เผยร่างนโยบายรบ.ประชานิยมเพียบ เรียนฟรี-รักษาฟรี เพิ่มเงินกองทุนพอเพียงข่มเอสเอ็มแอลเท่าตัว


ปธ.ยกร่างเผยนโยบายเร่งด่วนรัฐบาล ขนประชานิยมแจก เรียนฟรี รักษาฟรี ตั้งกองทุนศก.พอเพียงทุกหมู่บ้านทั่วปท. อนุมัติงบแบบให้เปล่า คุยข่มให้เยอะกว่าเงินเอสเอ็มแอลหนึ่งเท่าตัว อ้างมีแหล่งเงินจากหลายส่วนมาอัดฉีดได้ นายกสมาคมท่องเที่ยวสมุยบุกยื่น 5 ข้อเสนอ จี้"อภิสิทธิ์"แก้ผลกระทบปิด2สนามบิน


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการยกร่างนโยบายของรัฐบาล เปิดเผยเมื่อวันที่ 20 ธันวาคมว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำร่างนโยบายของรัฐบาล ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ 1.นโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการในปีแรก และ2.นโยบายต้องทำในระยะเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาลในช่วง 3 ปี คาดว่าจะดำเนินการได้เรียบร้อยภายในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ จากนั้นจะส่งร่างนโยบายให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณา และนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาอนุมัติอย่างเป็นทางการต่อไป
 
สำหรับนโยบายเร่งด่วน มีการกำหนดเรื่องสำคัญหลายเรื่อง อาทิ เรื่องการเรียนฟรี ฟรีค่าเทอมและอุปกรณ์ตำราเรียน รวม 15 ปี ตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6, เรื่องการรักษาฟรี ซึ่งจะเป็นการรักษาฟรีแบบมีคุณภาพที่ใช้เพียงบัตรประจำตัวประชาชน ไม่จำเป็นต้องบัตรทอง นอกจากนี้จะเปิดโอกาสให้คลินิกเอกชนเข้าร่วมโครงการด้วย, โครงการเบี้ยยังชีพคนชรา อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป คนละ 500 บาทต่อเดือน, การจัดตั้งกองทุนชราภาพ ในหมู่บ้าน เป็นหลักประกันยามชรา ซึ่งรัฐบาลจะออกเงินสมทบให้ส่วนหนึ่งทุกเดือน และเมื่อครบกำหนดอายุ 60 ปีก็จะได้รับเงินคืนพร้อมดอกเบี้ย, นโยบายสนับสนุนการปฏิบัติงานของอาสาสมัคร (อสม.) เดือนละ 600 บาท จำนวน 8 แสนคน, นโยบายการจัดตั้งกองทุนเศรษฐกิจพอเพียงทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ ที่รัฐบาลจะอนุมัติงบประมาณแบบให้เปล่า เพื่อให้คณะกรรมการกองทุนนำไปใช้จ่ายในการจัดทำโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อชุมนุมตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่นการฝึกอบรมอาชีพ ก่อสร้างลานตากข้าว ทำถนนเป็นต้น ซึ่งงบประมาณที่จะสนับสนุนให้ จะพยายามเพิ่มให้ได้มากกว่าเงินสนับสนุนกองทุนเอสเอ็มแอล จำนวน 1 เท่า  หรือประมาณ 500,000 บาท จากเดิมที่แต่ละหมู่บ้านจะได้รับการสนับสนุน แห่งละ  250,000 บาท

นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดแนวทางการช่วยเหลือ เรื่องการส่งออก การท่องเที่ยว และการดูแลปัญหาการว่างงาน ในลักษณะการลดภาษี และการอัดฉีดเม็ดเงินผ่านสถาบันการเงินเพื่อให้ธุรกิจมีสภาพคล่องมากและไม่มีปัญหาการปลดคนงานออกโดยไม่จำเป็น รวมถึงนโยบายการดำเนินงานโครงการเมกะโปรเจ็คต์ ด้านต่างๆ นโยบายพัฒนาระบบชลประทานขนาดกลางขนาดเล็ก และระบบการกระจายน้ำ เพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรนอกเขตชลประทาน จำนวน 3.5 เท่า รวมถึงการประกันราคาพืชผลทางการเกษตร จากปัญหาอุทกภัยทุกปีด้วย และนโยบายการจัดตั้งศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ และศูนย์เด็กเล็กชุมชุนด้วย
 
นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับที่มาของเงินที่จะนำมาใช้ในการจัดทำนโยบายเร่งด่วน คงเป็นเรื่องที่ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลจะเป็นผู้พิจารณา แต่เท่าที่ดูขณะนี้มีเงินอยู่หลายส่วนที่สามารถนำมาใช้ได้ อาทิ งบประมาณกลางปี 2552 จำนวน 1 แสนล้านบาท งบล้างท่อขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รัฐวิสาหกิจ ที่ยังค้างอยู่จำนวนมาก และมาตรการที่จะให้สถาบันการเงินปล่อยกู้ให้เพิ่มเติม
 
"สำหรับงบประมาณกลางปี 2552 จำนวน 1 แสนล้านบาท คงเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้จ่ายไปจากรูปแบบที่รัฐบาลเดิมกำหนดไว้ แต่คงจะไม่เลิกทั้งหมด ส่วนตัวเงินจะเพิ่มหรือไม่ คงจะต้องพิจารณากันอีกครั้ง" นายจุรินทร์กล่าว
 
นายจุรินทร์กล่าวว่า กรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค ระบุจะมีการแก้รัฐธรรมนูญนั้น ในชั้นของคณะกรรมการยกร่างนโยบายรัฐบาล ไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นด้านหลัก การปฏิรูปการเมืองที่นายอภิสิทธิ์ระบุว่า จะต้องแก้รัฐธรรมนูญ อาจจะเป็นประเด็นที่ตามมา
 
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 09.00 น. ก่อนออกเดินทางไปร่วมงานสัมมนาส.ส.พรรคที่อ.เกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานีว่า ขณะนี้นโยบายของพรรคคืบหน้าไปมาก  คิดว่าภายใน 1-2 วัน นี้น่าจะมีต้นร่างออกมา และเมื่อครม.มีโอกาสเข้าทำงานก็จะทบทวนแก้ไขเพื่อเสนอต่อรัฐสภาต่อไป
 
"เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผมเห็นว่าการปฏิรูปการเมืองคงไม่สามารถทำได้หากไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ก่อนหน้านี้ที่พูดกันเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลายส่วนมีความต้องการแตกต่างกัน บ้างต้องการแก้ไขเรื่องระบบเลือกตั้ง บางส่วนต้องการแก้ไขเรื่องที่มาของส.ว. รวมทั้งบางส่วนต้องการแก้ไขเพื่อฟอกผิดตัวเอง จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในสังคม ดังนั้นเราจึงต้องมานั่งคุยกันก่อนว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่ออะไรให้ชัดเจน ว่าจะไม่เอารัฐธรรมนูญเป็นตัวตั้ง แล้วมุ่งไปยังการปฏิรูปการเมือง เมื่อชัดเจนแล้ว การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะหากพูดเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนก็อาจจะสับสนและนำไปสู่ความขัดแย้งได้ และอาจจะทำให้ไม่สามารถทำงานได้ ซึ่งได้พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลแล้วทุกฝ่ายก็เห็นตรงกัน"นายกฯกล่าว
 
ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า  พรรคประชาธิปัตย์ เคยเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่สภาไปแล้ว แต่กฎหมายฉบับนี้มีลักษณะเป็นกฎหมายทางการเงิน ที่นายกฯจะต้องลงนามในการเสนอต่อรัฐสภา ที่ผ่านมาในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ไม่ยอมลงนาม โดยเรื่องนี้ตนพร้อมจะลงนามและเสนอต่อสภา เพราะเห็นว่าเป็นกลไกในการแก้ไขปัญหาได้
 
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ กล่าวว่า หลักใหญ่ของนโยบายการแก้ปัญหานี้คื จะจัดตั้งองค์กรแก้ปัญหา โดยต้องเสนอออกพ.ร.บ.มารองรับ  องค์กรตามกฎหมายที่จะผลักดันนี้ จะดึงภาครัฐ เอกชน ผู้นำศาสนา  ผู้ปกครองท้องถิ่น  ผู้ปกครองท้องที่ และ ผู้ทรงคุณวุติฝ่ายประชาชน มาร่วมเป็นคณะกรรมการเพื่อแก้ปัญหา 
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า องค์กรที่เกิดขึ้น จะซ้ำซ้อนกับ ศอ.บต.และ พตท. 43  ที่มีอยู่แล้วหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่ถึงกับจะแตกต่างถึงขนาดผลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน แต่จะมีกฎหมายรองรับชัดเจน ทุกฝ่ายจะมีส่วนร่วม มีรัฐมนตรีกำกับชัดเจน   ทั้งนี้พตท.43 ไม่ใช่องค์กรเชิงนโยบาย แต่เป็นองค์กรเชิงปฏิบัติการ เป็นกองกำลังผสมที่ใช้ปฏิบัติการรักษาความสงบ องค์กรใหม่ภาพจะใหญ่กว่า  การแก้ปัญหา นายกฯจะมอบหมายให้ใครรับผิดชอบโดยตรงก็ได้ เช่น รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง รัฐมนตรีว่าการ หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 
 
สำหรับการเดินทางไปร่วมสัมมนากับส.ส.และคณะกรรมการบริหารพรรค ที่โรงแรมอิมพีเรียล โบ๊ทเฮ้าส์ หาดเชิงมนต์ บ้านปลายแหลม หมู่ที่5 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุยนั้น เมื่อนายอภิสิทธิ์เดินทางถึงสนามบินเกาะสมุย มีประชาชนกว่า1,000 คน  รอต้อนรับ พร้อมช่อดอกไม้ รวมถึงป้ายข้อความต่างๆอาทิ “ ขอเป็นกำลังใจให้ท่านนายกอภิสิทธิ์ บริหารประเทศอย่างเต็มความสามารถ และนำพาประเทศให้เจริญก้าวหน้า ” ขณะที่กลุ่มสตรีจากชมรมผู้สูงอายุ รุมหอมแก้มนายอภิสิทธิ์โดยนายกฯมีสีหน้าเขินอาย
 
ขณะเดียวกันนายเสนีย์ ภูวเศรษฐาวร นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย  เข้ายื่นหนังสือถึงนายกฯ  ขอให้ช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการประท้วงปิดสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง โดยนายเสนีย์กล่าวว่า  นักท่องเที่ยวต่างประเทศขาดความเชื่อมั่นที่จะมาเที่ยวในไทยคาดว่าจะลดลงไม่ต่ำกว่า 400,000 คนในปี 2551 และมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจต่อเนื่องอื่นๆจนถึงไตรมาส 2 ของปี 2552 อย่างแน่นอน ทางสมาคมจึงหารือร่วมกับสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ฝั่งตะวันออก ขอให้ภาครัฐช่วยเหลือส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุยใน 5 ประเด็น
 
1.ของบประมาณเพื่อทำการตลาดและโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)เพื่อดึงนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านเช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง สาธารณประชาชนจีน บินตรงสู่สนามบินเกาะสมุยและจ.สุราษฎร์ธานี 2.) สนับสนุนสนามบินทั้ง 2 แห่งเป็นศูนย์กลางการบิน โดยให้เครื่องบินเช่าเหมาลำจากประเทศใกล้เคียงนำท่องเที่ยวมาลง โดยคิดค่าจอดเครื่องบินในราคาพิเศษหรือยกเว้นค่าธรรมเนียม
 
3.) ยกเว้นค่าธรรมเนียมการเข้าชมอุทยานต่างๆเป็นเวลา 1 ปีโดยให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณแทน 4.) ให้สนับสนุนงบประมาณซ่อมบำรุงถนนสายรอบเกาะสมุยและสายรอง ที่ชำรุดทรุดโทรมและก่อสร้างมาเกือบ 30 ปี ตลาดจนแก้ปัญหาน้ำท่วมขังเต็มระบบ และ 5.) พัฒนาแหล่งน้ำดิบและพื้นที่กักเก็บเพื่อทำน้ำประปาที่มีปัญหาเกือบทุกปีกรณีฝนทิ้งช่วง โดยนายอภิสิทธิ์รับเรื่องไว้และกล่าวว่า จะมอบให้ผู้เกี่ยวข้องไปดำเนินการช่วยเหลือต่อไป

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์