พธม.ดิ้นฟ้องศาลปกครองปลดประกาศฉุกเฉิน สนธิ เลือดเข้าตาสู้ไม่ถอย เหวง-สันต์ หวิดโดนชกหน้า


พธม.หนีไม่ออก ศาลแพ่งยกคำร้องให้ยกเลิกคำสั่งพ้น "สุวรรณภูมิ" ดิ้นฟ้องศาลปกครองให้ประกาศฉุกเฉินไม่มีผลบังคับใช้ชั่วคราว "สนธิ" ลั่นเลือดเข้าตาสู้ไม่ถอย แกนนำทหารเสือพระราชาฉุนพ่อถูกซ้อมตาย ลิ่วเข้าชกหน้า "เหวง-สันต์"

บึ้ม-ยิงสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี

คนร้ายยังคงก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง และระเบิดป่วนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่ปักหลักที่ทำเนียบรัฐบาล ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ต.อ.มานิตย์ จันทร์จำเริญ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (รอง ผบก.น.1) พ.ต.อ.ขิง แขวงวิเศษชัยชาญ ผกก.สน.ชนะสงคราม พร้อมกำลังเข้าตรวจสอบเหตุระเบิดที่ด้านหลังสำนักงานสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี อาคารบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร (กทม.) พบว่ากระจกห้องทำงานชั้น 4 ซึ่งเป็นห้องสตูดิโอ ได้รับความเสียหายหลายบาน นอกจากนี้พบปลอกกระสุน 11 มม. ตกอยู่ที่พื้นด้านหลังอาคารหลายปลอก

ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งเข้าตรวจสอบบริเวณสวนสันติชัยปราการ พบชายต้องสงสัยกำลังโยนอาวุธปืนลงน้ำ จึงเข้าควบคุมตัวมาสอบสวน ทราบว่าชื่อ นายพรชัย สงวนพจน์ อายุ 41 ปี ตรวจค้นพบอาวุธปืนขนาด 11 มม. 2 อัน กระสุนปืนขนาด 11 มม. 6 นัด กระสุนขนาด .22 จำนวน 50 นัด เสื้อกันกระสุน บัตรสตาฟฟ์บ้านเจ้าพระยา บัตรห้อยคอการ์ดพันธมิตร ผ้าโพกหัวสีเหลืองกู้ชาติ กล้องส่องทางไกล

นายพรชัยให้การว่า เป็นการ์ดพันธมิตรประจำจุดสำนักงานเอเอสทีวี ก่อนเกิดเหตุเห็นเรือเร็วแล่นมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วมาจอดลอยลำอยู่ห่างอาคารประมาณ 100 เมตร จากนั้นสังเกตเห็นคนในเรือใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่เข้ามายังอาคาร จึงใช้อาวุธปืน 11 มม. ยิงสวนไปจนหมดเเม็ก ก่อนที่เรือลำดังกล่าวจะแล่นหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ต่อมามีเจ้าหน้าที่มายังบริเวณจุดเกิดเหตุ ทำให้ตนตกใจโยนปืนทิ้งลงในแม่น้ำ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหานายพรชัยว่า พกพาอาวุธปืน และยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนจะให้นักประดาน้ำงมเพื่อตรวจหาอาวุธปืนดังกล่าว

ป่วนม็อบดอนเมือง-สุวรรณภูมิ

ด้านนายวรรัฐ ภูษาทอง ผู้สื่อข่าวเอเอสทีวี กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุกำลังจะออกเวรจึงเก็บข้าวของเตรียมกลับบ้าน ก็ได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง จึงรีบวิ่งออกมาด้านนอกอาคารและหลังจากนั้นก็มีเสียงปืนดังต่อเนื่องกันประมาณ 5-10 นาที เมื่อเสียงปืนสงบลง จึงเข้าไปดูภายในห้องส่ง ซึ่งขณะนั้นนายณัฐวุฒิ มิตรมาก ผู้ดำเนินรายการกำลังอ่านสรุปข่าวเที่ยงคืน จากการตรวจสอบพบกระจกสตูดิโอแตกเป็นรูหลายจุด ส่วนนายณัฐวุฒิได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย บริเวณง่ามนิ้วมือมีเลือดไหล จากการถูกกระจกบาดมือระหว่างหลบกระสุน

"จากการสอบถามการ์ดพันธมิตรระบุว่า คนร้ายยิงระเบิด 2 ครั้ง น่าเป็นระเบิดเอ็ม 79 โดยเล็งไปชั้น 4 คาดว่าเป้าหมายการยิงระเบิดอยู่ที่จานดาวเทียมบนอาคาร แต่ระเบิดที่ยิงขึ้นไปถูกตาข่ายดักไว้ที่ชั้น 4 และเกิดระเบิดขึ้นก่อนทั้งหมด ซึ่งแรงระเบิดทำให้กระจกห้องทำงานที่ชั้น 4 แตกเล็กน้อย" นายวรรัฐกล่าว

ส่วนที่ท่าอากาศยานดอนเมือง คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่กลุ่มพันธมิตรที่ชุมนุมภายในอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ เมื่อเวลา 02.00 น. แต่กระสุนไม่ถูกใคร และเวลา 05.00 น. คนร้ายใช้รถกระบะเป็นพาหนะ ขับมาตามถนนวิภาวดีรังสิต และใช้ปืนอาวุธปืนยิงใส่กลุ่มพันธมิตรอีกหลายนัด แต่กระสุนไม่ถูกใครเช่นกัน
ด้านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เกิดเหตุเสียงดังคล้ายระเบิดขึ้น 2 ครั้ง บริเวณภายนอกอาคารผู้โดยสาร เมื่อเวลา 01.30 น. เบื้องต้นคาดว่าเป็นประทัดยักษ์

อัยการตีกลับถอนประกัน9แกนนำ

นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวว่า ช่วงเช้าวันนี้ (28 พฤศจิกายน) ได้รับหนังสือจากพนักงานสอบสวน บช.น. ขอให้พิจารณาถอนประกันตัว 9 แกนนำพันธมิตร ในข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปเพื่อก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง แต่พิจารณาแล้วเห็นว่า ในหนังสือไม่ได้ระบุรายละเอียดและสาเหตุที่จะให้อัยการพิจารณาเพิกถอนประกัน จึงส่งหนังสือแจ้งกลับไปยังพนักงานสอบสวน เพื่อให้ทำหนังสือพร้อมระบุถึงรายละเอียด เหตุผลต่างๆ ในการถอนประกันให้ชัดเจนและส่งกลับมาให้อัยการพิจารณาใหม่ 

นายกายสิทธิ์กล่าวว่า สำหรับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ผู้ต้องหาที่ 1 และนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ผู้ต้องหาที่ 7 ที่ถูกจับกุมตัว และได้รับการประกันตัวจากศาลอาญา ขณะนี้พ้นกำหนดระยะเวลาฝากขังครั้งสุดท้าย และศาลได้มีคำสั่งให้ปล่อยตัวไปแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องยื่นคำร้องให้อัยการเพิกถอนประกันตัว จึงมีเพียงผู้ต้องหาอีก 7 คนที่เหลือเท่านั้น ที่อัยการสามารถสั่งเพิกถอนประกันตัวได้

จัดบินพิเศษ"หาดใหญ่-เจดดาห์"

พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ ปฏิบัติหน้าที่ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรณีบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้ผู้โดยสารชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ไม่สามารถเดินทางได้ ในวันที่ 28 พฤศจิกายน บริษัทได้จัดเที่ยวบินพิเศษ เที่ยวบินที่ ทีจี 8534 เส้นทางหาดใหญ่-เจดดาห์ ออกจากหาดใหญ่ เวลา 15.35 น. ถึงเจดดาห์ เวลา 22.14 น. (เวลาท้องถิ่น) ด้วยเครื่องบินแบบแอร์บัส เอ 300-600 ซึ่งสามารถจุผู้โดยสารได้ 250 คน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย

"การบินไทยจะพยายามประสานกับแกนนำพันธมิตร เพื่อนำประชาชนชาวไทยมุสลิม 420 คนที่ติดค้างอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิมาแล้ว 4 วัน เพื่อเดินทางไปยังนครเมกกะให้ได้ทันตามกำหนด เพราะซาอุดีอาระเบียจะปิดบริการเดินทางเข้าประเทศก่อนสิ้นเดือนนี้" พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์กล่าว และว่า ส่วนผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ตกค้างอยู่ประมาณ 6,000 คน ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดหาที่พักตามโรงแรมใกล้สนามบิน และจังหวัดใกล้เคียง ขณะนี้ได้นำผู้โดยสารไปขึ้นเครื่องที่สนามบินอู่ตะเภาได้แล้วส่วนหนึ่ง และคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 4-5 วัน จึงจะสามารถจัดส่งผู้โดยสารตกค้างออกไปได้หมด

พันธมิตรประสาน"บิ๊กบัง"ช่วย

ด้านนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตร กล่าวถึงกรณีชาวมุสลิมที่รอไปประกอบพิธีฮัจญ์ ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ว่าได้ประสาน 3 สายการบิน ได้แก่ การบินไทย กัลฟ์แอร์ และอิหร่านแอร์ โดยในวันนี้ เวลา 12.35 น. การบินไทยเที่ยวบินทีจี 8534 จะบินเครื่องเปล่าจากดอนเมืองไปรับผู้โดยสารที่สนามบินหาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อนำพี่น้องมุสลิมไปซาอุดีอาระเบีย กัลฟ์แอร์จะรับชาวมุสลิมที่ตกค้างในสนามบินอู่ตะเภา เพื่อไปซาอุดีอาระเบียเช่นกัน ส่วนอิหร่านแอร์ได้ประสานกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)  ซึ่งสนิทกับผู้ใหญ่ในรัฐบาลอิหร่าน ช่วยประสานสายการบินอิหร่านแอร์มารับชาวมุสลิมที่ประเทศไทย ไม่เกินวันที่ 2 ธันวาคมนี้

ด้าน พล.อ.สนธิกล่าวว่า ได้ช่วยประสานงานทีมนักฟุตบอลอิหร่านที่รู้จัก ซึ่งขณะนี้อยู่ประเทศไทยติดต่อผู้บริหารสายบินอิหร่าน เพื่อให้สายการบินดังกล่าวมารับคนไทยมุสลิมที่จะไปฮัจญ์ แต่เขาแจ้งว่าสถานการณ์บ้านเมือง และสนามบินไทยไม่ปลอดภัย จึงได้บอกให้สถานทูตไปเคลียร์กันเองว่า สนามบินไหนที่ลงได้ช่วยมารับ ส่วนสถานการณ์บ้านเมืองคงจะถูลู่ถูกังไปอย่างนี้ คนจะปราบม็อบก็ไม่กล้า แต่รัฐบาลก็เดินไม่ได้ "พันธมิตรบอกว่าชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตย ส่วนรัฐบาลบอกว่ามาด้วยความถูกต้อง มันก็ต่างคนต่างไปไม่มีจุดจบ บ้านเมืองนั่นแหละจะจบ"

จัดระบบอู่ตะเภาเพิ่มไฟลท์บิน

นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ภายหลังเรียกประชุมตัวแทนสายการบิน และผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิถูกปิดล้อม ที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ว่าภายใน 48 ชั่วโมงจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมจัดระบบการดำเนินงานที่สนามบินอู่ตะเภาใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะสามารถเปิดทำการบินได้ถึง 48 ไฟลท์ต่อวัน จากขณะนี้ทำการบินได้ 6 ไฟลท์ต่อวันเท่านั้น และจะเริ่มทยอยขนนักท่องเที่ยวที่ตกค้างจากเหตุการณ์ปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิได้ทันที ตลอดจนเตรียมหารือกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ให้ยกเว้นการตรวจลงตราผู้โดยสารขาออก เพื่อลดความแออัดในการเข้าคิว เนื่องจากอาคารที่สนามบินอู่ตะเภาสามารถรองรับผู้โดยสารได้เพียง 400 คนเท่านั้น

"ขณะนี้อยู่ระหว่างตกลงกับสายการบินต่างๆ อาทิ ลุฟต์ฮันซ่า แควนตัส สแกนดิเนียเวีย เพื่อจัดหาโรงแรมในกรุงเทพฯ 4 แห่ง ทำการออกตั๋วให้กับผู้โดยสาร เพื่อลดขั้นตอนในการดำเนินการที่สนามบินอู่ตะเภาด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว จนถึงขณะนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวตกค้างเกือบ 1 แสนรายแล้ว หากเหตุการณ์ยังยืดเยื้อออกไปอีก คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวตกค้างไม่ต่ำกว่า 2-3 แสนราย"นายวีระศักดิ์กล่าว และได้เตรียมยื่นหนังสือถึงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้แต่งตั้งผู้อำนวยการศูนย์ภาวะฉุกเฉิน ซึ่งจะมีตัวแทนทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อให้การทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเพื่อการสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องกับนักท่องเที่ยว

ตร.เร่งคดีฆ่าพ่อพธม.เชียงใหม่

ด้านคดีกลุ่มคนฮักเชียงใหม่ 51 หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ที่รุมทำร้ายนายเศรษฐา เจียมกิจวัฒนา บิดาแกนนำกลุ่มทหารเสือพระราชา หรือกลุ่มพันธมิตรเชียงใหม่ จนเสียชีวิตนั้น พล.ต.ต.สุเทพ เดชรักษา ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ กล่าวว่า ได้ให้ความสำคัญและติดตามคดีอย่างใกล้ชิด ซึ่งต้องจับคนทำผิดให้ได้ ล่าสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีคำสั่งให้ พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร. เข้าควบคุมคดี ขณะที่ บช.ภ.5 มอบหมายให้ พล.ต.ต.จิรุจจ์ พรหโมบล รอง ผบช.ภ.5 ควบคุมการสอบสวน นอกจากนี้ ตนได้ตั้ง พ.ต.อ.ภาณุเดช บุญเรือง รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ควบคุมและตั้งชุดสืบสวนสอบสวนคดี

"ได้เรียกพยานมาสอบ และนำภาพวิดีโอที่ถ่ายได้จากสื่อมวลชนมาดู เบื้องต้นยังไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แต่รายละเอียดได้ระดับหนึ่ง เชื่อว่าต้องจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุให้ได้โดยเร็ว"พล.ต.ต.สุเทพกล่าว

ลูกยัวะปรี่จะชก"เหวง-สันต์"

วันเดียวกัน นายเทิดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา แกนนำกลุ่มทหารเสือพระราชา บุตรชายนายเศรษฐา ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน วุฒิสภา เพื่อให้สอบสวน กรณีนายเศรษฐาถูกกลุ่มคนเสื้อแดงทำร้ายเสียชีวิต แต่ระหว่างที่นั่งรออยู่ภายในห้องแถลงข่าว ที่รัฐสภา นายเทิดศักดิ์ได้เดินเข้าไปชี้หน้าต่อว่า นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่กำลังแถลงข่าวเรียกร้องให้ประชาชนต่อต้านรัฐประหารด้วยสันติวิธีทุกรูปแบบ โดยนายเทิดศักดิ์ได้ตะโกนย้ำหลายครั้งว่า "ทีพวกมึงรุมฆ่าพ่อกู มึงยังทำได้ ให้พวกมึงระวังไว้"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย สภาพยายามเข้าล็อคตัว แต่นายเทิดศักดิ์ดิ้นหลุด และปรี่จะเข้าชกหน้า นพ.เหวง และ นพ.สันต์อีกครั้ง ทำให้นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน ได้ชี้หน้าด่าว่า "เอามันออกไป รปภ.ปล่อยให้มันเข้ามาได้อย่างไร" นายเทิดศักดิ์จึงพยายามดิ้นเพื่อจะเข้าชกนายสุรพงษ์ พร้อมตะโกนท้าทายอย่างมีอารมณ์ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะล็อคตัวนายเทิดศักดิ์ออกไปจากห้องแถลงข่าว นำตัวมาสงบสติอารมณ์ในห้องนักข่าวรัฐสภา โดยมีกลุ่ม 40 ส.ว.อยู่ด้วย ซึ่งนายสมชาย เป็นผู้รับรองนายเทิดศักดิ์เข้ามา ถึงกับมีสีหน้าที่เคร่งเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ยันปกป้องสถาบัน-ไม่ใช่พธม.

ต่อมาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้แจ้งไปยัง สน.ดุสิต เพื่อให้เข้ามาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ขณะที่นายเทิดศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่มทหารเสือพระราชา ต้องการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ที่ผ่านมาถูกกระทำด้วยความรุนแรง และโดนทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธหลายชนิด 15 ครั้ง จนครั้งสุดท้ายพ่อของตนคือนายเศรษฐา ถูกรุมทำร้ายด้วยอาวุธมีดจนเสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ 25 พฤศจิกายน 

"พวกผมไม่ใช่พวกพันธมิตร แต่เป็นกลุ่มที่ต่อต้านขบวนการล้มล้างสถาบันที่ยังไม่ยอมหยุดพฤติกรรมจาบจ้วง มีการผลิตวิดีโอ และซีดีในเชียงใหม่ ซึ่งคนที่สั่งการคือ อดีต 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และผมรู้ว่าใครเป็นคนสั่งฆ่าพ่อของผม ต่อจากนี้จะไปรวมกับกลุ่มพันธมิตร" นายเทิดศักดิ์กล่าว

องคมนตรีให้คนชม.หนักแน่น

นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี กล่าวระหว่างเปิดนิทรรศการในหลวงกับสถาปัตยกรรมไทย ในงานสถาปนิกล้านนา′51 ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ว่า ดีใจที่ได้มาเชียงใหม่ ในช่วงที่อากาศเยือกเย็น แม้ว่าขณะนี้เหตุการณ์บ้านเมืองไม่สู้ปกติ แต่เชื่อมั่นว่าชาวล้านนาและชาวเชียงใหม่ จะมีความหนักแน่นและมั่นคงต่อชาติบ้านเมือง

ศาลแพ่งยกคำร้องพันธมิตร

เวลา 15.00 น. ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความกลุ่มพันธมิตร ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน และขอให้ยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ให้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรและแนวร่วมรวม 13 คน นำกลุ่มผู้ชุมนุมออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ตามที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง เรื่องละเมิดและขับไล่ 

นายสุวัตรกล่าวว่า เมื่อมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ และมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบ เป็นเหตุให้คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลแพ่งสิ้นสุดลง เพราะอำนาจของคณะกรรมการดังกล่าวมีมากกว่าศาล คาดว่าศาลจะมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวทันที เช่นเดียวกับคดีทำเนียบรัฐบาล

ต่อมาศาลได้มีคำสั่งให้ยกคำร้อง โดยพิเคราะห์ว่า การที่ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาเป็นกระบวนการยุติธรรมโดยใช้อำนาจทางตุลาการ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ส่วนนายกรัฐมนตรีอาศัยอำนาจตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับมีเจตนารมณ์ที่แตกต่างกัน

ฟ้องศาลปค.สูงสุดเลิก"ฉุกเฉิน"

เวลา 16.00 น. ที่ศาลปกครองสูงสุด ถนนแจ้งวัฒนะ นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความฝ่ายสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ ในฐานะประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ยื่นฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งนายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของ ครม. ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตดอนเมือง เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ และ อ.บางพลี อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ โดยคำร้องอ้างว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไม่เข้าองค์ประกอบตามที่กำหนดไว้ตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ทั้งเนื้อหาและข้อกำหนดตามประกาศขัดต่อบทบัญญัติและเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมายหลายฉบับ เนื่องจากไม่ปรากฏว่า เกิดความวุ่นวาย โดยพันธมิตรชุมนุมด้วยความสงบ ไม่มีความรุนแรง หรือการทำลายทรัพย์สินให้เสียหายแต่อย่างใด จึงขอให้ศาลปกครองไต่สวนฉุกเฉินโดยเร่งด่วน เพื่อมีคำสั่งกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ให้คำสั่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินสิ้นผลบังคับใช้เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษา ซึ่งศาลได้มีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณา

จับ2นักรบศรีวิชัยพร้อมปืน

เวลา 16.30 น. พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น. 2 แถลงข่าวว่า ฝ่ายสืบสวน บก.น.2 จับกุมนักรบศรีวิชัย 2 คน ประกอบด้วย นายวิทยา วิยะเศษ อายุ 38 ปี อยู่ที่ 81/33 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ พร้อมอาวุธปืนขนาด 9 มม. กระสุนปืน 12 นัด เสื้อเกราะ 1 ตัว ปืนอัดลม 1 กระบอก กล้องส่องทางไกล 1 อัน บัตรคล้องคอนักรบศรีวิชัย หมายเลข 310 ลูกแก้ว 7 ลูก ลูกเหล็ก 4 ลูก บัตรแสดงตัวผู้สื่อข่าวระบุชื่อนายวิทยา สังกัดนิตยสารศิรินทร์ 39 กองสารนิเทศ และกิจกรรมพิเศษ และจับกุมนายพิทักษ์พล วิยะเศษ อายุ 38 ปี อยู่ที่ 29/21 ซอยอาทรอุปถัมภ์ เขตบางซื่อ ซึ่งเป็นญาติกับนายวิทยา พร้อมอาวุธปืนขนาด .45 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน 34 นัด วิทยุรับส่ง 1 เครื่อง กล้องวิดีโอ 1 เครื่อง มือตบ 1 อัน บัตรนักรบศรีวิชัย หมายเลข 278  

"ยังพบกระดาษบันทึกการเบิกจ่ายเงินชุดอารักขาที่บ้านพระอาทิตย์ ระบุชื่อ พล.ต.ต.วิทยา เป็นผู้ควบคุม ตั้งแต่วันที่ 1-10 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งมีลูกทีม 10 นาย ระบุค่าจ้างทำงานวันละ 500 บาท โดยมีผู้เบิกเงินแทนระบุชื่อ พ.ต.ต.เศรษฐภัทร เรืองวานิช ลงวันที่ 10 มิ.ย. 51 แต่จากการตรวจสอบพบว่าชื่อจริง คือนายเศรษฐภัทร เรืองวานิชŽ พ.ต.อ.เจริญกล่าว และว่า ฝ่ายสืบสวนทราบมาว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เป็นหัวหน้านักรบศรีวิชัย คอยควบคุมลูกทีมรักษาความปลอดภัยโดยรอบทำเนียบรัฐบาลและบ้านพระอาทิตย์ ซึ่งการสอบสวนนายพิทักษ์พล สารภาพว่าเป็นการ์ดของพันธมิตรจริง ส่วนนายวิทยา ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นการ์ด เป็นเพียงผู้เข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรเท่านั้น
ล้อมกรอบช่างภาพ-ไล่เอ็นบีที

ด้านบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มพันธมิตรได้ย้ายการชุมนุมจากบริเวณด้านหน้าห้องรับรองพิเศษ และอาคารสำนักงานการท่าอากาศดอนเมือง ซึ่งใช้เป็นทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว มาชุมนุมที่อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ห่างจากที่เดิมประมาณ 800 เมตร ตั้งแต่คืนวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมการ์ดพันธมิตรได้นำยางรถยนต์ แผงเหล็กและรถเข็นของสนามบินมาตั้งเป็นบังเกอร์ จำนวน 2-3 ชั้น และปิดทางเข้าออกสนามบินกับถนนวิภาวดีหลายจุด ป้องกันการเข้าสลายการชุมนุมหลังรัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน

เวลา 10.30 น. เกิดเหตุชุลมุนขึ้นเล็กน้อย เมื่อการ์ดพันธมิตรเข้าไปล้อมกรอบช่างภาพของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เนื่องจากเข้าไปถ่ายภาพผู้ชุมนุมบางส่วนที่นอนพักผ่อนอยู่ด้านหลังเวทีพันธมิตร จึงเกิดการโต้เถียงอย่างรุนแรง แต่นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ โฆษกบนเวทีพันธมิตรเข้ามาขอโทษ พร้อมเจรจาไกล่เกลี่ยเป็นเวลากว่า 10 นาที เหตุการณ์จึงสงบ โดยช่างภาพคนดังกล่าวยอมลบภาพที่ถ่ายทิ้งไป

เวลา 15.00 น. นายประพันธ์ คูณมี แนวร่วมพันธมิตรได้ประกาศบนเวทีชั่วคราว ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองว่า ขอให้ผู้สื่อข่าวและทีมงานของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีออกจากสนามบินดอนเมืองทันที เนื่องจากไม่พอใจที่เสนอข่าวบิดเบือนให้ร้ายพันธมิตร แต่ช่วงนั้นไม่มีผู้สื่อข่าวของเอ็นบีทีอยู่บริเวณการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร

"สนธิ"ลั่นเลือดเข้าตา-ไม่ถอย

เวลา 18.50 น. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตร ขึ้นเวทีทำเนียบรัฐบาลปราศรัย ว่า ขออย่าให้พี่น้องประชาชนตื่นเต้นกับการประกาศภาวะฉุกเฉิน เพราะตอนนี้เป็นวินาทีสุดท้าย ขอให้ยืนหยัดต่อสู้อย่าประมาท ทุกคนต้องพัฒนาตัวเอง เป็นทหารกล้าของพระราชา พระราชินี

เวลา 19.09 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร ขึ้นเวทีปราศรัยว่า มีโทรศัพท์จากพวกสานเสวนา บอกว่านายกรัฐมนตรีจะขอเจรจา แต่เราไม่มีอารมณ์เจรจามานานแล้ว ถ้าอยากจะสลายก็อย่าช้า เพราะวันนี้เลือดเข้าตาแล้ว ไม่ใช่แค่นายกฯลาออกคนเดียว แต่ต้องลาออกทั้งคณะ "วันนี้เลือดเข้าตาแล้ว ของมันขึ้น ไม่มีใครถอย ดังนั้นพี่น้องอย่าฟังข่าวลือใดๆ ทั้งสิ้น พันธมิตรไม่มีวันจะเจรจา ขอให้พี่น้องสบายใจได้ ขอเตือนนายสมชาย เตรียมลี้ภัยเข้าพม่าได้แล้วภายใน 48 ชั่วโมงนี้แน่นอนที่สุด"

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์