นปช.กดดันมาร์ค เร่งทำคดีพธม.


แม้วโฟนอินอีกหน ฉะปชป.ทุ่มซื้อสส.

ตร.เตรียมรับมือม็อบนปช.บุกรัฐสภาวันนายกฯมาร์คแถลงนโยบาย 26 ธ.ค.นี้เชื่อมากันเยอะแน่นอน เตรียมระดมกำลังรับมือ ไม่ให้เกิดความรุนแรง สั่งห้ามใช้เด็ดขาดแก๊สน้ำตา ขณะเดียวกันตร.ออกหมายจับแล้ว 6 นปช.ทุบรถ-ทำร้าย ส.ส.วันโหวตนายกฯ ส่วนแกนนำนปช.ประกาศไม่มีมติปิดล้อมรัฐสภา แต่ใครจะไปประท้วงก็เป็นสิทธิ์ "อนุพงษ์"ยันรักคนอีสาน อยากให้รัฐบาลเข้าไปแก้ปัญหาให้ชาวอีสาน วอนทุกฝ่ายยึดในหลวง เลิกแบ่งแยกสีแยกพวกได้แล้ว ขณะที่กลุ่มทนายอิสระเตรียมล่าชื่อ 2 หมื่นยื่นถอดถอนผบ.ทบ. อ้างแทรกแซงการเมือง รายการความจริงวันนี้จัดงานระดมทุนสุดกร่อย เตรียมโต๊ะจีนไว้ 70 โต๊ะ แต่มีคนมาแค่ 10 โต๊ะ "วีระ-ณัฐวุฒิ"ยันสามเกลอรีเทิร์นแน่นอน ทำเนียบนิมนต์พระสงฆ์ทำพิธีใหญ่ 19 ธ.ค.นี้

-19 ธ.ค.นี้ทำบุญใหญ่ทำเนียบ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย จำนวน 50 นาย ได้เข้ามาช่วยขนย้ายอุปกรณ์ เฟอร์นิเจอร์ ที่ตึกบัญชาการ 1 ที่ได้รับความเสียหายจากการถูกทำลายช่วงที่กลุ่มพันธมิตรเข้ายึดเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเครื่องตรวจวัตถุระเบิดภายในตึกบัญชาการ 1 ด้วย พบว่าไม่ได้รับความเสียหาย ยังใช้งานได้เป็นปกติ

นายลอยเลื่อน บุนนาค รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดที่มีการขนย้ายออกไปในวันนี้ จะนำไปซ่อมแซมที่บ้านพิษณุโลกและบ้านมนังคศิลา เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่แผนกซ่อมแซมเฟอร์นิเจอร์ประจำอยู่ ส่วนการจัดหาของใหม่เข้ามาแทนที่นั้น ก็จะนำของที่ใช้อยู่ที่ห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานดอนเมืองมาจัดแทนที่เดิม ทั้งนี้ในส่วนของวัสดุสำนักงานต่างๆ นั้นไม่ใช่เรื่องยากในการดำเนินการจัดหาและติดตั้ง และคงใช้เวลาดำเนินการไม่นาน แต่ที่ต้องใช้เวลาอีกสักระยะคงเป็นเรื่องการซ่อมแซมห้องสุขาและการทำความสะอาดท่อระบายน้ำทั้งหมด อย่างไรก็ตาม วันที่ 19 ธ.ค.นี้ ทำเนียบรัฐบาลจะจัดทำบุญเลี้ยงพระ 9 รูป และจะทำความสะอาด ทาสีใหม่ โดยเฉพาะรั้วทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจะใช้สีเดิม

-ซ่อมแซมทันรัฐบาลใหม่แน่

"อุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่จะเป็นของเก่า ตั้งแต่สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งมีการใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล โดยเฉพาะบริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ เจ้าของสวนนงนุช ซึ่งเคยปรับปรุงพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ ได้มาดูพื้นที่แล้ว และจะเริ่มลงมือปรับปรุงทันที" นายลอยเลื่อนกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้ นายลอยเลื่อนได้นำเจ้าหน้าที่เทคนิคไปตรวจสอบระบบการสื่อสาร รวมถึงระบบโทรศัพท์ เพื่อเตรียมการให้มีความพร้อมในการทำงานของรัฐบาลใหม่

ต่อมาเวลา 14.00 น. นายลอยเลื่อนเรียกประชุมหน่วยงานทั้งหมดภายในทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือและเตรียมการทำกิจกรรมการพัฒนาบริเวณทำเนียบรัฐบาล (Big Clean) ในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ โดยนายลอยเลื่อน กล่าวว่า หลังจากกลุ่มพันธมิตรถอยออกไปเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) เข้ามาในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นหน่วยแรก ซึ่งทำเนียบรัฐบาลมีทั้งหมด 15 อาคาร สลน.ดูแลทั้งสิ้น 12 อาคาร ซึ่งรัฐบาลชุดใหม่ได้เร่งรัดให้ซ่อมแซม ปรับปรุงให้เสร็จโดยเร็ว เนื่องจากนายกฯคนใหม่จะเข้ามาทำงานวันที่ 26 ธ.ค.นี้ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องการให้ปรับปรุงซ่อมแซมทำเนียบรัฐบาลให้เสร็จทันการประชุมอาเซียนซัมมิท ดังนั้น ทุกหน่วยอาจจะต้องเร่งปรับปรุงทั้งกลางวันและกลางคืน

-ทำเนียบเปิดทางการ22ม.ค.นี้

นายลอยเลื่อน กล่าวว่า กิจกรรมการพัฒนาบริเวณทำเนียบ ในวันที่ 19 ธ.ค. จะเริ่มด้วยพีธีทำบุญเลี้ยงพระ 9 รูป ที่ตึกสันติไมตรี ในเวลา 07.00 น. โดยนิมนต์พระสงฆ์จากวัดสระเกศ ให้มาทำพิธี ซึ่งจะโยงสายสิญจน์ไปทุกอาคาร พร้อมพรมน้ำมนต์และทำพิธีให้ครบถ้วน จากนั้นจะเชิญชวนให้ทุกหน่วยงานร่วมกันทำ 5 ส. ทาสีกำแพง รั้วทำเนียบใหม่ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดของกทม. จะเริ่มเข้ามาทำความสะอาดกำแพง พร้อมกวาดล้างถนนในบริเวณทำเนียบรัฐบาลและพื้นที่รอบนอก เก็บเศษวัสดุ ลอกท่อระบายน้ำ รวมถึงฉีดยาฆ่าเชื้อ ยาฆ่ายุงและแมลง โดยจะมีกำลังทหารจากหน่วยทหารพัฒนาเข้ามาช่วยเจ้าหน้าที่ของ กทม.ในการทำความสะอาดด้วย

นายลอยเลื่อน กล่าวว่า ทุกหน่วยงานในทำเนียบรัฐบาลจะเริ่มทำงานได้อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.นี้ และหลังจากนั้นทุกหน่วยงานจะต้องทำเรื่องการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อเตรียมรับมือหากเกิดเหตุการณ์บุกยึดทำเนียบรัฐบาลอีก นอกจากนี้ตนจะเรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง ทั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ตำรวจ ทหาร สำนักข่าวกรองแห่งชาติ เพื่อทบทวนมาตรการเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัย

-นปช.ย้ำอีกไม่ปิดล้อมรัฐสภา

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แกนนำกลุ่มนปช. กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ขอให้สบายใจว่าแนวทางของพวกตนเป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย สงบ สันติ ปราศจากอาวุธ ไม่ละเมิดกฎหมาย จะไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดงเข้ามายึดทำเนียบ ไม่มีการปิดสนามบิน สิ่งที่กลุ่มคนเสื้อเหลืองเคยทำเราจะไม่ทำ แต่เราจะติดตามตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงตกลงกันว่าจะไม่ปิดล้อมรัฐสภา หรือเคลื่อนไหวขัดขวางการทำหน้าที่ของส.ส.ในรัฐสภา แต่ถ้าหากจะไปก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งต้องคำนึงถึงหลักกฎหมาย ความชอบธรรมในการเคลื่อนไหวเช่นกัน แต่จะให้ตนไปห้ามไม่ให้เคลื่อนไหวคงไม่ได้ เพราะคนใส่เสื้อแดงเป็นเสรีชนที่ไม่มีใครเป็นแกนนำ ไม่มีใครจัดตั้ง พวกตนเป็นเพียงตัวแทนของคนเสื้อแดงเท่านั้น

"ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเลือกนายกฯนั้น คงเป็นเครื่องเตือนใจทุกฝ่าย โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ว่าการเข้ามาเป็นรัฐบาลของพวกคุณในครั้งนี้ได้สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับประชาชนจำนวนหนึ่งและคนเหล่านั้นพร้อมแสดงออก ต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งนี้ไม่ได้เป็นไปโดยธรรมชาติ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงโดยกติกาเพียงอย่างเดียว แต่ด้วยอำนาจพิเศษ ดังนั้น ความขัดแย้งทางการเมืองยังต้องมีอยู่ อยากฝากเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายทุกคนไม่ว่าทหาร ตำรวจ หากจะปฏิบัติกับคนเสื้อแดงในเรื่องการชุมนุม จะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานเดียวกันกับที่เคยใช้กับกลุ่มพันธมิตร เจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิ์ใช้อาวุธ ใช้กำลังเข้าทุบตีผู้ชุมนุม"นายณัฐวุติกล่าว

-หวั่นผู้ชุมนุมคุมอารมณ์ไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะสร้างมาตรฐานอย่างไรที่จะไม่ให้เหมือนกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อเหลือง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า พยายามทำความเข้าใจกันอยู่ จะเห็นว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ผ่านมาได้รับคำชมจากสถานเอกอัครราชทูตใหญ่ๆ ที่เป็นแม่แบบด้านประชาธิปไตย ที่ได้แสดงความชื่นชมว่าการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงเป็นการเคลื่อนไหวที่สร้างสรรค์ อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชุมนุมก็มีความกังวลว่าหากไม่มีแกนนำที่ชัดเจนอาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายได้ หากผู้ชุมนุมบางคนมีอารมณ์แล้วคุมกันไม่ได้

เมื่อถามว่า ในวันแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา กลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่เคลื่อนไปปิดล้อมใช่หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า แม้ว่าเราจะไม่ให้ไป แต่คนที่ยังมีอารมณ์ ความรู้สึกไม่พอใจก็ยังมีอยู่ และเขาก็คงจะไปอยู่ดี เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะทำได้คือ กลุ่มนปช.ประกาศแล้วว่าวันแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภานั้น จะมีการชุมนุมที่หน้ารัฐสภา แต่จะไม่มีการปิดล้อม สกัดกั้นไม่ให้ส.ส.และส.ว.เข้าไปทำหน้าที่ อย่างไรก็ตามเรายังไม่มั่นใจในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย เพราะผู้ต้องหาคนสำคัญกลายเป็นหนึ่งคะแนนเสียงในการสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เราก็จะยังเดินหน้าให้มีการใช้กฎหมาย ให้มีหลักยุติธรรมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

-พระพยอมยันไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด

วันเดียวกัน พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ให้สัมภาษณ์ที่ศูนย์ร่มโพธิ์แก้ว อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ว่า จากกระแสข่าวมีกลุ่มเสื้อแดงมาขอใช้พื้นที่วัดสวนแก้วจัดกิจกรรมชุมนุมเปิดเวที จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสาน มีเพียงคนเสื้อแดงบางกลุ่มมาขอใช้ห้องน้ำทำภารกิจส่วนตัว อาบน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อเดินทางเข้าไปร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ เท่านั้น จนทำให้ชาวบ้านแตกตื่นเข้าใจผิดคิดว่ากลุ่มเสื้อแดงจะเข้าไปชุมนุมภายในวัด แต่หากใครจะมาขอใช้สถานที่แถลงหรือเปิดเวที ไม่ว่ากลุ่มเสื้อเหลือง เสื้อแดง หรือรัฐบาล ทางวัดจะไม่ปิดกั้นและพร้อมให้การสนับสนุน หากเกิดประโยชน์กับประชาชน แต่ต้องไม่ก่อเหตุความวุ่นวาย อีกทั้งจะได้ทำลายภาพพจน์ที่ถูกกระแสสังคมมองว่าพระพยอมเอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งด้วย

พระพยอมกล่าวว่า หากคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะมาขอใช้สถานที่วัดเปิดแถลงนโยบายต่างๆ ก็พร้อมสนับสนุน แต่ยืนยันว่าไม่ใช่การเข้าข้างรัฐบาล แต่เพื่อต้องการสนับสนุนให้รัฐบาลได้ทำงานพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า และเกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด

-ล่า 2 หมื่นชื่อยื่นถอดถอนผบ.ทบ.

ที่รัฐสภา นายพิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความอิสระและคณะ ได้เข้าแสดงตนต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อขอให้ดำเนินการถอดถอนพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากเห็นว่าที่ผ่านมาพล.อ.อนุพงษ์ ในฐานะเป็นหัวหน้าคณะกรรมการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่ดำเนินการใดๆ ต่อการปะทะกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรและกลุ่ม นปก. รวมถึงการแสดงบทบาทของพล.อ.อนุพงษ์ในช่วงที่ผ่านมาที่ไม่เหมาะสม อาทิ มีคำสั่งให้สารวัตรทหารเข้าไปรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันเหตุอันตรายให้แก่กลุ่มพันธมิตรในช่วงวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.

นายพิชากล่าวว่า จากนี้ไปเป็นขั้นตอนการรวบรวมรายชื่อประชาชนให้ครบ 2 หมื่นชื่อตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งไม่ยาก ขณะเดียวกันได้ประสานส.ส.ให้ใช้ช่องทางยื่นถอดถอนอีกทางหนึ่งซึ่งต้องใช้เสียง 1 ใน 4 ของสมาชิกสภา ทั้งนี้ตนจะทำทุกวิถีทางให้พล.อ.อนุพงษ์หลุดพ้นจากผบ.ทบ.ให้ได้

-นปช.จับตาปชป.ช่วยคดีพธม.

จ.อุดรธานี นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร กล่าวว่า คนรักอุดรรับไม่ได้กับพฤติกรรมการเมือง แต่ก็ต้องยอมรับตามระบอบประชาธิปไตย เมื่อส.ส.เทคะแนนเสียงให้นายอภิสิทธิ์มา เราก็ต้องยอมรับกับความเจ็บปวด และจุดยืนของชมรมในตอนนี้ก็คือ ต้องมาดูการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีกันว่าในส่วนของ ปชป.15 คนนั้นจะจัดสรรให้ คมช.และกลุ่มพันธมิตรที่มีนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เป็นแกนนำอยู่ด้วยกลุ่มละเท่าไหร่ แล้วพวก ปชป.รุ่นเก่าที่เป็นรัฐบาลเงามาตลอดอาจไม่เป็นตัวจริง เราจะมาจับตาดูกันตรงนี้ก่อน

นายขวัญชัยกล่าวว่า หากนายอภิสิทธิ์ไม่ประกาศจุดยืนในการที่จะดำเนินการกับพวก 13 พันธมิตรที่สร้างความสูญเสียให้กับทำเนียบรัฐบาล สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ซึ่งเสียหายหลายแสนล้านบาท ประชาชนก็คงยอมไม่ได้ จะมาผลักให้เป็นภาระให้เป็นภาษีของประชาชน หรือหาทางช่วยพวกพันธมิตรให้รอดตัว เราคงยอมไม่ได้

"หาก ปชป.เลือกปฏิบัติ ไม่ดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตร คนรักอุดรจะออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านแน่นอน แต่ตอนนี้ผมสั่งเบรกไว้ก่อน ไม่อยากจะให้เกิดความวุ่นวาย อยากจะให้โอกาสกับพรรคปชป. ถ้า ปชป.ทำงานไปแล้วเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นมาทุกฝ่ายที่สนับสนุนมาได้เห็นแล้ว พวกเราก็พร้อมที่จะก้าวเดินทันที คนเสื้อแดงทั้งภาคอีสานและภาคเหนือเป็นแสนคนจะออกมาต่อต้านแน่นอน"

-ตร.ถกวิธีสกัดม็อบล้อมสภา

ที่ห้องประชุมใหญ่ บช.น. พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รอง ผบช.น.ในฐานะรักษาการแทนผบช.น และพล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบช.น. ร่วมเป็นประธานการประชุมซักซ้อมการควบคุมฝูงชน โดยผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย รอง ผบก. ผบ.ร้อย ผบ.หมวด และ ผบ.หมู่ ที่ควบคุมกำลังกองร้อย ปจ.ของ บก.น.1-9 และ ตปพ. โดยที่ประชุมได้นำภาพวิดีโอเหตุการณ์หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่มีการลงมติเลือกนายกฯ และเกิดเหตุการณ์วุ่นวายปิดกั้นส.ส.ไม่ให้ออกจากสภาหลังเสร็จสิ้นการประชุม ที่ประชุมได้ให้ครูฝึกกองร้อย ปจ.ของ บก.ตปพ.มาอธิบายขั้นตอนการปฏิบัติ พร้อมซักซ้อมและตอบคำถามข้อสงสัย ก่อนการออกไปดูการจำลองเหตุการณ์ควบคุมฝูงชนที่ไม่เชื่อฟังเมื่อเจรจาแล้วจนต้องใช้กำลังผลักดันให้ผู้ชุมนุมไปอยู่ในที่กำหนด

พล.ต.ต.เอกรัตน์กล่าวก่อนประชุมว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ชุมนุมที่หน้ารัฐสภา เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานในการรักษาความสงบเรียบร้อยในวันดังกล่าวหลายนายยังไม่รู้ภารกิจการควบคุมฝูงชน เมื่อสถานการณ์เกิดขึ้นจริงๆ แล้วจะต้องทำอะไรบ้าง แต่ละคนขาดความรู้ความชำนาญ เนื่องจากมีการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย หน่วยกำลังหลายนายถูกย้ายมาจากท้องที่ให้มาควบคุมกำลัง ปจ.ไม่คุ้นเคยกับผู้ใต้บังคับบัญชา เป็นลักษณะผิดฝาผิดตัว เมื่อมีสถานการณ์เกิดขึ้นเขาไม่เข้าทำตามหน้าที่ที่จะต้องทำ วันนี้เราจึงเรียกมาทบทวนวิธีการปฏิบัติการควบคุมฝูงชน แม้วันที่ 15 ผู้ชุมนุมมาประท้วงมีจำนวนน้อยกว่าตำรวจเราหลายเท่า น่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ดีแต่กลับเกิดเหตุวุ่นวาย

-เชื่อ"เสื้อแดง"มากันเยอะแน่นอน

รอง ผบช.น.กล่าวต่อว่า วันที่รัฐบาลใหม่จะแถลงนโยบาย ตนเชื่อว่าจะมีผู้มาชุมนุมประท้วงมากกว่าตำรวจหลายเท่า ซึ่งวันที่ 15 ธ.ค.ปัญหาเกิดจากการปฏิบัติที่ไม่เข้าใจแนวทางการปฏิบัติที่แท้จริง ไม่ใช่เกิดจากการสั่งการ ผู้ปฏิบัติจะต้องเข้าใจการปฏิบัติที่แท้จริง ต้องอยู่ในหัว เช่นเมื่อสั่งให้ควบคุมฝูงชน ไม่ให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนออก จะต้องจำกัดให้อยู่ในวงแคบที่จำกัดไว้ให้ได้ ไม่ใช้ปล่อยให้ผู้ชุมนุมเล็ดลอดออกไปรวมตัวในจุดที่เราป้องกันไม่ให้เข้าไปได้เด็ดขาด

รอง ผบช.น.กล่าวว่า ตามที่นายวีระ มุสิกพงศ์ เรียกร้องให้ตำรวจปฏิบัติกับผู้ชุมนุมเหมือนกันกับกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรนั้น ตำรวจเราจะปฏิบัติด้วยมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด ถ้าจำเป็นก็ต้องใช้แก๊สน้ำตา เราเองคิดว่าการใช้แก๊สน้ำตานั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดไม่ให้เกิดการปะทะขั้นตะลุมบอน ส่วนวิธีการใช้ในแต่ละเที่ยวไม่เหมือนกัน อยู่ที่ผู้ควบคุมอย่างไร และสั่งการอย่างไร จากเหตุการณ์เมื่อบ่ายวันที่ 7 ต.ค. จะเห็นได้ว่าผู้ชุมนุมไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตาแม้คนเดียว ตนสั่งการควบคุมอย่างใกล้ชิด โดยสั่งให้ยิงแก๊สน้ำตาโดยถูกวิธี ซึ่งเป็นแก๊สน้ำตาของสหรัฐ ส่วนของที่ผลิตจากจีนได้ถูกยกเลิกไม่ให้ใช้อีกต่อไปแล้ว

-ยกเลิกแก๊สน้ำตา-ใช้ฉีดน้ำแทน

พล.ต.ต.เอกรัตน์กล่าวถึงการควบคุมฝูงชนในการรักษาความสงบเรียบร้อยในวันที่รัฐบาลใหม่จะแถลงนโยบายว่า สตช.ไม่อนุญาตให้เราใช้แก๊สน้ำตาในการควบคุมฝูงชนอีกแล้ว สำหรับมาตรการควบคุมฝูงชนในวันดังกล่าว จะใช้วิธีจากเบาไปหาหนัก เรียกได้ว่าแก๊สน้ำตานั้นยกเลิกใช้ไปเลย ในความคิดตำรวจเราไม่มี วันนี้เราจึงต้องมานั่งหาวิธีในการควบคุมฝูงชน เพื่อรองรับผู้ชุมนุมครั้งต่อๆ ไป ส่วนรถฉีดน้ำได้รับการสนับสนุนจาก กทม.ไม่มีปัญหา

"เหตุการณ์หน้ารัฐสภาเมื่อ 15 ธ.ค. ได้รับคำสั่งให้ใช้ความละมุนละม่อมก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าไม่ให้ถูกเนื้อต้องตัวเลย เพียงเด็กที่ปฏิบัติวันนั้นไม่กล้าใช้แค่ดันๆ ยื้อๆ กันเฉยๆ เราจะหาวิธีการที่ทำแล้วดูนุ่มนวลที่สุด"

-ออกหมายจับ6นปช.ป่วนสภา

รายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดเผยว่า พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วยผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมที่ก่อความวุ่นวายที่หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. หลังจากลงมติเลือกนายกฯ ซึ่งมีการขว้างอิฐตัวหนอนใส่รถยนต์ผู้ที่เลิกประชุมออกจากสภาจนได้รับบาดเจ็บและความเสียหาย โดยเตรียมดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามพฤติการณ์ของแต่ละบุคคลจำนวน 4 ข้อหา ได้แก่ 1.ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใด ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นซ่องโจร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2.ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท 3.ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 4.ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันนี้ หลังจากพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจากภาพนิ่งและเคลื่อนไหวได้ไปขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับบุคคลตามภาพดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว 6 คน โดยพล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 ได้มอบหมายให้พ.ต.อ.คณิตศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.สส.น.1 ดำเนินการสืบสวนติดตามบุคคลดังกล่าว ซึ่งมีผู้พบเห็นว่ามาร่วมชุมนุมที่ท้องสนามหลวงจำนวน 3 คน แต่เมื่อข่าวแพร่ออกไปว่าศาลอนุมัติหมายจับแล้ว ทำให้บุคคลเหล่านั้นรีบหลบหนีไปทันที โดยบนเวทีการชุมนุมที่ท้องสนามหลวงแจ้งแก่ผู้ร่วมชุมนุมว่าหากมีการจับกุมจะพากลุ่มผู้ชุมนุมไปปิดล้อมโรงพักทันที

-"อนุพงษ์"ยันรักคนอีสาน

ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงการติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวคัดค้านของนปช. ว่าคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม(คตร.)จะติดตามสถานการณ์ข่าว การดำเนินการเป็นหน้าที่ตำรวจ ขณะนี้ประเด็นสำคัญคือประเทศชาติและส่วนรวมจะไปอย่างไร เรื่องชาติเท่านั้น เรื่องกลุ่มเป็นเรื่องรองลงมา ทุกชาติมีพรรค 2-3 พรรคที่ได้รับเลือกตั้ง แต่เขารวมความเป็นชาติได้ ไม่นำความขัดแย้งนี้มาเป็นความขัดแย้งของสังคมหรือส่วนตัว เมื่อจบก็จบ ใครบริหารต้องบริหารคนสองกลุ่มรับผลประโยชน์ทั้งคู่ คิดว่าประเทศชาติเราน่าจะทำสิ่งนี้ได้

เมื่อถามว่านปช.อาจโจมตีกองทัพ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่าพื้นฐานตนรักคนอีสาน คิดว่าจะทำอย่างไรให้คนอีสานมีชีวิตที่ดี เขาจะรักใครไม่ขัดขวาง แต่รัฐบาลต้องทำให้คนด้อยโอกาสมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่จะไปบังคับให้เขารักคนโน้นคนนี้ไม่ได้ หากเขาโกรธต้องค่อยพูดจา ตนอยากพูดคุยกับเขา หากให้ทหารในพื้นที่ไปพูดคุยกับประชาชนอีสานได้ และไม่มองว่าเป็นการก้าวก่ายเรื่องการเมืองก็จะทำ

-ยึดในหลวง-ไม่แยกสีแยกพวก

"ผมคิดว่าคนเหล่านี้ไม่ผิด ไม่อยากเรียกว่านปช. หรือเสื้อแดง คิดว่าเขาเป็นคนที่รัฐบาลต้องดูแล หากเรียกว่าพวกนั้นพวกนี้สถานการณ์คงไม่จบ การแสดงความรักหรือชอบของเขาไม่ได้ถือว่าผิด แต่ต้องทำความเข้าใจว่า หากใครทำผิดต้องว่ากันไปตามกฎหมาย ใครเข้ามาทำหน้าที่รัฐ ต้องดูแลไม่ให้คนแบ่งพรรค แบ่งพวก ขอให้มีคำว่าไทยอย่างเดียว ไม่น่ามีพวกอื่น สีอื่น สีเหลืองหรือสีแดง เพราะสีเหลืองมีอย่างเดียว คือสถาบันพระมหากษัตริย์ ทุกคนอยู่ภายใต้สีเหลือง แต่ไม่ใช่ว่าเอาสีเหลือง สีแดงมาแยกเป็นพวกทางการเมือง" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว

เมื่อถามว่ากองทัพจะเข้าไปพูดคุยกับแกนนำนปช.หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่ายังไม่มีการมอบหมายมา หากทำคงเกินหน้าที่ของทหาร เพราะต้องฟังนโยบายของรัฐบาล และรัฐบาลต้องพยายามไม่สร้างความแตกแยก ตนไม่ถือว่าพวกใคร แต่เป็นคนไทยด้วยกันทั้งนั้น หากรัฐบาลมอบให้ทำ กองทัพพร้อมที่จะทำโดยสร้างความเข้าใจ โดยใช้กอ.รมน.จังหวัดเข้าไปทำความเข้าใจ และศึกษาความต้องการของประชาชน แต่เชื่อว่าโครงสร้างปกติของรัฐบาลน่าจะทำได้ ไม่ต้องใช้กอ.รมน.

-"ความจริงวันนี้"ระดมทุนกร่อย

เวลา 19.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการจัดงาน"ระดมทุนอุ้มรายการความจริงวันนี้" ที่ห้องแกรนด์บอลรูมชั้น 4 โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ถ.วิภาวดีรังสิต ว่าเป็นไปอย่างเงียบเหงา แม้จะเลยเวลาเปิดงานที่กำหนดไว้ในเวลา 18.00 น. แต่มีผู้ที่สนับสนุนกลุ่มในการต่อสู้ของรายการความจริงวันนี้มีไม่ถึง 10 โต๊ะ จากที่จัดไว้ทั้งหมด 67 โต๊ะ ราคาโต๊ะละ 5 แสนบาท ส่วนใหญ่เป็นคนในภาคเอกชน มีนักการเมืองบางตา อาทิ น.พ.ประสงค์ บูรณพงศ์ นางสุนีย์ เหลืองวิจิตร นายสุพร อัตถาวงศ์ บริเวณหน้างานมีการตั้งโต๊ะที่ลงทะเบียนและขายของที่ระลึก อาทิ เสื้อแดง หมวกสีแดง ซีดีบันทึกภาพเหตุการณ์ชุมนุมที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก

นายวีระกล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นการจัดงานนัดกินข้าวธรรมดาและหาทุนเพื่ออุ้มรายการความจริงวันนี้ ตั้งเป้าไว้ที่ 35 ล้านบาทจากโต๊ะทั้งหมด 70 โต๊ะ เงินที่ได้จะนำไปเช่าช่องสัญญาณทีวีเพื่อดำเนินรายการ แต่รายละเอียดคงต้องปรึกษากันอีกครั้ง อาจเริ่มออกอากาศหลังปีใหม่และคงไม่สามารถออกอากาศแบบพีทีวีเดิม เพราะต้องใช้เงินจำนวนมาก

-ยัน"สามเกลอ"รีเทิร์นแน่นอน

นายณัฐวุฒิกล่าวถึงความเป็นไปได้ในการดำเนินรายการความจริงวันนี้ ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างประสานงานเพื่อหาทางในการออกอากาศทั้งในรูปแบบฟรีทีวี เคเบิ้ลทีวี และทีวีผ่านดาวเทียม หลังจากสถานีวิทยุโทรทัศน์เอ็นบีทีแสดงเจตนาไม่ให้รายการความจริงวันนี้ออกอากาศทั้งที่สัญญาจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค. นี้ แต่มีการนำเทปรายการอื่นมาออกอากาศแทน การกระทำดังกล่าวเอ็นบีทีมีสิทธิ์ทำได้ แต่จะเป็นการแสดงเจตนาที่ชัดเจนเกินไป

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ส่วนการระดมทุนในวันนี้มีอุปสรรคเนื่องจากสภาพบรรยากาศการเมืองในวันนี้ โต๊ะที่เตรียมไว้ไม่ทราบว่าจะมีผู้สนับสนุนซื้อได้ถึงครึ่งหนึ่งหรือไม่ เท่าที่ทราบส่วนใหญ่ผู้สนับสนุนมาจากภาคเอกชนเท่านั้น ยังไม่ทราบจะมีนักการเมืองเข้ามาให้การสนับสนุนหรือไม่ แต่ไม่ว่าอย่างไรรายการความจริงวันนี้ฆ่าไม่ตาย จะกลับมาออกอากาศอย่างแน่นอน

-นปช.สนามหลวงยังคึกคัก

ส่วนที่ท้องสนามหลวง ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของนปช. ว่า ตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมามีผู้ชุมนุม นปช.เดินทางมาร่วมชุมนุมกันอย่างคึกคัก โดยในวันนี้กลุ่มนปช.ได้มีการตั้งเวทีใหญ่กลางสนามหลวง ฝั่งด้านโรงแรมรัตนโกสินทร์ จากนั้นแกนนําก็ทยอยมาถึง อาทิ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นายชินวัฒน์ หาบุญพาด แกนนำนชป. นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 และนายสมยศ ไพบูรณ์ อดีต ส.ข.เขตบางบอน โดยแกนนําได้สลับขึ้นเวที เนื้อหาส่วนใหญ่กล่าวโจมตีการจัดตั้งรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์

นายสมยศขึ้นกล่าวบนเวทีคนแรกว่า กลุ่มเพื่อนเนวินที่เปลี่ยนขั้วไปสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ เห็นแก่ตัว สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ ส่วนนายอภิสิทธิ์ที่ไม่ได้รับการผ่านเกณฑ์ทหารนั้นไม่เหมาะสมเป็นนายกฯ

นายชินวัฒน์ปราศรัยว่า การทรยศหักหลังของ ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินและอดีตส.ส.ไทยรักไทยบางคนที่เคยขึ้นเวทีนปช. มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นต้นเหตุที่ทําให้เราแตกแยกกัน ในอดีตตอนที่ไทยรักไทยรวมพรรคกับความหวังใหม่และชาติพัฒนา พรรคประชาธิปัตย์โจมตีว่าเป็นการซื้อเสียงเพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯ แต่วันนี้ประชาธิปัตย์ก็ใช้วิธีการเดียวกัน วันนี้ขอเตือนนายอภิสิทธิ์หากมาเขตจตุจักร โดยเฉพาะถนนวิภาวดีฯซอย 3 รับรองเจอดีแน่

-แม้วโฟนอินฉะปชป.-ทหาร

เวลา 21.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากงานระดมทุนรายการความจริงวันนี้ ช่วงที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พูดบนเวทีถึงสาเหตุที่พ.ต.ท.ทักษิณยุติการการโฟนอินเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. มีผู้หญิงคนหนึ่งยื่นโทรศัพท์ให้นายณัฐวุฒิ ซึ่งนายณัฐวุฒิประกาศว่าปลายสายเป็นพ.ต.ท. ทักษิณ และเปิดเสียงโทรศัพท์ผ่านไมค์ความยาว 10 นาที โดย พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า เข้าใจว่าผู้รักประชาธิปไตยคงขมขื่นไม่แพ้ตน เพราะถูกคุกคามทุกรูปแบบ วันนี้มีการไม่เคารพการตัดสินใจของประชาชนเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก เมื่อไม่ให้การเคารพก็แสดงว่าไม่รับฟังเสียงของประชาชน วันนี้มีการทำทุกวิถีทางตั้งกติกาเพื่อเปลี่ยนขั้วอย่างเดียว เริ่มต้นด้วยการปฏิวัติ แต่เมื่อเลือกตั้งประชาชนก็ยังเลือกขั้วเดิม ใช้ทั้งทหาร พรรคประชาธิปัตย์

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้คนไทยไม่ได้โง่ ทุกคนรู้ คนต่างประเทศก็รู้ สิ่งที่เลวร้ายคือความน่าเชื่อถือต่อไทย สิ่งที่เลวร้ายกว่าจะตามมาคือเรื่องความเชื่อมั่น และการลงทุนเมื่อเกิดหายนะทางเศรษฐกิจ ปัญหาสังคมก็จะตามมา ตนไม่ห่วงตัวเองเพราะปรับตัวได้แต่เป็นห่วงประเทศ วันนี้ทุกเวทีโลกก็พยายามพูดคุยกันเพื่อแก้ปัญหา แต่เรากลับทะเลาะกันเอง ทำกติกาทุกอย่างเพื่อชำระล้างแค้น ถ้าขืนปล่อยต่อไปอย่างนี้ไม่รู้อนาคตประเทศและลูกหลานจะไปทางไหน

-โวยทุ่มทั้งเงิน-รถซื้อตัวส.ส.

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลไม่รู้อนาคตของประเทศไทยจะไปทางไหน ตนไม่ได้ห่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลเพราะคราวที่แล้วก็ช่วยกันเต็มที่ก็ยังไม่ได้มา วันนี้เป็นห่วงฝีมือว่าเขาทำงานได้แค่ไหน แต่ก็คงยาก วันนี้ยังแย่งเก้าอี้กันยังไม่จบ มีทั้งการจ่ายเงินซื้อตัว ซื้อเก้าอี้ ให้รถ ซึ่งเลวร้ายกว่าการซื้อเสียง คือการซื้อคน ตนไม่เคยคิดว่าคนทำงานทุ่มเท จะโดนขนาดนี้ สำหรับตนก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะอะไร เหตุที่เกิดคือคำหนึ่งที่พูดว่าตนไม่จงรักภักดี สำหรับตนหนักที่สุด ซึ่งตนไม่เคยคิดแต่ก็มีการกระทำทุกอย่างที่จะคอนเฟิร์มว่าตนไม่จงรักภักดี จนสุดท้ายกติกาบ้านเมืองเสียหายหมด คนไทยลำบากหมด ไม่รู้ทำเพื่ออะไร เขาบอกตนเป็นตัวปัญหาซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร ก็ได้แต่เสียใจ

-ยืนยันกลับเมืองไทยแน่นอน

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวอีกว่า ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวเสื้อแดง เพราะเสียสละรักชาติ และอยากขอฝากว่าบ้านเมืองเป็นมรดก เราจะต้องช่วยกันดูแล โดยขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อปกป้องประชาธิปไตย เพราะเราไม่มีเส้น ไม่มีทหารนำไปยึดสถานที่ต่างๆ มีแค่หัวใจที่รักประชาธิปไตยก็ต้องต่อสู้ในกรอบสื่อหลายฝ่ายก็ถูกปิดกั้น หลายส่วนก็ไม่ชอบเรา หลายส่วนก็มีอุดมการณ์แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ขอให้พี่น้องระมัดระวังตัว

"ขอขอบคุณอีกครั้งในทุกอย่าง ผมเป็นหนี้บุญคุณกับท่าน ผมมั่นใจว่าจะได้กลับมา ไม่ว่าจะในสภาพไหน แต่ก็ได้กลับมา แต่ไม่กลับมาในสภาพหมดลมหายใจแน่นอน" พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว

จากนั้นนายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้จัดรายการความจริงวันนี้ ได้เปิดเผยว่าโทรศัพท์เครื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเป็นเครื่องของเพื่อนสนิท พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มาร่วมงานด้วย ซึ่งได้ต่อสายไปหาพ.ต.ท.ทักษิณให้

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์