ทักษิณชักธงรบ ประกาศสงครามประชาชน

"แม้ผมถอย แม้ผมยอม เขาก็ยังฆ่าผมอยู่ดี พิสูจน์แล้วว่าแม้ผมจะถอยขนาดไหน เขาก็จะไม่ให้ที่ผมยืน วิธีการถอยไม่ได้ทำอะไรให้ผมดีขึ้น ฉะนั้นผมจะต้องสู้ "

เป็นคำพูดที่เปล่งออกจากปากของอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ระบายให้บรรดา ส.ส.พรรคพลังประชาชนฟังระหว่างการยกโขยงบินไปเยี่ยมที่เกาะฮ่องกง เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับการตัดสินใจจบชีวิตคู่ที่ยาวนานกว่า 32 ปีกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร อดีตภริยาคู่ทุกข์คู่ยาก

แม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์สร้างสีสันกันว่า การหย่าครั้งนี้เป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการไปแต่งงานกับนักร้องสาวหน้าตาจิ้มลิ้มนางหนึ่งก็ตาม

แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นที่รับรู้กันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ รักและเกรงใจ "คุณหญิงอ้อ" มาก ฉะนั้น มูลเหตุการหย่าร้างที่แท้จริงเป็นไปตามที่เพื่อนซี้ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างพล.ท.มะ โพธิ์งาม ส.ส.กาญจบุรี ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องการสู้อย่างเต็มที่ เป็นการสู้อย่างเทหน้าตัก โดยกันให้คุณหญิงอ้อ และบุตรทั้ง 3 ออกจากการศึกอันใหญ่หลวงที่มีเขาถือธงนำครั้งนี้

เป็นที่รู้กันดีว่านิสัยของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้นเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย จนทำให้พลิกผันจากข้าราชการตำรวจธรรมดาๆ กลายเป็นเศรษฐีที่ติดลำดับโลก

การต่อสู้ทางการเมืองครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน!!!

พ.ต.ท.ทักษิณจะใช้เงินจำนวนกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของเงินในส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณสามารถนำใช้จ่ายได้หลังจากแบ่งให้คุณหญิงพจมาน มาใช้ในการต่อสู้ในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนของภาคประชาชน ซึ่งจะมีการปลุกระดมในชนชั้นรากหญ้า ที่มีความจงรักภักดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ และยังคงมีความโหยหาต่อนโยบายประชานิยมที่เขาสร้างขึ้น

โดยกระบวนการเคลื่อนของประชาชนครั้งนี้จะอาศัยเครือข่ายที่มีอยู่เดิม เช่น กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จแห่งชาติ (นปช.) เครือข่ายชมรมคนรักทักษิณ และจะขยายวงกว้างให้มากขึ้นโดยอาศัยแรงจากคนที่อยู่ในชะตากรรมเดียวกัน อันได้แก่ สมาชิกบ้านเลขที่ 111 รวมไปถึงกลุ่มกรรมการบริหารพรรคทุกพรรค ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชาชน พรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย "ว่าที่คนถูกดอง" จากคำตัดสินของตุลาการรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคที่จะมีขึ้นในไม่ช้านี้ด้วย

และหากมวลมิตรเหล่านี้ยินยอมพร้อมใจลงเรือรบลำเดียวกันเมื่อใด "สงครามประชาชน" ย่อมเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โดยขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณเริ่มเดินเกมการปลุกระดมมวลชนทั้งที่ผ่านบริษัทล็อบบี้ยิสต์ และการโฟนอิน สื่อสารกับประชาชนโดยตรงผ่านรายการความจริงวันนี้สัญจร รวมไปถึงการเข้าสายในรายการวิทยุชุมชน เพื่อชี้แจงและขอความเห็นใจจากประชาชน เพื่อแปรเปลี่ยนความเห็นใจให้กลายเป็นกองกำลังในกลไกการใช้กำลัง ที่จะมีขึ้นภายหลังจากพรรคพลังประชาชนถูกยุบ และภายหลังรัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อ่อนแรงหรือล้มลง

"บิ๊กเนม" พรรคพลังประชาชนประเมินกันว่า "จุดจบ" ของสงครามครั้งนี้มี 2 แนวทาง คือ 1.นองเลือด และนำไปสู่การเจรจาสงบศึก ส่วนแนวทางที่ 2 นองเลือดและจะจบลงที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแพ้อย่างราบคาบ

ทว่าไม่ว่าฝ่ายใดจะแพ้หรือชนะ "พรรคเพื่อไทย" บ้านหลังใหม่ของ ส.ส.พรรคพลังประชาชน จะได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง เพราะวันนี้อาศัยความได้เปรียบในการเป็นรัฐบาล ระดมอัดฉีดงบประมาณให้กระจายไปทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเงินเดือนกำนันผู้ใหญ่บ้าน หรือการให้ค่าตอบแทนพิเศษกับข้าราชการ เพื่อปูฐานการสร้างคะแนนนิยมในการเลือกตั้งครั้งหน้า

พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคพวกได้ประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งล่อง

ถึงวันนี้ต้องจับตาท่าทีของ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ในวันที่ 13 ธันวาคม เวลา 20.00 น. ที่จะโฟนอินผ่านรายการ "ความจริงวันนี้สัญจร" โดยเฉพาะการประกาศจุดยืนในการหวนกลับเข้าสู่เส้นทางการเมือง และจุดยืนในการต่อสู้ทางการเมืองว่าจะรุนแรงและก้าวร้าวเพียงใด สมกับยุทธศาสตร์ "สงครามประชาชน" ที่ประกาศกร้าวไว้หรือไม่...

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์