จตุพร ชี้มีใบสั่งยุบพรรค เสื้อแดง โวยทหารทีศาลปกครองอารักขาเข้ม แต่ 2 สนามบินกลับปล่อยให้ยึด


คนเสื้อแดงไม่พอใจคำตัดสินยุบพรรค กรูปิดล้อมทางออกอาคารศาลปกครอง พันธมิตรฯได้เฮสุดๆ โห่ร้อง ตะโกนดีใจยาวกว่า 10 นาที "จตุพร" ลั่นไม่มีใครเชื่อไม่มีใบสั่ง สับศาลรธน.ไม่สง่างาม เหน็บทหารอารักขาการพิจารณาคดีเข้มข้นหลือเกิน

เสื้อแดงฉุนตัดไฟ-พธม.ดีใจ
 
ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม หลังจากศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำพิพากษายุบพรรคพลังประชาชนเสร็จ ผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่มาชุมนุมบริเวณศาลปกครองกว่า 1 พันคนได้โห่ร้องแสดงความไม่พอใจ โดยกรูเข้ามาปิดเส้นทางเข้าอาคารศาลปกครองทุกด้าน ๆ ละ 40-50 คน จนศาลปกครองสูงสุดได้ออกประกาศให้ฝูงชนออกจากบริเวณศาลภายใน 15 นาที มิฉะนั้นจะถือว่าละเมิดอำนาจศาล แต่ผู้ชุมนุมไม่ฟังและปักหลักอยู่ที่เดิม จนเวลา 13.13 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ใช้ไม้ไผ่เขี่ยสายไฟหน้าที่ทำการศาลปกครองจนเกิดระเบิด ทำให้ไฟฟ้าในศาลปกครองดับ จากนั้นเวลา 13.30 น. นายชินวัตร หาบุญพาด แกนนำ ได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมไปรวมตัวที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เวลา 16.30 น.

ส่วนที่สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทราบคำวินิจฉัยของศาลต่างพากันโห่ร้องและตะโกนอย่างดีใจเป็นเวลานานกว่า 10 นาที

ศาลปกครองเลื่อน29คดี

เวลา 10.00 น. เกิดเหตุวุ่นวายอีกครั้ง เมื่อผู้ชุมนุมฉวยโอกาสกรูมาประชิดหน่วยอรินทราชเพื่อจะเข้าไปในอาคาร ทำให้ปะทะกันเล็กน้อย นายดิเรกฤทธิ์ เจนคลองธรรม ผู้อำนวยการสำนักนโยบายศาลปกครองสูงสุด ต้องเรียกนายชินวัตร หาบุญพาด ไปทำความเข้าใจว่าที่ทำการศาลปกครองเป็นเขตอำนาจศาล ต้องชุมนุมโดยสงบ การส่งเสียงดังหรือใช้เครื่องขยายเสียง ศาลสามารถดำเนินคดีอาญากับผู้ชุมนุมได้
 
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การชุมนุมดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อการทำงานของศาลปกครองสูงสุดและศาลปกครองกลางมาก เนื่องจากมีมีคดีนัดพิจารณาและไต่สวน รวม 29 คดี โดยองค์คณะตุลาการทุกคณะได้สั่งเลื่อนพิจารณาคดีออกไปไม่มีกำหนด

เสื้อแดงบุกล้อมศาลรัฐธรรมนูญ
 
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้เปลี่ยนสถานที่นัดแถลงปิดคดียุบ 3 พรรคการเมือง จากศาลรัฐธรรมนูญ ถ.จักรเพชร มาเป็นศาลปกครอง ถ.แจ้งวัฒนะ เนื่องจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ กลุ่มนปช. ประมาณ 300-400 คนเได้มาปิดล้อมตั้งแต่ 06.30 น. แต่เมื่อทราบว่ามีการเปลี่ยนสถานที่ก็พากันเคลื่อนย้ายมาชุมนุมที่ศาลปกครอง ถ.แจ้งวัฒนะทันที โดยทยอยมากว่า 1 พันคนปิดล้อมถนนตั้งแต่หน้ากรมการกงศุลถึงหน้าบริษัท ไปรษณีย์ไทย นอกจากนี้ยังมีกลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้างกว่าร้อยคัน ทำให้การจราจรบนถ.แจ้งวัฒนะติดขัด ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมพยายามขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่ศาลปิดประตูและกรูกันเข้าไปในบริเวณศาลปกครองส่วนด้านนอกผู้ชุมนุมบางส่วนได้รื้อป้ายควบคุมจราจรชั่วคราวในบริเวณนั้น เพื่อนำเสาไม้มาใช้เป็นอาวุธด้วย
 
นอกจากนี้ ยังมีการนำรถ 6 ล้อ จำนวน 2 คัน พร้อมติดเครื่องขยายเสียง โดยมีนายชินวัตร หาบุญพาด แกนนำ นปช.รุ่น 2 ขึ้นกล่าวโจมตีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พรรคประชาธิปัตย์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญการทหารบก (ผบ.ทบ.) รวมทั้งนายจรัญ ภักดีธนากุล หนึ่งในเก้าตุลาการรัฐธรรมนูญ ว่ามีคุณสมบัติไม่เหมาะสมในการตัดสินคดี

ทหารพร้อมอาวุธคุ้มกันตุลาการ
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านการดูแลรักษาความปลอดภัย นอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 150 นาย และหน่วยอรินทราชอีก 150 นาย พร้อมโล่และกระบองมายืนรักษาความปลอดภัยแล้ว เวลา 9.50 น. มีทหารพลร่มป่าหวายประมาณ 10-15 นายพร้อมอาวุธครบมือ ทั้งปืนเอ็ม 16 ลูกระเบิด และปืนพก วิ่งกรูจากประตูด้านหน้าถ.แจ้งวัฒนะเข้ามาภายในอาคารชั้น 3 ของศาลปกครองเพื่ออารักขาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ชุมนุม และถูกผู้ชุมนุมขับไล่ พร้อมกล่าวโจมตีด้วยความไม่พอใจว่า ที่นี่ไม่ใช่ที่ของทหาร ทำไมไม่ไปจัดการกลุ่มพันธมิตรที่สนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ

สับย้ายสถานที่พิจารณา-ทหารคุมเข้ม

วันเดียวกันเวลา 17.00 น.  ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่ามีการจัดรายการความจริงวันนี้สัญจรเป็นวันที่ 3 โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากมีกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางกลับมาจากการชุมนุมที่ศาลปกครอง มาสมทบ  โดยมีการแสดงดนตรีร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน กระทั่งเวลา 17.25 น. นายวีระ มุสิกพงศ์ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.ร่วมกันแถลงถึงเหตุการณ์ที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำตัดสินวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชน และอีก 2 พรรคคือพรรคชาติไทย และมัชฌิมาธิปไตย โดยนายจตุพร กล่าวว่า การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ามีความเร่งรีบในการตัดสินคดี ทั้งการที่ย้ายสถานที่พิจารณาไปที่ศาลปกครอง แสดงให้เห็นถึงความไม่สง่างาม ขอตั้งข้อสังเกตว่ากรณีที่ทหารทำการอารักขาการพิจารณาคดีของตุลาการอย่างเข้มข้นในหลายสถานที่นั้น  ถ้าหากทำการอารักขาสนามบินทั้งสองแห่งเหมือนกับอารักขาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็จะดีมากเลยทีเดียว

พปช.ถูกยุบเรื่องเล็กรู้ผลล่วงหน้าแล้ว
 
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำขึ้นกล่าวบนเวที ว่า กลุ่มคนเสื้อแดงจะยังชุมนุมต่อไปจนถึงวันที่ 4 ธันวาคม จากนั้นแกนนำจะประชุมกำหนดท่าทีอีกครั้ง ถ้ากลุ่มพันธมิตรมีเงื่อนไขที่จะไม่ถูกดำเนินคดี กลุ่ม นปช.จะไปจัดการกับผู้มีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้ เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นใน 6 เดือนที่ผ่านมา ไม่สามารถทดแทนกันได้ ต่อจากนี้ไปเป็นขั้นตอนที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายกับกลุ่มพันธมิตร ต้องทำตามกฎหมาย ไม่อาจยกเว้นได้ และในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ ยังคงมีการโฟนอินของ พ.ต.ท.  ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯมาที่สนามกีฬาแห่งชาติแน่นอน

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตโฆษกรัฐบาล กล่าวถึงกรณีพันธมิตรประกาศยุติการชุมนุมว่า หวังว่าจะยุติถาวร ไม่ใช่พักเพื่อรอเวลาออกมาอีกตอนเลือกนายกฯใหม่

 
นายจตุพร กล่าวว่า แม้พรรคพลังประชาชน จะถูกยุบไป ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมากและรู้ผลมาล่วงหน้าแล้ว ว่าผลการตัดสินจะออกมาในรูปแบบนี้ แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการยุบสภาเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะมีแกนนำพรรคที่ไม่เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคอีกประมาณ 20 คน สามารถทำหน้าที่แทนได้ ขณะที่การเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่นั้น ก็มีบุคคลในพรรคที่เหมาะสมอยู่หลายคน เพราะถ้าหากมีการเลือกตั้งใหม่ปัญหาก็จะไม่จบ ก็จะเจอกลุ่มพันธมิตรฯ เช่นเดิม รวมทั้งจะเจอรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่มีปัญหา ทั้งนี้ตนและ ส.ส.พรรคบางส่วนได้เตรียมตัวย้ายไปอยู่พรรคเพื่อไทยที่รองรับอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร

ส่วนกรณีที่นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปรัฐบาลระบุ ว่า จะเสนอให้นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภาให้เปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และพิจารณากรอบการเจรจาอาเซียนตามมาตรา 190 ในวันที่ 8-9 ธันวาคมนี้ ยืนยันว่า การประชุมสภาในวันดังกล่าวต้องเกิดขึ้นแน่นอน หากกลุ่มพันธมิตรส่งสัญญาณจะปิดล้อมรัฐสภาเมื่อไหร่ทางกลุ่มเสื้อแดงก็พร้อมที่จะมาอารักขารัฐสภาทันที เพื่อเปิดทางให้มีการประชุมสภาให้ได้

"ยืนยันว่าจะไม่มีการปะทะกับกลุ่มพันธมิตรแน่นอน เพราะเมื่อประชุมเสร็จแล้วก็จะแยกย้ายกันเดินทางกลับทันที"นายจตุพรกล่าว

เวลา 21.10 น. นายวีระ มุสิกพงศ์ ปราศรัยบนเวที นปช.ว่า วันที่ 5 ธันวาคม จะพักการชุมนุม 1 วัน จากนั้นวันที่ 6 และ 7 ธันวาคม อาจจะย้ายไปท้องสนามหลวง และวันที่ 8 ธันวาคมจะไปรัฐสภา

ตั้งข้อสังเกต"สนธิ"ปราศัยไม่ให้"สมชาย"เข้าเฝ้า

นายจตุพร กล่าวถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เคยกล่าวปราศรัยบนเวทีทำเนียบรัฐบาล โดยระบุว่า จะไม่ให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เข้าเฝ้าฯ ในวันที่ 4 ธันวาคม ถือว่า นายสนธิประสบความสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะกรณีที่นายสมชายไม่ได้ร่วมพิธีราชวัลลภที่ลานพระบรมรูปทรงม้า อีกทั้งยังมีการสอดรับการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรค ซึ่งไม่มีใครเชื่อว่าไม่มีใบสั่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วย ว่า หลังแถลงข่าวเสร็จนายจตุพรได้หยิบธนบัตรปลอม ใบละ 1000 บาท จำนวน 2 ใบ มาให้ผู้สื่อข่าวดู โดยระบุว่านำมาจากบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล และบางส่วนของจังหวัดสมุทรปราการ

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์