา เนื่องจากต้องรอการพิจารณาเงินกู้จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า)

2.โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ขณะนี้ยังไม่ได้ประกวดราคา มีแผนที่จะดำเนินการในปีหน้า ต้องจับตาดูว่าจะมีการรื้อโครงการมาพิจารณาใหม่หรือไม่อย่างไร

3.โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต อยู่ระหว่างการรถไฟแห่งประเทสไทย (ร.ฟ.ท.) พิจารณาหาแหล่งเงินกู้ใหม่ เนื่องจากไม่ยอมรับเงื่อนไขของไจก้ากรณีเรื่องการรวบระบบการเดินรถ ซึ่ง ร.ฟ.ท.มีแนวคิดที่จะไปกู้เงินจากกองทุนน้ำมันในอังกฤษมาพัฒนาโครงการ

4.โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู "แคราย-แจ้งวัฒนะ-รามอินทรา-สุวินทวงศ์" ในสมัยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี มีโนยบายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ไปพิจารณาเลื่อนการก่อสร้างโครงการดังกล่าวมาก่อสร้างในปี 2552 เนื่องจากต้องการให้เกิดขึ้นเพื่อรองรับโครงการศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะที่จะเปิดในบริการในเดือนธันวาคม 2551

5.โครงการเปิดประมูลเช่ารถปรับอากาศ 4,000 คัน มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ถือเป็นโครงการ "ร้อนจี๋" ขณะนี้จัดทำร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) ไปแล้ว แต่ยังไม่ได้เปิดประกวดราคา ด้วยเหตุนี้ กลุ่มเพื่อนเนวินจึงส่งแกนนำกลุ่มถึง 2 คนเข้ามาเป็น รมว. และ รมช.เพื่อเข้ามาปิดกล่องให้สำเร็จลุล่วง หลังจากนายทุนกลุ่มร่วมกับแกนนำรัฐบาลในกลุ่ม "แก๊งออฟโฟว์" ช่วยกันปั้นโครงการดังกล่าว

ปัญหามีอยู่ว่า นายอภิสิทธิ์ซึ่งเพิ่งประกาศห้าม ครม.มูมมาม มีข้อมูลลึกๆ เกี่ยวกับความเป็นมาของโครงการนี้แค่ไหน และจะปล่อยให้ของร้อนก้อนใหญ่ระเบิดตูมใส่มือหรือไม่ อย่าลืมว่า พรรคเพื่อไทยเองก็มีข้อมูลลึกๆ อยู่ในมือจำนวนมากไม่แพ้กัน

@ กม.จัดสรรคลื่นความถี่&3จี

ร่าง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุ โทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ถือเป็นกฎหมายสำคัญที่จะใช้กำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมของประเทศ และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทย โดยเฉพาะการรวมหน่วยงานกำกับดูแลปัจจุบัน ได้แก่ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) เข้าด้วยกัน

แต่จนป่านนี้ร่างยังคงค้างเติ่งอยู่ในวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรมานานนับปี เนื่องจากหลายฝ่ายเคลื่อนไหวต่อต้านร่างที่มีเนื้อหาเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน แต่ไม่เปิดช่องทางให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม

นอกจากนี้ ยังมีโครงการสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ "3 จี" ของทีโอที มูลค่าการลงทุนถึง 2.9 หมื่นล้านบาท ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการสำคัญที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยเช่นกัน

ด้วยศักยภาพของ ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.เทคโนโลยีฯ คงไม่สามารถถอดสลักระเบิดทั้งสองลูกได้ตามลำพังแน่

@ โครงการ "ฝายแม้ว"

แทนที่นายสมศักดิ์ และนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ผู้นำอดีตพรรคมัฌชิมาธิปไตย จะรักษาโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เพื่อสานงานตามนโยบายให้ต่อเนื่อง ทั้งสองกลับทิ้งเก้าอี้ รมว.ทส.ไปอย่างไม่ไยดี

ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ผู้นำอดีตพรรคมัฌชิมาธิปไตยไม่อยากเผชิญกับผลสอบสวนโครงการส่อทุจริต "ฝายแม้ว" มูลค่า 700 ล้านบาท ของคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในอนาคต จึงตัดใจโยน "เผือกร้อน" ให้พรรคการเมืองอื่นรับไปแทน ส่วนตัวเองขอโควต้ารัฐมนตรีว่าการอื่นแทน

นี่จึงเป็นอีกระเบิดเวลาลูกใหญ่ที่รอให้นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทส.คนใหม่ ต้องเข้ามาสะสางต่อไป จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดข้าราชการประจำเสียเอง หรือรอผลสอบสวนของ 3 องค์กรภายนอก และจะโยกย้ายข้าราชการระดับสูงที่เป็นมือไม้ในการดำเนินโครงกาหรือไม่

เชื่อเถอะว่า งานนี้จะมีข้าราชการประจำระดับต่างๆ กลายเป็น "แพะรับบาป" แทนนักการเมือง

@ หวยออนไลน์

กลายเป็นมหากาพย์ไปเรียบร้อยแล้วสำหรับการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ผ่านไป 2 รัฐบาล 3 รัฐมนตรี ยังไม่รู้ว่าหวยจะไปออกที่ใคร ล่าสุดสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเสนอชื่อนายวันชัย สุระกุล รักษาการผู้อำนวยการสำนักงาน เป็นผู้อำนวยการสำนักงานคนใหม่ แต่ ครม. "สมชาย" กลับไม่พิจารณา ทำให้งานต่างๆ ในสำนักงานค้างคารอการตัดสินใจ โดยเฉพาะประเด็นการจำหน่ายสลากแบบพิเศษเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว (หวยออนไลน์) ที่แม้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะตีความมาแล้วว่าทำได้ แต่ต้องแบ่งสัดส่วนรายได้ตามที่กฎหมายกำหนด แต่ยังไม่มีรัฐมนตรีคนไหนที่กล้าจะตัดสินใจเข็นเรื่องเข้า ครม.สักที นี่ยังไม่รวมคำขู่ของบริษัทเอกชน เจ้าของสัมปทานที่จะฟ้องรัฐข้อหาทำให้เสียหาย

ดูเหมือนระเบิดลูกนี้มี "ค่าโง่" เป็นเดิมพัน

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์