จงรักรับฟ้องพธม.ข้อหามีอาวุธ-ยาเสพติดไม่ได้ เผยพบอาวุธซุกทำเนียบเพียบ

"จงรัก"สรุปพบอาวุธสารพัดซุกทำเนียบรวม 18 รายการ ตั้งแต่ระเบิด อุปกรณ์บึ้ม น้ำกรด กระสุนปืน มีด ท่อนเหล็ก ท่อนไม้ ใบกระท่อม เชื่อคลองผดุงกรุงเกษมมีอีกเพียบ ขอประดาน้ำทัพเรือค้นหา ยอมรับเอาผิดพันธมิตรข้อหามีอาวุธและยาเสพติดยาก เหตุจับไม่ได้คาหนังคาเขา ขาดพยานหลักฐาน หากยื่นฟ้องศาลยกหมดแน่

พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม

ถึงการเข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณทำเนียบรัฐบาลภายหลังกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ยุติการชุมนุมและส่งคืนพื้นที่ทำเนียบมาตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า ได้รับรายงานว่าในวันที่ 8 ธันวาคม เวลา 10.00 น. นักประดาน้ำจากศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือและเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิดใต้น้ำจากกองทัพเรือ จะมาร่วมตรวจค้นสิ่งของในคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล ตามที่ตำรวจร้องขอความช่วยเหลือไป ทั้งนี้ เชื่อว่าในคลองผดุงกรุงเกษมอาจมีสิ่งของต่างๆ รวมทั้งอาวุธที่กลุ่มพันธมิตรอาจโยนทิ้งลงไป ก่อนที่จะสลายการชุมนุม

"โดยหลักทั่วไปแม่น้ำลำคลอง จะเป็นสถานที่ที่คนทั่วไปทำลายหลักฐานได้ง่ายที่สุด มีอะไรที่ไม่ต้องการและอยากจะทิ้งก็โยนทิ้งไปได้เลย แม้แต่ในคดีอาชญากรรมทั่วไปเมื่อมีการฆ่ากันตาย ก็มักจะโยนศพลงแม่น้ำ หรือการจะปกปิดอาวุธต่างๆ เช่น ปืนหรือมีด ก็มักจะโยนลงแม่น้ำลำคลอง เป็นต้น เพราะฉะนั้นตำรวจจำเป็นต้องตรวจสอบให้ครบถ้วน ตามหลักการตรวจสถานที่เกิดเหตุโดยทั่วไปของตำรวจ อย่างน้อยถ้าพบสิ่งของที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจรผ่านไปมา เช่น ระเบิด จะได้นำขึ้นมาเสียก่อน" พล.ต.อ.จงรักกล่าว

พล.ต.อ.จงรักกล่าวต่อว่า สำหรับการตรวจสอบภายในทำเนียบรัฐบาล เสร็จสิ้นแล้ว สามารถสรุปผลการตรวจสอบ

ดังนี้ 1.พบระเบิดชนิดต่างๆ ทั้งระเบิดปิงปอง และระเบิดขวด 110 ลูก 2.ระเบิดเพลิง ประทัดและพลุ รวม 280 อัน 3.อุปกรณ์ประกอบระเบิด รวม 55 ชิ้น 4.ปุ๋ยแอมโมเนียมที่ใช้ทำระเบิด 10 ถุง 5.กระสุนปืน ขนาด .38 รวม 105 นัด 6.น้ำกรด รวม 75 ขวด 7.ท่อนเหล็ก 312 ท่อน 8.ท่อนไม้ 150 ท่อน 9.ไม้กอล์ฟ 55 อัน 10.หนังสติ๊ก 16 อัน 11.ลูกเหล็ก ลูกแก้ว หิน น็อต ใช้สำหรับยิง 497 อัน 12.หมวกนิรภัย 24 ใบ 13.เครื่องดื่ม 4 คูณ 100 รวม 33 ขวด 14.ใบกระท่อม 12 ถุง 15.โล่ 5 อัน 16.สนับแขน 183 อัน 17.ท่อพีวีซีที่เป็นกระบอกฉีดน้ำ 81 อัน และ 18.มีด 1 เล่ม

"สิ่งของทั้งหมดแยกเป็น 2 อย่าง คือ 1. เป็นอาวุธโดยสภาพ เช่น ระเบิด กระสุนปืน ท่อนเหล็ก ท่อนไม้ หนังสติ๊ก และ 2.ไม่ใช่อาวุธโดยสภาพ แต่มีเจตนาใช้เป็นอาวุธ  เช่น น้ำกรดที่เตรียมไว้สาดใส่หน้า หรือไม้กอล์ฟ หากผู้ใดมีไว้ในครอบครองถือว่ามีความผิดทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังพบใบกระท่อมและเครื่องดื่ม 4 คูณ 100 ถือเป็นยาเสพติดด้วย"

พล.ต.อ.จงรักกล่าวว่า แต่การดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรเฉพาะข้อหามีอาวุธหรือยาเสพติดไว้ในครอบครองถือว่าเป็นเรื่องยาก

เพราะขาดพยานหลักฐานว่าเป็นของใคร เนื่องจากกลุ่มพันธมิตรสลายกลับบ้านหมดแล้ว ถ้าเอาตัวมาถามก็ต้องปฏิเสธว่าไม่ใช่ของตัวเอง ขืนฟ้องไปศาลก็ยกฟ้อง เพราะศาลยึดหลักว่าถ้ามีข้อสงสัยต้องยกประโยชน์ให้จำเลย เว้นแต่จะจับได้คาหนังคาเขา จำนนต่อพยานหลักฐาน แต่นี่ไม่มีหลักฐานอะไรอีกแล้ว กลับไปนอนบ้านกันหมด คงเอาผิดใครในข้อหานี้ได้ยาก  แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องสืบสวนหาตัวเจ้าของจนถึงที่สุด ได้ไม่ได้ก็ว่ากันอีกที

พล.ต.อ.จงรักกล่าวอีกว่า แต่สิ่งที่มองเห็นได้คือ การชุมนุมครั้งนี้ไม่ใช่การชุมนุมโดยปราศจากอาวุธดังที่กล่าวอ้าง ซึ่งการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรที่บุกรุกสนามบินสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมืองในความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย ที่มีนพ.เหวง โตจิราการ ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ก็กำลังดำเนินการอยู่


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์