สุเทพ-เนวินสอนมวยนายใหญ่ บทเรียนฝ่ายค้านเพื่อไทย

บทเรียนที่เกิดขึ้นจากการประชุมสมัยวิสามัญของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของประเทศไทย

เป็นบทเรียนที่ส่งตรงที่สุดถึงมรดกของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ "พรรคเพื่อไทย"

คะแนนโหวตเลือก "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายกฯ จำนวน 235 เสียง คะแนนโหวตเลือก "พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก" ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน โดยการสนับสนุนของ "พรรคเพื่อไทย" จำนวน 198 เสียง ทิ้งกัน 37 เสียง

สะท้อนปฏิบัติการทางการเมืองฝั่ง "พรรคเพื่อไทย" ได้เป็นอย่างดี

เมื่อต้องเจอกับกลเกมการเมือง และคณิตศาสตร์การเมืองที่วางไว้เป็นแรมเดือน อันเก๋าเกมอย่าง "สุเทพ เทือกสุบรรณ" เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่จับมือร่วมกับ "เนวิน ชิดชอบ"

วันนี้ "พรรคเพื่อไทย" ตลอดจนกุนซือที่อยู่เบื้องหลัง ต้องเปิดใจ และส่องกระจกดูความผิดพลาดในการเดินหมากทางการเมืองของตัวเอง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

เพราะวันนี้ ทิศทางการเมืองได้เปลี่ยนแบบพลิกกระดานสิ้นเชิง ลำพังจะมาหวังใช้วิธีการแก้งานหน้าไซต์ ตีปลาหน้าไซ หรือดักคอ อย่างที่เคยทำนั้น เห็นจะสำเร็จยาก

การใช้วิธีปลุกมวลชน "เสื้อแดง" คงไม่เหมาะนัก ในยามที่นึกถึงสุภาษิตไทย ขี้แพ้ชวนตี!

ยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน เหมาะสม ความรวดเร็วในการชิงไหวชิงพริบ ข้อมูล ความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะความน่าเชื่อถือของตัวบุคคลที่มาเป็นแกนนำ "พรรคเพื่อไทย" น่าจะเป็นเรื่องที่คนใน "พรรคเพื่อไทย" วันนี้ ต้องตระหนัก จากประสบการณ์อันแสนเจ็บปวดที่ผ่านมา

เพราะเมื่อยังไม่ถึงโหมดการเลือกตั้งใหม่ "บุญเก่า" สะสม ที่ชื่อ "พ.ต.ท.ทักษิณ" หรือนโยบายประชานิยม ที่กุมใจรากหญ้า หาได้นำมาใช้ประโยชน์ได้ ในช่วงเวลาอันไม่ปกตินี้

เมื่อกรอบความคิดยังเป็นแบบเดิมๆ จึงไม่แปลก ที่ต้องเพลี่ยงพล้ำต่อ 2 จอมยุทธ์การเมืองไทย ในการโหวตนายกฯอย่างไม่เป็นท่า

การทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ต่อจากนี้ ท้าทายต่อ "พรรคเพื่อไทย" เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะปัจจัยพื้นฐานของการเป็น "ฝ่ายค้าน" คุณภาพ โดยใช้กลไกระบบรัฐสภาในการเปิดอภิปรายทั้งไว้วางใจ และไม่ไว้วางใจ อาทิ การใช้สำนวนโวหารในการอภิปราย

ซึ่งข้อนี้ "พรรคเพื่อไทย" เสียเปรียบ "พรรคประชาธิปัตย์" โดยสิ้นเชิง ที่สำคัญคือ ความเข้มข้นในเรื่องข้อมูล เพราะเมื่อขาด "เนวิน" ซึ่งถือว่าเป็น "ขุนพล" ด้านนี้ แล้วใครจะมาทำหน้าที่แทน เพราะคนที่จะได้เท่ากับ "เนวิน" นั้น หายากยิ่ง

การอภิปรายล้มรัฐบาล "ชวน หลีกภัย 1" เรื่อง ส.ป.ก.4-01 จนต้องยุบสภา การให้ข้อมูลและบอกบทให้ "สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" อดีต รมว.คมนาคมในรัฐบาลทักษิณ ชี้แจงในสภากรณีการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ จนเป็นตำนาน "พุทโธ่เอ๋ย แค่กระดาษแผ่นเดียว" รวมถึงการก่อกำเนิด "คนเสื้อแดง" สู้กับ คมช. ล้วนสำเร็จมาได้โดย "เนวิน"

หากส่องกระจกดีๆ จะเป็นข้อผิดพลาดในการเดินยุทธศาสตร์ของ "พรรคเพื่อไทย" อย่างชัดเจน

1.ไม่ได้ความยอมรับจากชนชั้นทางอำนาจในสังคมไทย ทั้ง กองทัพ ข้าราชการ องค์กรภาคธุรกิจ ที่มองว่าหากสนับสนุน "พรรคเพื่อไทย" ต่อไป ทุกอย่างไม่จบ มีแต่จะจมเหวลึก เป็นที่มาของการรวมพลังพลิกกระดาน

2.พรรคร่วมรัฐบาลไม่ยอมรับ นำมาสู่การพลิกขั้ว เนื่องจาก "พรรคเพื่อไทย" วางยุทธศาสตร์ผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น ไม่มีตัวชูเป็นนายกฯที่ชัดเจน ซ้ำยังเปลี่ยนทิศทางไปเรื่อยๆ เมื่อตกเป็นรองทางการเมือง ตั้งแต่ยืนยันเสนอคนใน "พรรคเพื่อไทย" แต่กลับยอมถอย หันไปเสนอคนจากพรรคร่วม และสุดท้ายก็เปลี่ยนไปทำตามข้อเสนอ "รัฐบาลเพื่อชาติ" ของ "เสนาะ เทียนทอง" หัวหน้าพรรคประชาราชอีก ถือว่าไร้ยุทธศาสตร์ ขณะที่ประชาธิปัตย์ชูชื่อ "อภิสิทธิ์" มาโดยตลอด

3.ความไม่เป็นเอกภาพ สะท้อนผ่านการวางเกมการต่อสู้สารพัดแบบ ที่ไร้ทิศทาง ขาดการบริหารตัวบุคคลมาทำหน้าที่สู้ทางการเมือง ลำพังที่ออกมายังไม่ใช่ตัวจริงทางการเมือง ผลจึงออกมาสะเปะสะปะ ไม่มีน้ำหนัก มิหนำซ้ำบางครั้งยังเลือกใช้ตัวที่ไร้เครดิตทางการเมืองออกมาสู้กับมวยหลักใน "ประชาธิปัตย์" ซึ่งถือว่า ห่างชั้น

ข้อนี้ สะท้อนถึงบทบาทของกุนซือที่เหลืออยู่ อาทิ "ยงยุทธ ติยะไพรัช, สมชาย วงศ์สวัสดิ์, เยาวภา วงศ์สวัสดิ์, ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง" ฯลฯ ว่ายังคงด้อยทางกลเกมกว่าคู่ต่อสู้หรือไม่

และเป็นคำถามว่ากุนซือตัวจริง เมื่อครั้งเป็น "ไทยรักไทย" อย่าง "ภูมิธรรม เวชยชัย, สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี, สุธรรม แสงประทุม, สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล" ฯลฯ หายไปไหน?

4.ไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้สังคมไทยได้เลยว่าหาก "พรรคเพื่อไทย" ได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง ประเทศจะไม่เกิดวิกฤตอีก ตรงนี้สำคัญต่อการพลิกครั้งนี้

สงครามนี้ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวที่สุด เท่าที่เคยต่อสู้มา และแค้นจุกอกที่สุด เท่าที่เคยมีมาเช่นกัน

การผละออกจากอกอุ่นของ "เนวิน" ได้สร้างแรงกระเพื่อมมหาศาลต่อ "พรรคเพื่อไทย" และสร้างความ "แหยง" เป็นที่สุดในใจ "พ.ต.ท.ทักษิณ"

เพราะตลอดเวลา 2 ปี ในการต่อสู้กับอำนาจ คมช. จนถึงวันนี้ มีอะไรบ้างเกี่ยวกับ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ที่ "เนวิน" ไม่รู้

การตัดสินใจเลือกใช้งาน "เอ็ม 16" เยี่ยง "เนวิน" หมายถึงการต้องเชื่อใจ การต้องให้ข้อมูล และการวางแผนการร่วมกัน ทุกเรื่อง ทุกขั้นตอน

และ "เนวิน" ในวันนี้ ลงมือเพียงเรื่องเปลี่ยนขั้ว ยังไม่ได้เริ่มหันกลับมาแว้งกัด ให้ต้องหนาว!

สัญญาณที่รวดเร็ว ในการระงับการออกอากาศรายการ "ความจริงวันนี้" และการยกเลิกพาสปอร์ตแดง เป็นการเตือนแค่เบาะๆ

ปฏิบัติการทอดผ้าป่าสามัคคี ทำหมัน "ระบอบทักษิณ" ครั้งนี้ เป็นเพียงช็อตแรก สารพัดพลัง ยังยืนซอยเท้า รอเข้าย่อยสลาย "ระบอบทักษิณ" และ "พรรคเพื่อไทย" อีกเป็นกระบวน...

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์