พล.ต.ท.ชัจจ์ เดือดโดนป้ายขี้ แฉน้องแกนนำพธม.ฝากเงินเมืองนอก 4 พันล. สงสัยห้องชูศักดิ์โดนทำคุณไสย


"ชัจจ์"โวยของหายอื้อ ทั้งเงินสด ทีวี สูทหรู พระเครื่อง ลั่นฟ้อง พธม.แน่ ฉุนโดนหยามป้ายอุจจาระ อ้างรู้คนไหนสั่งการ เชื่อมีเงินจ่าย ได้ข่าวน้องแกนนำฝากไว้เมืองนอก 4 พันล. คณะทำงาน "ชูศักดิ์"สำรวจห้อง สงสัยทำไสยศาสตร์ พบพระแม่ธรณีบีบมวยผมด้วย

 
พล.ต.ท. ชัจจ์ กุลดิลก อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม กรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ทำลายข้าวของบนห้องทำงานที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พร้อมนำอุจจาระมาป้ายไว้ที่โต๊ะทำงาน ระหว่างการยึดทำเนียบรัฐบาลเพื่อปักหลักชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลว่า ได้รับรายงานว่ามีทรัพย์สินหายไปหลายอย่าง อาทิ โทรทัศน์ 1 เครื่อง เงินสด 27,000 บาทที่เก็บไว้ในลิ้นชัก  เสื้อสูทราคา 30,000 บาทที่สั่งตัดจากประเทศอังกฤษ และเสื้อยืดกว่า 100 ตัวที่เตรียมไว้แจกทีมงานเพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมือง นอกจากนี้ยังมีพระเครื่อง ของเกจิอาจารย์ชื่อดังอีกหลายสิบองค์ ดังนั้นจะฟ้องดำเนินคดีกับแกนนำพธม.5คน ในทุกข้อหา อาทิ บุกรุกสถานที่ราชการ ห้องทำงาน ทำลายทรัพย์สินส่วนตัวและของทางราชการ เจตนาดูหมิ่นเหยียดหยาม 
 
"การนำอุจจาระมาป้ายไว้ที่ห้องผม ผมถือเป็นการหมิ่นประมาทอย่างรุนแรง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครมาหยามกันอย่างนี้ ผมเดาได้ว่าแกนนำคนไหนเป็นคนสั่งการ เพราะมันเล่นงานห้องผมมากกว่าห้องอื่นๆ เพราะคิดว่าผมเป็นคนสั่งการอะไรต่างๆ" พล.ต.ท. ชัจจ์กล่าว
 
อดีตรองเลขาธิการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุวงเงินที่จะฟ้องแพ่งได้ เพราะยังประเมินความเสียหายได้ไม่หมด แต่ไม่ว่าฟ้องเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่  คิดว่าแกนนำพธม. จะมีเงินจ่าย เพราะมีข่าวว่าแกนนำชื่อย่อ ส นำเงินไปฝากให้น้องสาวที่ต่างประเทศแล้ว 4,000 ล้านบาท ซึ่งไปคิดกันเอาเองว่าเงินตั้งมากมายมาจากไหน
 
ขณะที่คณะทำงานของนายชูศักดิ์ ศิรินิล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เข้าสำรวจห้องทำงานบนตึกบัญชาการ 1 ชั้น 2 กล่าวว่า ในวันที่ 8 ธันวาคม สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.)นัดสรุปรายการความเสียหายทั้งหมด ซึ่งนายชูศักดิ์และคณะทำงานยืนยันจะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากพธม. แน่

นอกจากนี้จากการเข้าตรวจสอบห้องทำงานของนายชูศักดิ์ พบความผิดปกติเกิดขึ้นในห้องประชุมเล็กของทีมงาน โดยมีการย้ายพระพุทธรูปหลวงพ่อโสธร ซึ่งเป็นพระประธานที่นายชูศักดิ์อัญเชิญมาไว้ที่ห้องทำงาน มาวางไว้บนโต๊ะที่สูงจากเพื้นเพียง 1 ฟุต และยังนำเหรียญหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ จ. ปัตตานี และเหรียญหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ. พิจิตร มาวางที่โต๊ะ พร้อมกับมีพระแม่ธรณีบีบมวยผมด้วย จึงสันนิษฐานว่าน่าจะมีการประกอบพิธีไสยศาสตร์บางอย่างขึ้นในห้อง
 
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชี้แจงกรณีความเสียหายในทำเนียบรัฐบาล และในสนามบินทั้งสองแห่งภายหลังกลุ่มพันธมิตรยุติการชุมนุม และเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบว่า เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องและยืนอยู่บนข้อเท็จจริง จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้ 1.กรณีความเสียหายในทำเนียบรัฐบาลที่ปรากฏเป็นข่าว ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์บางส่วนหายไป โต๊ะถูกงัดแงะ หรือเบาะที่ถูกกรีดนั้นเป็นความเสียหายในตึกบัญชาการ 1 และ 2 ส่วนตึกสำคัญที่มีข้าวของทรัพย์สินราชการสำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็นตึกไทยคู่ฟ้า ห้องทำงานนายกฯ ที่ประชุม ครม. ห้องรับแขกบ้านแขกเมือง ตึกสันติไมตรี และตึกนารีสโมสร ทุกอย่างอยู่ครบ ผู้อำนวยการกองสถานที่ทำเนียบ และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 8 องค์กร ไม่ว่าจะเป็นจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  ส.ว. พีเน็ต สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่เข้าไปตรวจสอบในวันแรกก็ยืนยันตรงกันว่าไม่มีความเสียหายใดๆ ทุกอย่างอยู่ครบเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนเดิมทุกประการ หากมีภาพความเสียหายในตึก 3 ตึก ปรากฏออกมาเท่ากับว่ามีการกลั่นแกล้งพันธมิตร ซึ่งในระหว่างตรวจสอบทางพันธมิตรได้บันทึกภาพวิดีโอและถ่ายภาพนิ่งไว้แล้วไม่วิตกแต่อย่างใดและพร้อมนำเป็นพยานในชั้นศาล

2.สำหรับความเสียหายที่ปรากฏในตึกอื่นๆ และข้าวของเจ้าหน้าที่ทำเนียบบางส่วนที่ถูกขโมยไปต้องว่ากันตามข้อเท็จจริง สำหรับเบาะที่ถูกกรีดและข้าวของที่หายไปบางส่วน เชื่อว่าเป็นฝีมือของมิจฉาชีพและพวกที่แฝงตัวเข้ามาสร้างความเสียหาย และโยนผิดให้กับพันธมิตร เพราะในระหว่างชุมนุมที่ทำเนียบการ์ดพันธมิตรจับกุมแก๊งมิจฉาชีพที่เข้ามาขโมยคอมพิวเตอร์ รถมอเตอร์ไซค์ และข้าวของอื่นๆ ในทำเนียบ ซึ่งจับกุมได้กว่า 10 คน และส่งตัวให้ตำรวจ สน.นางเลิ้ง ลงบันทึกคำให้การไว้ทุกครั้ง รวมทั้งเก็บของกลางไว้หลายส่วน

"อยากเตือนเจ้าหน้าที่ทำเนียบบางคนอย่าฉวยโอกาสกลั่นแกล้งพันธมิตร ถ้าต้องถูกดำเนินคดีแกนนำพันธมิตรก็พร้อมต่อสู้ และถ้าแพ้คดีก็พร้อมรับผิดชอบไม่มีปัญหาอะไร ขอให้ทุกอย่างว่าไปตามข้อเท็จจริง" นายสุริยะใสกล่าว และว่า หากพันธมิตรมุ่งหมายให้เกิดความเสียหาย หรือทำลายข้าวของในทำเนียบจริง ทำไมไม่เลือกลงมือที่ตึกสำคัญ 3 ตึก คือ ตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี ตึกนารีสโมสร ที่เป็นหัวใจสำคัญของทำเนียบรัฐบาล มีข้าวของทรัพย์สินราชการมูลค่ามหาศาล ซึ่งตรวจสอบแล้วไม่มีความเสียหายใดๆ เลย

3.ส่วนภาพรวมความเสียหายอื่นๆ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นที่ทำเนียบรัฐบาล ที่สนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมินั้น สนามบินทั้ง 2 แห่ง แทบไม่มีความเสียหาย ถ้าจะมีก็เกิดจากระเบิดที่ถูกยิงเข้ามาจากฝ่ายตรงกันข้าม และในช่วงเจ้าหน้าที่การท่าอากาศยานฯที่เข้ามาเจรจากับพันธมิตร เพื่อเปิดสนามบินก็รับทราบ และยืนยันว่าจะไม่มีการดำเนินคดี เรื่องนี้ถ้าเสียหายจริงก็คงไม่สามารถเปิดสนามบินทั้ง 2 แห่งได้รวดเร็วขนาดนี้ การเตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหายจากพันธมิตรหลายหมื่นล้านบาทจากบอร์ดการบินไทย และบอร์ดการท่าอากาศยานฯ จึงเป็นการผิดสัจจะวาจา เพราะบอร์ดของทั้ง 2 องค์กรหลายคนรับใช้ระบอบทักษิณ ทำให้คุณค่าของการเจรจาเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองไม่ได้รับความน่าเชื่อถือจากทั้ง 2 องค์กร ถ้ามีความขัดแย้งในรอบหน้าอาจทำให้การเจรจาเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองไม่มีความหมายอีกต่อไป

นายสุริยะใสกล่าวว่า ความเสียหายจากการปิดสนามบินในครั้งนี้พันธมิตรไม่เคยปฏิเสธว่าไม่มีความเสียหาย และคงเทียบไม่ได้กับการสูญเสียของประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่เข้าร่วมเคลื่อนไหวอย่างสันติ อหิงสา จนต้องเสียชีวิตทั้งหมด 7 คน และบาดเจ็บมากกว่า 700 คน จากการปราบปรามของรัฐบาล ซ้ำร้ายยังปฏิเสธความรับผิดชอบมาตลอด ทุกฝ่ายต้องทำความเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นว่าเป็นความขัดแย้งทางการเมืองที่มีมูลเหตุจากความไม่เอาไหนของรัฐบาล ที่ปล่อยให้บริหารบ้านเมืองไปแม้แต่นาทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะจะยิ่งสร้างความเสียหายให้กับสังคมทุกส่วนมากขึ้นแบบทบเท่าทวีคูณ

"พันธมิตรขอย้ำว่าไม่ได้มีเจตนาสร้างความเสียหาย แต่การเคลื่อนไหวทั้งหมดของเรา โดยเฉพาะยุทธการม้วนเดียวจบต้องการหยุดความไม่ชอบธรรมของรัฐบาล หยุดความเสียหาย และความพินาศของชาติบ้านเมืองให้เร็วที่สุดเท่านั้นเอง" นายสุริยะใสกล่าว

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์