ทักษิณอ้อนผ่านซีดี โดนใส่ร้าย งดโฟนอินเสนาะขอ

กลุ่มคนเสื้อแดง ที่ใช้ชื่อว่า “กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ” (นปช.) ได้กลับมารวมพลอีกครั้งในการจัดรายการความจริงวันนี้ ที่สนาม ศุภชลาศัย โดยหนนี้ยังคงมีจุดดึงดูดคนเข้าร่วมงานด้วยการ “โฟนอิน” ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางบรรยากาศการตั้งรัฐบาลใหม่ที่ฝุ่นยังไม่หายตลบ 

คนเสื้อแดงคึกคักแต่เช้า 

ทั้งนี้ บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และสมาชิกแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในงานรายการความจริงวันนี้สัญจร ครั้งที่ 3 ความจริงประเทศไทย ที่สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ ซึ่งจัดโดยคณะผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ ประกอบด้วยนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในวันที่ 13 ธ.ค. เป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และแฟนคลับรายการความจริงวันนี้ นับพันคนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลและบางส่วนจากจังหวัดเชียงใหม่ สระบุรี อ่างทอง พิษณุโลก ลำปาง ทยอยเดินทางมารอเข้าร่วมงานตั้งแต่ช่วงเช้ามืด  

ตร.นับพันคุมเข้มคนเข้างาน

ขณะเดียวกัน ก็มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บก.น.4บก.น.5 บก.น.6 บก.น.8 และสันติบาล กว่า 1,500 นาย สลับสับเปลี่ยนได้ตรวจตราความปลอดภัยบริเวณโดยรอบสนามกีฬาแห่งชาติ ตั้งแต่แยกปทุมวัน จนถึงแยกเจริญผลและถนนจุฬาฯซอย 12 ซึ่งอยู่ด้านหลังสนามกีฬาอย่างเข้มงวด โดยอนุญาตให้ผู้มาร่วมงานเข้า-ออกภายในสนามกีฬาแห่งชาติได้เฉพาะประตูใหญ่ หน้าสนามศุภชลาศัย ด้าน ถ.พระราม 1 และประตูทางเข้า-ออก ถ.จุฬาฯ ซอย 12 ซึ่งอยู่ด้านหลังสนามกีฬาแห่งชาติเท่านั้น นอกจากนี้ ทางคณะผู้จัดงานได้จัดให้ประชาชนที่ประสงค์จะเข้าภายในสนามศุภชลาศัย ลงทะเบียนชื่อ-นามสกุล และเลขบัตรประจำตัวประชาชน ที่บริเวณเต็นท์อำนวยการด้วยอีกครั้ง เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดีจะแฝงตัวเข้าไปก่อความวุ่นวายในงาน จากนั้นจึงอนุญาตประชาชนเข้าไปในบริเวณสนามศุภชลาศัยได้ในเวลาประมาณ 11.00 น. โดยสนามศุภชลาศัยสามารถจุคนได้ประมาณ 3.5 หมื่นคน 

ของที่ระลึก-ซีดีแฉ  พธม.ขายดี

ขณะที่บริเวณโดยรอบสนามศุภชลาศัย ตั้งแต่ บริเวณริมรั้วด้านนอกสนามกีฬาแห่งชาติ ได้มีกลุ่มองค์กร แนวร่วม นปช.หลายกลุ่ม อาทิ กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย กลุ่มเพื่อนสมัครฯ มาตั้งแผงออกร้านริมฟุตปาทขายอาหาร น้ำดื่มและของที่ระลึกกันยาวเหยียดตลอดแนวรั้วสนามกีฬาแห่งชาติอย่างคึกคัก โดยของที่ระลึกที่มาจำหน่ายส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ประกอบการชุมนุม ตีนตบ แตรเสียง เสื้อสีแดงพิมพ์โลโก้รายการความจริงวันนี้ หมวกแก๊ปสีแดง ส่วนบริเวณด้านในสนามกีฬาแห่งชาติ มีการตั้งเต็นท์จำหน่ายหนังสือที่เขียนโดยบรรดาแกนนำ นปช. และอดีต ส.ส.พลังประชาชน อย่างนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจักรภพ เพ็ญแข นายนพดล ปัทมะ ซีดีโจมตีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนที่มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก 

ล่าชื่อส่ง จม.ถึงยูเอ็น-ถอด “จรัญ” 

นอกจากนี้ ทางกลุ่มวิทยุชุมชนคนแท็กซี่ เอฟเอ็ม 92.75 ที่นำโดยนายชินวัฒน์ หาบุญพาด หนึ่งในแกนนำ นปช. ได้มาเปิดโต๊ะล่ารายชื่อประชาชนเพื่อทำจดหมายเปิดผนึกถึงองค์การสหประชาติ ร้องเรียนกรณีที่กองทัพไทยแทรกแซงกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตย และล่ารายชื่อถอดถอนนายจรัญ ภักดีธนากุล ออกจากตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพราะขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่ง เนื่องจากเป็นลูกจ้างสอนหนังสือใน ม.รังสิต และ ม.ศรีปทุม ส่วนกิจกรรมที่รายการความจริงวันนี้สัญจร ในครั้งนี้ ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะโทรศัพท์สายตรงเข้ามาร่วมงานในช่วงค่ำ 

โจ๋ยกพวกตีคนเสื้อแดง

อย่างไรก็ดี เมื่อเวลา 08.10 น. ได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นบริเวณหน้าสนามศุภชลาศัย ถนนพระราม 1 เมื่อเกิดเสียงดังคล้ายระเบิด ขึ้นภายในสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ทำให้กลุ่มเสื้อแดงแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่กำลังทยอยเดินเข้าสนามศุภชลาศัย หยุดยืนดู สักพักมีกลุ่มวัยรุ่น ประมาณ 20 คน ยกพวกปีนข้ามกำแพงสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ข้ามถนนมาตะลุมบอนกับชายเสื้อแดงบริเวณเกาะกลางถนน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน ที่มาดูแลสถานการณ์ เข้าแยกทั้ง 2 ฝ่ายให้ออกห่างจากกัน  

ตูมซ้ำจากรั้วช่างกลปทุมวัน

หลังเกิดเหตุมีวัยรุ่นที่คาดว่าเป็นนักศึกษาได้รับบาดเจ็บปากแตก 1 คน ส่วนฝ่ายเสื้อแดงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ระหว่างเกิดเหตุมีเสียงระเบิดและเสียงปืน ดังออกมาจากภายในสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ติดต่อกัน 7 ครั้ง พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 พ.ต.อ.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผกก.สน.ปทุมวัน จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล 2 กองร้อยมาควบคุมเหตุการณ์ ขณะที่กลุ่มวัยรุ่นในสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ตะโกนข้ามรั้วออกมาท้าทายกลุ่มเสื้อแดง เจ้าหน้าที่ตำรวจและอาจารย์ ของมหาวิทยาลัยต้องคอยห้ามปรามไม่ให้เหตุการณ์ปะทุรุนแรง 

โจ๋เมาแล้วเขม่นกลุ่ม นปช.

พ.ต.อ.ไพศาล ลือสมบรูณ์ ผกก.สน.ปทุมวัน กล่าวว่า ตอนเช้ารับแจ้งว่ามีการปะทะกันขึ้น จึงได้ประสานกับอาจารย์สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ทราบว่ามีนักศึกษาทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันมาเตรียมงานวัน “ช่างกลปทุมวันคืนถิ่น” ที่จะมีขึ้นตอน 6 โมงเย็นวันนี้เช่นเดียวกัน บางส่วนก็ดื่มสุราจนเมาและได้ออกมาหาเรื่องกับกลุ่ม นปช.ที่จะมาชุมนุมที่สนามศุภชลาศัย มีการตะโกนให้ของลับกันไป และมีการขว้างระเบิด คาดว่าเป็นประทัดยักษ์ใส่กลุ่มเสื้อแดง แต่ระเบิดส่วนใหญ่ตกแตกกระจายอยู่ในสถาบัน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บพบว่ามีเพียง 2 ราย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และยังไม่มีผู้ใดแจ้งความดำเนินคดีแต่อย่างใด 

ตร.คุมเข้มงานคืนสู่เหย้า

พ.ต.อ.ไพศาลกล่าวต่อว่า การรักษาความปลอดภัย ของการชุมนุมของกลุ่ม นปช. วันนี้ ไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรง จะห่วงก็แต่เรื่องการจัดงาน ช่างกลปทุมวันคืนถิ่น เนื่องจากนักศึกษาบางส่วนมาตั้งแต่เมื่อคืนและเมาจนถึงเช้า ทางตำรวจได้จัดกำลัง บก.น.6 สน.ปทุมวัน และบก.น.8 จำนวน 2 กองร้อย มาประจำจุดหน้าสถาบันทำการตรวจค้นอาวุธรถที่ผ่านเข้าออกเพื่อป้องกันเหตุร้ายและสามารถยึดอาวุธมีดได้ 1 เล่ม ส่วนที่มีข่าวว่ามีแม่ค้าขายเสื้อผ้าบริเวณหน้าสนามศุภชลาศัย ถูกอาวุธปืนข่มขู่ไม่ให้ขายเสื้อสีแดงบริเวณดังกล่าว และยึดเอาเสื้อสีแดงไปใส่เล่นกันในสถาบัน เท่าที่ตรวจสอบยังไม่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ใด 

วอน อจ.ปราม นศ.อย่าก่อเหตุ

ต่อมาประมาณ 12.00 น. ขณะที่นางกนกพร เฉลยบุญ อายุ 57 ปี แม่ค้าขายอาหารที่รัฐสภา เดินข้ามถนนพระราม 1 เพื่อมาร่วมชุมนุมได้ถูกรถเก๋งนิสสัน ทะเบียน ชป 3852 กรุงเทพมหานคร เฉี่ยวชน ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายหัก หน่วยกู้ชีพนเรนทรนำส่ง รพ.ตำรวจ ทางด้าน พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 กล่าวว่า ได้ประสานงานไปยังอาจารย์ของสถาบันช่างกลปทุมวันให้ควบคุมดูแลนักศึกษา ไม่ให้ออกมายั่วยุกลุ่มผู้ชุมนุมด้านนอกสถาบัน และประสานกับทางสถาบันเข้าไปตรวจสอบในสถาบันเพื่อความปลอดภัยอีกครั้ง 

“วีระ” ยันมีโฟนอินแน่แม้ถูกสกัด 

จากนั้นในเวลา 12.30 น. ที่บริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าอัฒจันทร์ สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ คณะผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้สัญจร ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ทำพิธีพราหมณ์ บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์จตุคามรามเทพและเทวดา ตามหลักเพื่อเป็นสิริมงคลก่อนกิจกรรมจะเริ่มขึ้น จากนั้นนายวีระได้เปิดเผยถึงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า จะมีการโฟนอินในเวลา 20.00 น. ส่วนเนื้อหาจะเป็นอย่างไรนั้นไม่ทราบขอให้รอติดตามฟัง ส่วนจะพูดให้พรรคร่วมรัฐบาลหันกลับมาสนับสนุนพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้ฟังว่าคิดอย่างไร แต่เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งในบ้านเมือง จะเลือกพูดที่จะทำให้บ้านเมืองสงบ ไม่พูดให้เกิดความวุ่นวาย ขอให้ประชาชนอย่ากังวล อย่างไรก็ตาม ตนและทีมงานยังกังวลว่า จะมีการตัดสายโฟนอินจากฝ่ายตรงข้าม เพราะตั้งแต่เช้าที่ผ่านมาก็มีความพยายามสกัดกั้นกิจกรรมครั้งนี้ทุกวิถีทาง แต่หากเกิดปัญหาเราได้เตรียมการแก้ ปัญหาเอาไว้แล้ว ซึ่งเปิดเผยวิธีการไม่ได้

โยนประทัดยักษ์ป่วนอีก

ต่อมาเวลา 15.00 น. ได้เกิดระเบิดที่บริเวณเสาตอม่อ รถไฟฟ้าบีทีเอสต้นสุดท้าย ที่อยู่ระหว่างประตูทางเข้าสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันกับแนวรั้วสนามกีฬาแห่งชาติ แรงระเบิดทำให้ต้นไม้ที่ปลูกอยู่ในบริเวณนั้นกระจัดกระจาย สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ที่มาร่วมงานรายการความจริงวันนี้สัญจร และผู้สัญจรในบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น. 6 ซึ่งรักษาความปลอดภัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบหลุมที่เกิดจากแรงระเบิดลึก 1-2 นิ้ว และมีซากขวดน้ำพลาสติกแตกตกอยู่ และสันนิษฐานว่า ผู้ก่อเหตุอาจใช้ขวดดังกล่าวใช้บรรจุประทัดยักษ์ หรืออาจเป็นระเบิดปิงปอง มาก่อเหตุเพื่อก่อกวนกิจกรรมชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง กระนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ ระบุถึงสาเหตุการระเบิดอย่างแน่ชัด ต้องรอให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาความปลอดภัยโดยรอบสนามศุภชลาศัยต้องเพิ่มรอบในการลาดตระเวนป้องกันเหตุการณ์เพิ่มมากขึ้น 

เสื้อแดงร่วมงานเต็มสนาม

จนกระทั่งเวลา 15.45 น. บรรดาแกนนำทั้งหมดได้ขึ้นเวทีโชว์ตัว เรียกเสียงปรบมืออย่างกึกก้อง จากนั้นการปราศรัยบนเวทีเริ่มขึ้น แกนนำ นปช.สลับกันขึ้นเวทีปราศรัย โดยนายมานิตย์ จิตจันทร์กลับ แกนนำ นปช. เป็นคนแรกที่ขึ้นเวทีปราศรัย เน้นการโจมตีกระบวนการยุติธรรมที่ใช้ตุลาการเป็นผู้ทำการปฏิวัติ ถือว่าร้ายแรงกว่าการทำปฏิวัติโดยทหาร และโจมตีการทำหน้าที่ของทหารที่มาแทรกแซงการเมือง แล้วจึงต่อด้วยนายก่อแก้ว พิกุลทอง หนึ่งในพิธีกรรายการความจริงวันนี้ กล่าวปราศรัยแฉถึงความพยายามให้เกิดการเปลี่ยนขั้วในการจัดตั้งรัฐบาล

สาปส่งพวกทรยศให้มีอันเป็นไป

ลำดับต่อมา นายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต. ประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี แกนนำ นปช. กล่าวปราศรัยว่า ขณะนี้กลุ่มคนเสื้อแดงขยายไปสู่ประเทศต่างๆทั่วโลก ทั้งสหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย ฝรั่งเศสแล้ว ต่อไปคนเสื้อแดงจะไม่จำกัดเฉพาะสัญชาติไทยเท่านั้น ใครอยากเป็นครอบครัวประชาธิปไตยมาร่วมกันได้หมด ส่วนคนทรยศผู้มีพระคุณ ไปสวมกอดศัตรูของระบอบประชาธิปไตย ขอให้มีอันเป็นไป วันนี้เราได้บทเรียนว่า นอกจากฝ่ายประชาธิปไตยต้องต่อสู้กับเผด็จการแล้ว ยังต้องกำจัดสนิมในเนื้อด้วย พลังของประชาชนเหมือนน้ำมนต์ใช้ไล่ผี พวกกึ่งผีกึ่งคน เมื่อเจอน้ำมนต์ย่อมกระเจิง กระโดดเปลี่ยนข้างไป จึงไม่ต้องไปอาลัยมีแต่ต้องสรรเสริญ ต้องดีใจที่เชื้อโรคในตัวหายไป 3 ล้านตัว 


ยุยุบสภาคืนอำนาจ ปชช.

นายจักรภพกล่าวต่อว่า พฤติกรรมของกลุ่มพันธมิตรฯที่ยึดสนามบิน คือการก่อการร้ายตามมาตรฐาน สากล ที่ไม่เคารพกฎหมาย ซึ่งองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และประเทศประชาธิปไตยใหญ่ๆ ยอมรับหลักเกณฑ์ การลงโทษผู้ก่อการร้ายให้ลงโทษด้วยการประหารชีวิตได้ เป้าหมายของคนเสื้อแดงต้องต่อสู้ทำลายผู้ก่อการร้ายให้สิ้นซาก และต่อต้านพรรคการเมืองที่วิ่งไปเป็นทาสผู้ก่อการร้าย ในขั้นแรกต้องไม่ยอมให้เผด็จการทั้งโดยรูปแบบ และเผด็จการซ่อนรูปได้จัดตั้งรัฐบาล โดยในช่วง 2-3 วัน ก่อนโหวตเลือกนายกฯ วันที่ 15 ธ.ค.นี้ ขอให้ประชาชนที่รักประชาธิปไตยออกมาแสดงพลังกดดัน ส.ส.ให้คืนประชาธิปไตยให้ประเทศ ขอให้คนเสื้อแดงบุกไปบ้าน หรือโทรศัพท์ไปหา ส.ส. เพื่อบอกว่า อย่าลืมบุญคุณประชาชน ดังนั้น ส.ส.ทุกคนมีโอกาสกลับตัวภายใน 48 ชั่วโมงนี้ แต่ถ้ายังเล่นกันไม่เลิก พูดภาษา ประชาธิปไตยไม่ได้ ก็ต้องยุบสภาเสีย เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจว่า ใครเป็นกระสือ กระหัง เป็นประชาธิปไตย หรือเผด็จการ ท้ายสุดไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล กลุ่มคนเสื้อแดง จะขยายไปทั่วประเทศ ประกอบกิจกรรมตลอดทั้งปี เพื่อถ่ายเลือดให้ลูกหลานชาวไทยเป็นประชาธิปไตย  

ท้า ปชป.ประกาศเป็นพวกอนุรักษ์นิยม

นายจักรภพกล่าวว่า ขอท้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า ถ้ามั่นใจว่าจะชนะเลือกตั้งจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยไม่อาศัยมือหรือเท้าที่มองไม่เห็น ขอให้ประกาศว่า เป็นพรรคอนุรักษ์นิยม แล้วมาต่อสู้กัน ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ประกาศไม่เอานโยบายเดิมของพรรคไทยรักไทยมาใช้ แต่มาวันนี้ พอได้นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย มาร่วมด้วย ก็จะเอานโยบายไทยรักไทยมาใช้ ทั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้เวลานานกว่าจะผลักดันนโยบายเหล่านี้ประสบผลสำเร็จ จึงไม่ใช่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่นายเนวินจะนำไปฝากนายอภิสิทธิ์ ขอให้นายเนวินเลิกขโมยการบ้านได้แล้ว  

ตกเย็นยิ่งแน่นรอฟังเสียงทักษิณ

จากนั้นบรรยากาศการชุมนุมในช่วงเย็น ยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ขึ้นเวทีปราศรัย เป็นคนต่อมา ขณะเดียวกันยังคงมีประชาชนคนรักทักษิณนับพันหลั่งไหลเดินทางมารอฟังการโฟนอินของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปิดการจราจรถนนพระราม 1 ฝั˜งขาเข้า ตั้งแต่สี่แยกปทุมวันไปจนถึงสี่แยกเจริญผลและให้รถยนต์ที่จะสัญจรผ่านหน้าสนามกีฬาแห่งชาติไปใช้ช่องจราจรถนนพระราม 1 ฝั่งขาออก 1 ช่องจราจร ส่งผลให้การจราจรโดยรอบติดขัด ขณะเดียวกันทางกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย หนึ่งในองค์กรแนวร่วม นปช. ได้เปิดเวทีปราศรัยย่อยหน้าประตูใหญ่สนามกีฬาแห่งชาติ ร่วมกล่าวประณามโจมตีพรรคประชาธิปัตย์อย่างเผ็ดร้อน 

“จตุพร” ไล่บี้ “อภิสิทธิ์” หนีทหาร

ต่อมาเวลา 17.45 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ปราศรัยตอนหนึ่งว่า พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเหนิด โฆษกกองทัพบก ระบุว่า เตรียมทหาร 17 กองร้อยเพื่อรับมือการชุมนุมวันนี้ แต่กลุ่มพันธมิตรฯ บุกยึดทำเนียบรัฐบาลและสนามบิน กองทัพเป็นง่อย เมื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เอาทหารออกมาอย่างนี้อยากให้แจกเสียมไปขุดแห้วตำแหน่งนายกฯให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ 2-3 วันที่ผ่านมาทำตัวเหมือนได้เป็นนายกฯ ทั้งที่ผู้สนับสนุนให้เป็นนายกฯคือผู้ก่อการร้ายที่ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ แม้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ มั่นใจมีเสียงในมือ 260 เสียง แต่เราขอประกาศตรงนี้ว่าต้องไม่แพ้ เพราะต้องให้นายอภิสิทธิ์เอาเวลาไปเป็นทหารรับใช้ชาติ 2 ปีก่อน เนื่องจากไม่ผ่านการเกณฑ์ทหาร ถ้าได้คนหนีเกณฑ์ทหารขึ้นมาเป็นนายกฯประเทศชาติของเราจะอยู่ได้อย่างไร ดังนั้น วันที่ 15 ธ.ค.นี้ นายอภิสิทธิ์กินแห้วแน่นอน 

กร้าวเพื่อไทยไม่หวั่นกองทัพเคลื่อน

นายจตุพรกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ส.ส.พิจิตร ลูกชาย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตที่ปรึกษาพรรคชาติไทย หนีทหารในปี 2539 ถึงอยู่ด้วยกันได้ ที่ผ่านมาสร้างตำนานงูเห่ายังเลวไม่พอ กลับจะมาสร้างตำนานงูเห่าภาค 2 อีก ส่วนที่กล่าวหาว่าคนใส่เสื้อแดงเป็นคนต้องการล้มราชบัลลังก์นั้น ความจริงคนที่ทำลายสถาบันคือคนใส่เสื้อเหลืองที่ใส่ตราสัญลักษณ์ อีกทั้งยังได้แอบอ้างคนอื่นทำลายสถาบัน ทำลาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ส่วนพวกที่ไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยบอกว่ากลัวทหารปฏิวัติ แต่คนเสื้อแดงไม่กลัว อีกทั้งมีคนบอกว่าคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวทหารจะมาปราบ ทหารจะปราบประชาชนได้อย่างไร นอกจากประชาชนจะไปปราบกองทัพที่ไปแทรกแซงประชาธิปไตย และพรรคเพื่อไทยไม่กลัวกองทัพ แม้ส่งรถทหารวิ่งผ่านหน้าบ้าน ส.ส.พรรคเพื่อไทย 

ลั่นพลเสื้อแดงชุมนุมสนามกีฬา ทบ.

นายจตุพรกล่าวว่า ส่วนรายการความจริงวันนี้ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีถูกงดจัด 2 วัน เพราะกลัวคนมาร่วมงานเวทีความจริงวันนี้ในวันที่ 13 ธ.ค.นั้น ยิ่งงดรายการคนยิ่งมามาก ขอให้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ไปทำบุญล้างซวยเสีย เพราะคราวเคราะห์กำลังมาเยือน เราไปจัดเวทีที่ไหนคนก็มาเยอะจนสนามแตก เหลือสนามกีฬากองทัพบกที่เดียวยังไม่ได้ไป ดังนั้น เวทีความจริงวันนี้ สัญจรครั้งที่ 4 เราจะต้องไปชุมนุมที่สนามกีฬากองทัพบก เพื่อต่อต้านรัฐประหารในกองทัพบก จึงขอให้ พล.อ.อนุพงษ์รีบออกมาขอโทษประชาชนว่าทำผิดไปแล้ว ที่เข้าไปแทรกแซงการเมือง ประชาชนพร้อมจะอภัย ถ้าไม่ขอโทษชาตินี้ทั้งชาติจะเป็นศัตรูกับประชาชนตลอดไป ส่วนกรณีที่มี ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินระบุว่าต้องเดินหน้าเพื่อชาติ ถอยหลังเสียหมา จะเดินหน้าก็เดินไป แต่อย่าทำให้หมาเสีย เพราะมันไม่เคยเนรคุณ แม้บอกว่าต้องเสียเพื่อน เสียพรรค เสียนาย ไม่เป็นอะไร แต่ต่อไปต้องเสียความไว้ใจจากประชาชนอย่างแน่นอน ส่วนการไปชุมนุมหน้ารัฐสภาในวันที่ 15 ธ.ค.นั้น เราไม่ไป แต่พร้อมที่จะรวมตัวกันทันที เมื่อมีการเสนอชื่อฝ่ายที่ทหารสนับสนุนขึ้นเป็นนายกฯ

จี้ รบ.ใหม่แก้ รธน.-ดำเนินคดี พธม. 

นอกจากนี้ นายจตุพรยังกล่าวปราศรัยเรียกร้องต่อรัฐบาลใหม่ ที่ยืนยันว่าไม่ใช่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ แน่นอน ขอให้ทำเพียง 2 ข้อ คือ 1. ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญทันที 2. ต้องดำเนินคดีกับพันธมิตรฯ ทั้งคดีกบฏและก่อการร้ายทันที

“เสธ.แดง” โผล่ร่วมคนเสื้อแดง

ต่อมาเวลา 18.45 น. พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เดินทางมาสังเกตการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่บริเวณหลังเวทีปราศรัย พร้อมให้ สัมภาษณ์ว่า มาสังเกตการณ์ดูว่าพลังของประชาชนจะมีจำนวนเท่าใด เมื่อเห็นแล้วก็อยากให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ยุติการแทรกแซงทางการเมือง และยุติการจัดขั้วรัฐบาล พร้อมกับออกมาขอโทษประชาชนในสิ่งที่เกิดขึ้น รวมทั้งอยากให้ ผบ.ทอ.ออกมาขอโทษประชาชนด้วย เนื่องจากไม่สามารปกป้องชีวิตของประชาชนที่เสียชีวิตในสนามบินดอนเมือง ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพอากาศ

ตามบล็อก-สกัดถ่ายทอดเสียง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการจัดรายการความจริงวันนี้ฯ ที่สนามศุภชลาศัยนั้น มีการถ่ายทอดสัญญาณให้กับผู้ที่ไม่ได้มาในสนามได้ฟังและชมภาพกันสดๆ ทางเว็บไซต์และวิทยุชุมชนต่างๆ แต่ขณะที่การปราศรัยกำลังเข้มข้นอยู่นั้น ปรากฏว่าเว็บไซต์หลายแห่งที่เชื่อมต่อสัญญาณ รวมถึงวิทยุชุมนุมที่ถ่ายทอดเสียงกลับถูกบล็อกและถูกสกัดคลื่น รวมถึงมีเสียงปี่มวย หรือเสียงคนพูดแทรกเข้ามา ทำให้การรับฟังขาดช่วงเป็นพักๆ  

สื่อนอกชี้ รบ.ไทยไร้เสถียรภาพ

ด้านสำนักข่าวต่างประเทศ ก็ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยทุกย่างก้าว รวมถึงการรวมพลคนเสื้อแดง ในการจัดงานความจริงวันนี้ สัญจร ที่สนามศุภชลาศัย เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. โดยระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีกำหนดการโทรศัพท์ ทางไกลจากแหล่งไม่เปิดเผยมายังกลุ่มผู้สนับสนุนหลายพันคนที่ชุมนุมกันบริเวณสนามศุภชลาศัย จุดประสงค์ของการเคลื่อนไหวครั้งนี้หวังก่อให้เกิดความสั่นคลอนเรื่องลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันที่ 15 ธ.ค. ท่ามกลางการคาดเดาว่า นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะได้ขึ้นนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนใหม่กับรัฐบาลผสมที่มีเสถียรภาพอ่อนแอ การชุมนุมของกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตนายกฯ ครั้งนี้ กองทัพได้เตรียม พร้อมกำลังทหารเอาไว้ราว 2,500 นาย คอยช่วยเหลือกำลังตำรวจที่รักษาการณ์อยู่ราว 1,500 นาย ถ้าได้รับการร้องขอ 

กต.ประท้วงสื่อผู้ดีพาดพิงเบื้องสูง

อย่างไรก็ดี ในวันเดียวกัน หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ของสหรัฐฯ “มอนสเตอร์สแอนด์คริติกส์” รายงานข่าว นายธฤตย์ จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ส่งจดหมายประท้วงบรรณาธิการนิตยสาร “ดิ อิโคโนมิสต์” ของอังกฤษ เมื่อ 12 ธ.ค. ฐานเผยแพร่ บทความที่ไม่เหมาะสมเกี่ยวกับประเทศไทย และพาดพิงถึงเบื้องสูงลงในนิตยสารฉบับวันที่ 29 พ.ย.-4 ธ.ค. โดย นายธฤตย์ระบุในจดหมายว่า ตนรู้สึกผิดหวังกับมุมมองที่คับแคบและทัศนคติที่ตกต่ำของดิ อิโคโนมิสต์ อีกทั้งยังระบุด้วยว่า ข้อมูลอ้างอิงในบทความเป็นข้อมูลด้านเดียวอันเกิดจากนักวิชาการชาวอเมริกันคนหนึ่ง ซึ่งตีความเหตุการณ์ต่างๆทางการเมืองไทยเพื่อให้สอดคล้องกับทฤษฎี ซึ่งมิได้อยู่บนหลักความเป็นจริง 

กลุ่มคนเสื้อแดงทยอยสู่กรุงฯ

ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงหรือกลุ่ม นปช.ในต่างจังหวัดนั้น วันเดียวกัน ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา กลุ่มคนเสื้อแดงประตูน้ำพระอินทร์ รักประชาธิปไตย จ.พระนครศรีอยุธยากว่า 200 คน รวมตัวกันที่บริเวณพระอินทร์ ซอย 1 ด้านหลังโรงเรียนเสริมมิตรวิทยา อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนเดินทางไปยังสนามศุภชลาศัย เพื่อร่วมรายการความจริงสัญจรครั้งที่ 4 ทั้งนี้ แกนนำกลุ่มได้มีการแจกเสื้อสีแดงให้กับผู้ที่เดินทางไปในครั้งนี้ทุกคน อีกทั้งยังมีการเตรียมอาหารและน้ำดื่มติดตัวกันไปด้วย โดยนางมยุรี เศวตาศัย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงประตูน้ำพระอินทร์ รักประชาธิปไตย เปิดเผยว่า จะเดินทางโดยรถบัส 1 คัน ส่วนที่เหลือจะใช้ รถกระบะทั้งหมด สาเหตุที่ใช้รถบัสเพียง 1 คัน เนื่องจากผู้ประกอบการรถบัสไม่กล้ารับจ้าง เพราะเกรงว่าจะไปปะทะกันกับกลุ่มคนเสื้อเหลือง จึงไม่มีผู้ประกอบการรายใดรับเหมาที่จะพาคนเสื้อแดงเข้าไปยังกรุงเทพมหานครนอกจากนี้ การเดินทางครั้งนี้มีกลุ่มกระทิงแดงจาก จ.น่าน ประมาณ 300 คน และกลุ่มกระทิงแดง ต.ท่าโขลง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จะเดินทางมาสมทบกับกลุ่มคนเสื้อแดงประตูน้ำพระอินทร์ฯ ที่หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จากนั้นจะเดินทางไปพร้อมกัน 

ดาวกระจายต้านประชาธิปัตย์

ขณะที่ จ.เชียงราย ตลอดทั้งวันกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเฉพาะกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เชียงราย ได้จัดรถบรรทุก 6 ล้อออกปราศรัยต่อต้านการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ของพรรคประชาธิปัตย์ ไปตามถนนสายต่างๆ ทั่วทั้ง 18 อำเภอใน จ.เชียงราย เพื่อชี้แจงการต่อต้านพรรคการเมืองที่ไม่ได้มาจากระบอบประชาธิปไตยทุกรูปแบบ พร้อมหาแนวร่วมเพื่อเดินทางไปชุมนุมในกรุงเทพฯ เพื่อต่อต้านพรรคประชาธิปัตย์หากมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้จริง ขณะที่ น.ส.จีรนันท์ จันทวงศ์ แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาฯกล่าวว่า การปราศรัยจะเป็นลักษณะแบบดาวกระจาย โดยเริ่มปราศรัยตั้งแต่หน้าโรงแรมแสนภู ถนนบรรพปราการ เทศบาลนครเชียงราย จากนั้นจะตระเวนไปยังพื้นที่ อ.เชียงแสน อ.แม่สาย หน้าตลาดห้วยไคร้ อ.แม่สาย ซึ่งเป็นที่ตั้งของวิทยุชุมชนห้วยไคร้ คลื่นเอฟเอ็ม 107.5 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งมีนายผ้าง พลชัย กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นเจ้าของ 

ขวางการจัดตั้งรัฐบาลถึงที่สุด

น.ส.จีรนันท์กล่าวอีกว่า ในวันที่ 14 ธ.ค. ทางกลุ่มจะมีกำหนดเดินทางไปยังพื้นที่ อ.เวียงชัย อ.ป่าแดด อ.พาน เพื่อเปิดเวทีปราศรัยเช่นเดิม พร้อมจะรอฟังข่าวการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ หากพรรคนี้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างแน่นอนแล้ว พวกเราจะเดินทางเข้าไปชุมนุมที่หน้ารัฐสภากรุงเทพฯ เพื่อขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลให้ถึงที่สุด ขณะนี้บรรดาผู้สนับสนุนใน จ.เชียงราย ได้จัดเตรียมชาวบ้านกว่า 1,000 คน จ.เชียงใหม่ ประมาณ 2,000 คน และ จ.อุดรธานี ประมาณ 10,000 คน พร้อมที่จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ 

อุดรฯคึกฟังโฟนอิน “ทักษิณ”

 ด้าน จ.อุดรธานี ที่หน้าสำนักงานบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุดรธานี ชมรมคนรักอุดรฯได้จัดตั้งเวทีปราศรัยขนาดใหญ่กว่าทุกครั้ง โดยมีป้ายเขียนคำว่า “เขต ปลอดพันธมิตร และมึงเจอกูแน่” โดยนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมฯ และ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย 3 คน ประธานชมรมคนรักแท็กซี่ และแกนนำกลุ่มต่อต้านเผด็จการ หลายคนผลัดเปลี่ยนปราศรัยโจมตีนายเชิดชัย วิเชียรวรรณ ส.ส.อุดรธานี พรรคพลังประชาชนที่แปรพรรคย้ายไปอยู่กับกลุ่มเพื่อนเนวิน และกล่าวโจมตี พรรคประชาธิปัตย์กับกลุ่มพันธมิตรฯอย่างดุเดือด ท่ามกลาง สมาชิกชมรมคนรักอุดรฯสวมเสื้อแดงจำนวนมาก พร้อมถือป้ายสนับสนุน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นนายกฯ และถือป้ายต่อต้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ 

เชียงใหม่ลงชื่อร่วมชุมนุมรัฐสภา 

ขณะที่ จ.เชียงใหม่ ที่หน้าโรงแรมแกรนด์วโรรสพาเลซ (หลังวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร) อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายเพชรวรรต วัฒนพงษ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้ตั้งเวทีพร้อมติดตั้งจอโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่ เพื่อถ่ายถอดสัญญาณมาจากสนามศุภชลาศัย กทม.ให้สมาชิกกลุ่มเสื้อแดงรับฟังโฟนอินจาก พ.ต.ท.ทักษิณ และถ่ายทอดออกอากาศทางวิทยุชุมชนคลื่นคนรักเชียงใหม่ 51 ด้วย พร้อมปราศรัยโจมตีกลุ่มนายเนวินและพรรคประชาธิปัตย์ อย่างต่อเนื่อง   ขณะเดียวกันมีการตั้งโต๊ะลงชื่อสำหรับผู้ที่ประสงค์จะเดินทางเข้าไปร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช.ที่หน้ารัฐสภาในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ด้วย 

หวั่นมีเหตุช่างกลปทุมวันงดจัดงาน

เวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน ที่มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยภายในสนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ ได้เข้าตรวจค้นตัวนายยงยุทธ ปทุมวัน ที่มีอาชีพเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง อยู่บ้านเลขที่ 151 หมู่ 1 อ.เมือง จ.ลำปาง ขณะที่ยืนอยู่หน้าบริเวณด้านหน้าสนามศุภชลาศัยด้วยท่าทีมีพิรุธ ซึ่งในการตรวจค้นภายในตัวนายยงยุทธนั้น พบอาวุธเป็นมีดสั้น 1 เล่ม คัตเตอร์ 1 เล่ม อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวมาที่กองอำนวยการที่ตั้งอยู่ภายในสนาม ศุภชลาศัย เมื่อสอบสวนแล้ว จึงได้ยึดอาวุธและปรับเงินก่อนที่จะปล่อยตัวไปเป็นอิสระ และในเวลา 18.00 น. มีรายงานว่า ทางคณะผู้จัดงานชุมนุมศิษย์เก่าช่างกลปทุมวัน ที่สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ได้แจ้งยกเลิกการจัดงานดังกล่าวแล้ว เนื่องจากมีความเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดการ ปะทะระหว่างศิษย์ช่างกลปทุมวันกับกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ที่หน้าสนามกีฬาแห่งชาติอีก หลังจากเมื่อช่วงเช้าได้มีเหตุปะทะกันเล็กน้อย

โวยเจอสกัดเสียง “ทักษิณ” ทุกทาง

กระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. นายวีระ มุสิกพงศ์ ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยมีการถ่ายทอดเสียงจากเวทีปราศรัยสนามศุภชลาศัย ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งวิทยุชุมชน เว็บไซต์ ทีวีออนไลน์ เคเบิลทีวี แต่พอนายวีระ พูดไปได้สักระยะหนึ่ง สัญญาณเสียงก็ขาดหายไปเฉยๆ ทำให้ผู้ที่พยายามฟังได้แสดงความไม่พอใจผ่านการโพสต์ข้อความตำหนิผู้ที่บล็อกสัญญาณไว้ในกระดานสนทนาของเว็บต่างๆ อาทิ ที่เว็บไซต์พันธุ์ทิพ ห้องราชดำเนิน จะมีการส่งกระทู้ถามถึงการตัดสัญญาณ และพยายามแจ้งให้ผู้ฟังได้รับฟังสัญญาณเสียงจากที่ต่างๆ โดยเมื่อเข้าไปตามที่ระบุในกระทู้ เมื่อฟังได้สักระยะหนึ่งสัญญาณก็หาย กระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. นายวีระได้ประกาศถึงการโฟนอินเสียง พ.ต.ท.ทักษิณ สดๆว่าไม่สามารถทำได้เนื่องจากถูกสกัดสัญญาณทั้งหมด ทำให้ต้องใช้วิธีเปิดวีซีดีของอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการบันทึกไว้ ล่วงหน้าแล้วแทน ซึ่งระหว่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดนั้น บรรยากาศในสนามศุภชลาศัยต่างเงียบกริบ ตั้งอกตั้งใจฟัง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวเรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน 

โหวต “ทักษิณ” สัญลักษณ์ ปชต. 

ทั้งนี้ นายวีระได้กล่าวสรุปก่อนที่จะให้พลพรรคเสื้อแดงได้ฟังเสียง พ.ต.ท.ทักษิณอย่างเต็มอิ่ม ด้วยความยาวของวีซีดีกว่า 20 นาที ว่าสิ่งที่ทีมงานปราศรัยไปก่อนหน้าก็คือ 1. นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯไม่ได้ เพราะหนีเกณฑ์ทหาร และสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯยึดสนามบิน ถ้าเป็นนายกฯแล้วจะดำเนินกับ 13 กบฏแกนนำพันธมิตรฯ หรือไม่ จะจัดการกับสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีอย่างไร 2. ชี้ให้เห็นว่าคนเสื้อแดงเป็นคนที่ปกป้องสถาบันกษัตริย์ อย่างแท้จริง และเราอยากพูดให้ได้ยินถึงหู 3 เหล่าทัพว่า เราปกป้องสถาบัน จนขณะนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาบ่นว่า รำคาญผู้บังคับบัญชาเต็มทีแล้ว เพราะไม่เป็นประชาธิปไตย 3. ประชาชนได้อนุมัติจัดตั้งสถาบันคนเสื้อแดงต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ เพื่อปกป้องประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเท่านั้น และขอเสียงพี่น้องให้ใช้ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นสัญลักษณ์ประชาธิปไตยในการต่อสู้ นอกจากนี้ ยังมีเพื่อนชาวต่างประเทศจากเคนยามาต่อสู้ประชาธิปไตยเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะไปต่อสู้ในต่างประเทศทั่วโลก 

ทักษิณวอนทุกฝ่ายเลิกใช้อารมณ์ 

สำหรับวีซีดีการเปิดใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ฉายขึ้นจอมอนิเตอร์ขนาดยักษ์ เพื่อให้แฟนคลับคนเสื้อแดงได้ฟังในครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ใช้หมู่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เป็นสถานที่บันทึกเทป โดย พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า วันนี้มีเรื่องกังวลใจมาก ทั้งการยึดสนามบิน จนมีผลกระทบมากต่อความเชื่อมั่นประเทศไทย เศรษฐกิจมีปัญหามากขึ้น มีปัญหาสังคมตามมา และเป็นห่วงว่าลูกหลานที่จบการศึกษาปีนี้ จะคล้ายวิกฤติเศรษฐกิจปี 40 คือจบแล้วไม่มีงานทำ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ ถ้าถามว่าจะแก้ยังไงนั้น ถ้าไม่มีปัญหาการเมืองคงแก้ไหว แต่เมื่อมีปัญหาการเมือง คงแก้ยากมาก การแก้ปัญหาไม่ใช่ย้ายซ้ายไปขวา หรือขวาไปซ้าย แต่วันนี้ไม่มีทางออก เพราะเราเอาชนะกันเกินไป เข้าใจผิดกัน จนมาไล่ล่ากันไปมา ทำให้ระบบขาดความน่าเชื่อ เราใช้อารมณ์กันมาก สิ่งที่เป็นห่วงคือ การเมืองกำลังมีปัญหา นักการเมืองและรัฐบาลทำงานลำบาก เนื่องจากมีการแบ่งฝ่าย เข้าข้างกัน องค์กรในระบบทำงานไม่ได้ เพราะมีคนทำให้ระบบบิดเบี้ยว สังคมอยู่ไม่ได้ ที่ร้ายกว่านั้น ถ้าไม่เคารพการตัดสินใจของประชาชน คนก็จะออกมาแสดงความไม่พอใจ ต้องขอชื่นชมคนเสื้อแดงที่รักษาประชาธิปไตยจริงๆ และให้กำลังใจตน อยากเห็นความยุติธรรมกลับคืนมาสู่คนไทย อยากเห็นประชาธิปไตยแทนการปฏิวัติเงียบ ถ้าเป็นประชาธิปไตยจริง ต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน และรับฟังเสียงส่วนน้อย นั่นคือหลักประชาธิปไตย

โวยมีสภาพยิ่งกว่าหมาจนตรอก

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า วันนี้เรายังอยู่ในภาวะปฏิวัติ เพื่อทำลายระบอบประชาธิปไตย หลังจากที่การเลือกตั้งเกิดขึ้น ประชาชนยังเลือกพรรคพลังประชาชนด้วยเสียงข้างมาก ทำให้การปฏิวัติแปลงภาพไปเป็นใช้ระบบศาลเข้ามาจัดการ ทำให้ประชาธิปไตยไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ มีการยุบพรรคเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งไม่มีใครทำกัน แต่พูดอะไรไม่ได้มาก เพราะถูกกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดี และยังถูกลอบสังหาร 3 ครั้ง หลังจากนั้นก็ถูกกระบวนการเล่นงานมาตลอด ถูกรังแกอย่างต่อเนื่อง มีความพยายามยึดหนังสือเดินทาง ตรงกับสุภาษิตโบราณว่า เขาไล่หมาจนตรอก แต่ตนแม้แต่ตรอกยังไม่มีจะอยู่ จะเอากันขนาดนั้นเลยหรือ ตนไม่เคยทำความดีให้บ้านเมืองหรืออย่างไร เพราะคำคำเดียวคือ ไม่จงรักภักดี ตนถูกทำลายมันเจ็บ แต่ไม่เท่ากับประเทศชาติเจ็บ 

วอนให้ผู้มีอิทธิพลหยุดแทรกแซง

อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อยากให้นักการเมืองต่อสู้กันด้วยความดี หันหน้าเข้าหากันเถอะครับ พันธมิตรฯ กลับบ้านไปแล้ว เสื้อแดงก็มาแสดงพลัง ไม่ชอบการรัฐประหาร มีทหารมาแทรกแซงทางการเมือง จนคนเสื้อแดงไม่พอใจทหารที่มาแทรกแซง ตนรู้ทั้งหมดว่าใครเป็นใคร ใครกดดันใคร ถ้าไม่ปล่อยให้เป็นไปตามกลไก และเคารพการตัดสินใจคนส่วนใหญ่ ประเทศจะอยู่ไม่ได้ ขอให้ลืมอดีตเถอะ มองไปข้างหน้าดีกว่า วันนี้ทำเนียบรัฐบาลถูกยึด ไม่มีรัฐบาล ก็ขอให้พอได้แล้ว โดยเฉพาะคนที่มาแทรกแซงการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ขอให้ถอยไปเถอะ ให้ยอมรับว่า ชนะเป็นชนะ แพ้เป็นแพ้ โดยเฉพาะคนที่มีอำนาจ อิทธิพล ต้องหยุดแทรกแซง ขอให้หันหน้าเข้าหากันดีกว่า ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ตรัสในช่วงพฤษภาฯทมิฬว่า ที่แพ้คือชาติ เมื่อชาติแพ้ก็แพ้หมด

อัดนักการเมืองอย่าหักหลังประชาชน

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า การเป็นนักการเมืองที่ดี ต้องรักประชาชน ถ้าหักหลังประชาชนถือว่าอาการหนักมาก เดี๋ยวนี้ประชาชนรู้ว่าใครคิดอย่างไร แต่ไม่พูด จะ แสดงให้เห็นในวันเลือกตั้ง ถ้าหักหลังประชาชนมันจะต้องไปทั้งตระกูล ไม่ว่าจะส่งผัวหรือเมียลงก็จะไม่ได้ นักการเมืองที่ดีต้องรักษาประชาธิปไตย และการรักษาประชาธิปไตยต้องรักประชาชน ไม่ใช่หักหลักประชาชน ไม่ ต้องห่วงตน เอาบ้านเมืองให้รอด ขอให้หยุดแทรกแซง โดยเฉพาะเพื่อนๆของตน ทุกสิ่งทุกอย่างคือสิ่งสมมติ ต้องเอาสถาบันชาติและพระมหากษัตริย์ไว้ ที่สำคัญอย่าไปฝืนเสียงส่วนใหญ่ ให้ทุกคนลืมอดีต มองไปข้างหน้า การเลือกข้างนั้นควรเลือกวันเดียวคือวันเลือกตั้ง วันนี้ ตนช้ำ แต่ทนได้ แต่ประชาชนที่ยากจนลำบากทั่วหน้า เพราะผู้มีอำนาจที่ประชาชนมอบหมายให้ทำงานไม่ได้ เพราะถูกแทรกแซง สุดท้ายประชาชนตาดำๆ ต้องรับกรรม  

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ไม่ต้องห่วงและแคร์ตน ยอมรับว่ามีบ้างที่เสียใจและน้อยใจ แต่ขอย้ำว่าประเทศ ไทยกับสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องคู่กัน เราต้องช่วยกันเชิดชู อย่านำมาใช้ต่อสู้ทางการเมือง ขอให้กำลังใจประชาชนผ่านวิกฤติการเมือง เศรษฐกิจ สังคมไปด้วยดี  

งดโฟนอินอ้าง “เสนาะ-ประชา” ขอ

หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวเปิดใจจบ นายวีระ ได้กล่าวว่า วีทีอาร์ที่เปิดไปก็เหมือน พ.ต.ท.ทักษิณพูด หมดหัวใจแล้ว ส่วนที่สัญญาจะโฟนอินนั้น นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ซึ่งเสนอแนวทางรัฐบาลเพื่อชาติ ไม่อยากให้โฟนอิน และ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็ขอร้องไม่ให้โฟนอิน เพื่อให้มีเครดิตเป็นศูนย์กลางจัดตั้งรัฐบาล ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณนำเรื่องนี้มาปรึกษาตน จึงได้แนะนำไปว่า ถ้างดโฟนอินแล้วได้รับชัยชนะในการโหวตเลือกนายกฯ ก็ควรทำ ดังนั้น ก็เลยของดการโฟนอิน แต่ขอฝากไปยังนายเสนาะและ พล.ต.อ.ประชา ว่าต้องเป็นสัญญาลูกผู้ชาย มิเช่นนั้นจะเจอคนเสื้อแดงทั่วประเทศ จนการประชุมอาเซียนเกิดขึ้นไม่ได้


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์