ปธ.วุฒิหนุนสานเสวนา หมอวันชัยหวั่นส.ส.ร.3-กม.นิรโทษชนวนความรุนแรง หลังวิปรบ.ดันเปิดสภาฯวิสามัญ


“ประสพสุข” หนุนสานเสวนา พร้อมเปิดเวทีเจรจา-ใช้สื่อรัฐสภารณรงค์ยุติความรุนแรง หวั่น ส.ส.ร.3-กม.นิรโทษกรรมก่อชนวนความรุนแรง วิปรบ.ยันแก้291ไม่ต้องรอฟัง”แม้ว” โฟนอิน ดันเปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญอ้างถกเพิ่มงบแสนล้าน“หมอวันชัย” เผยประสานพมธ.แล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลาเจรจา เชื่อ “พระพยอม” มอนิเตอร์โฟนอิน"แม้ว"


“ประสพสุข” หนุนสานเสวนา พร้อมเปิดเวทีเจรจา

 

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 พฤศจิกายน เครือข่ายเสวนาเพื่อสันติธรรม นำโดย ศ.น.พ.วันชัย วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการศูนย์สันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า ในฐานะตัวแทนเครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรม เข้าพบ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อหารือถึงแนวทางการยุติความรุนแรง ซึ่งถือเป็นหารือกับหน่วยงานที่ 4 ของเครือข่ายฯ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เข้าพบนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.มาแล้ว

ศ.น.พ.วันชัย แถลงภายหลังการหารือว่า การเข้าพบประธานวุฒิสภาครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากนายประสพสุข เคยทำหน้าที่เป็นคนกลางในการประสานให้ทุกฝ่ายได้คุยกัน โดยการหารือครั้งนี้ประธานวุฒิฯ มีความห่วงใยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อเปิดทางให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.3) รวมทั้งการออกกฎหมายนิรโทษกรรมอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิ เพราะคิดว่าประเด็นเหล่านี้จะเป็นเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความรุนแรง ดังนั้นประธานวุฒิฯ จึงสนับสนุนแนวทางของเครือข่ายสานเสวนาฯ เพราะเชื่อว่าจะเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะทำให้ยุติความรุนแรง โดยทางวุฒิสภารับปากว่าพร้อมจะเปิดเวทีสานเสวนาและพร้อมจะให้สื่อของรัฐสภาที่มีอยู่ ทั้งโทรทัศน์และวิทยุ รณรงค์ยุติความรุนแรงของเครือข่ายฯ

ศ.นพ.วันชัย กล่าวอีกว่า ส่วนแนวทางการเจรจากับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) นั้น ขณะนี้ได้มีการประสานงานอยู่เป็นระยะ แต่สังคมต้องเข้าใจก่อนว่าจุดเริ่มของการสานเสวนาหลายฝ่ายจะต้องรับก่อน เพราะตอนนี้สังคมไทยยังเชื่อว่าการเปลี่ยนท่าทีอาจมองได้ว่าเป็นการยอมแพ้ แต่ความจริงแล้วการยกนิ้วก้อยเพื่อคืนดีกันเท่ากับเป็นคนกล้าที่ไม่ใช่การแสดงความขี้ขลาด
 
“การเปิดเวทีเจรจาไม่ใช่การแบ่งครึ่งหารสอง แต่เป็นการหาทางออกของประเทศชาติและไม่อยากให้ทุกฝ่ายใช้ความรุนแรง ใครจะทำอะไรก็ได้เราไม่ว่า แต่ขออย่าใช้ความรุนแรงและไม่ควรสร้างเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความรุนแรง”ศ.นพ.วันชัย กล่าวและว่า ส่วนกรณีที่ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลสนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งอาจจะเป็นเงื่อนไขไปสู่ความรุนแรงนั้น เราคงยังไม่ต้องกลับไปคุยกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีอีกครั้งและเราไม่มีอำนาจไปสั่งการให้ใครทำอะไรหรือไม่ทำอะไร
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการเข้าพบประสพสุขแล้ว ในวันพรุ่งนี้ (13 พ.ย.) เครือข่ายสานเสวนาฯ จะเข้าพบปลัดกระทรวงกลาโหม จากนั้นในช่วงบ่ายจะเข้า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และในวันที่ 14 ต.ค.จะเข้าพบ พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ  ผบ.ทร.

หวั่น ส.ส.ร.3-กม.นิรโทษกรรมก่อชนวนความรุนแรง

ศ.น.พ.วันชัย วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการศูนย์สันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า ในฐานะตัวแทนเครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรม กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะโฟนอินมาในรายการ “ความจริงวันนี้สัญจร” ครั้งที่ 3 และขู่ว่าจะแฉบุคคลที่ศัตรูทางการเมืองนั้นว่า เชื่อว่าพระพยอมจะมอนิเตอร์ถ้อยคำของ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่แล้ว ซึ่งการโฟนอินเข้ามาในรายการความจริงวันนี้สัญจรเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ทำให้เกิดความรุนแรง แต่ถ้าสังคมร่วมกันรณรงค์ไม่ให้เกิดความรุนแรงสถานการณ์ก็จะดีขึ้น
 
นายประสพสุข กล่าวว่า ส.ว.พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่กับแนวทางการยุติความรุนแรง เพราะเราไม่อยากให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้นในสังคม ส่วนกรณีที่เป็นตนเป็นห่วงในประเด็นเรื่องการนิรโทษกรรมและการมีส.ส.ร.3 นั้น ไม่คิดว่าประเด็นเหล่านี้จะถูกเสนอในช่วง การเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณางบประมาณกลางปี 1 แสนล้านบาท เพราะตอนนี้ยังไม่มีการตกลงกันว่า จะเปิดการประชุมสมัยวิสามัญ ซึ่งก็คาดว่า จะต้องใช้เวลาอีกนาน ดังนั้น จึงอยากให้สังคมคิดถึงสมัยประชุมนิติบัญญัตินี้ก่อน เพราะจะปิดสมัยประชุมในวันที่ 28-29 พ.ย.นี้อยู่แล้ว

เมื่อถามว่า ส.ส.พรรคพลังประชาชนยังยืนยันว่าอาจจะสอดไส้การแก้รัฐธรรมนูญในช่วงเปิดประชุมสมัยวิสามัญเกรงว่าจะเกิดความขัดแย้งอีกหรือไม่ นายประสพสุข กล่าวตะกุกตะกักว่า  “คงจะอีกนาน เพราะตอนนี้ผมตอบไม่ได้ ต้องให้เรื่องเกิดขึ้นก่อน อย่างไรก็ตามผมก็คุยกับนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ตลอดเวลาก็ยังไม่มีเรื่องนี้ ซึ่งในวันที่ 24 พ.ย.นี้จะมีการเปิดประชุม 2 สภา เพื่อหารือถึงกรอบการเจรจาทางการค้า แต่คงไม่มีการหารือเรื่องนี้”
 
วิปรบ.ยันแก้291ไม่ต้องรอฟัง”แม้ว” โฟนอิน
 
ก่อนหน้านี้ วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคพลังประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาการเพิ่มเงินขาดดุลงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 อีก 100,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในช่วงปลายปีนี้ว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการเสนอญัตติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพราะการประชุมสมัยวิสามัญเป็นเป็นแค่การประชุมส.ส.ไม่ใช่การเปิดประชุมรัฐสภา จึงควรแยกแยะว่า ไม่สามารถนำมาพิจารณาร่วมกัน และไม่ต้องกลัวการยัดไส้แก้ไขรัฐธรรมนูญช่วงหลังกล่าว ทั้งนี้ ยังไม่ได้รับการประสานงานจากรัฐบาลว่า การประชุมดังกล่าวจะใช้เวลาเท่าไร อย่างก็ตาม หากมีการประชุมสมัยวิสามัญ น่าจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนธันวาคม มากกว่าช่วงเวลาอื่น
 
ส่วนการยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 นั้น นายวิทยา กล่าวว่า พรรคพลังประชาชนยังยืนยันจุดยืนเดิม คือจะพิจารณาเรื่องดังกล่าว หลังพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งต้องหารือกับพรรคร่วมทั้ง 6 พรรคอีกทีว่า จะสามารถยื่นญัตติได้ในช่วงใด เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้มีเพียงพรรคพลังประชาชนเพียงพรรคเดียว
 
เมื่อถามว่าจะต้องยื่นแก้ไขมาตรา 291 ก่อนการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 หรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกัน เพราะอดีตนายกฯไม่เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ของรัฐสภา การจะแก้มาตรา 291 ไม่เกี่ยวข้องว่า จะทำดำเนินการก่อนหรือหลังการโฟนอินของอดีตนายกฯ ต้องแยกแยะให้ออก
 
รับมติพรรคให้กก.บห.ลาออก
 
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง รักษาการโฆษกพรรคพลังประชาชน (พปช.) แถลงหลังการประชุม ส.ส.พปช. เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนถึงกรณีพรรคมีแนวคิดรับมือคดียุบพรรค โดยให้ส.ส.สัดส่วนที่มีตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารลาออกจากการเป็นส.ส. เพื่อให้ผู้สมัครส.ส.ของพรรคในลำดับถัดไปเลื่อนขึ้นมาเป็น ส.ส.แทน เพื่อรักษาจำนวนเสียงข้างมากในสภา ว่า เป็นความเห็นของที่ประชุมพรรคที่เคยหยิบยกกรณีนี้ขึ้นมาหารือกัน โดยส.ส.ส่วนใหญ่ก็เห็นตามนี้

"เมื่อกฎหมายเปิดทางไว้ ให้ ส.ส.ที่เป็นสมาชิกพรรคที่ถูกยุบสามารถไปสังกัดพรรคอื่นได้ภายใน 60 วัน ซึ่งเราจะย้ายไปรวมตัวกันให้มากที่สุด ทั้งนี้กรรมการบริหารพรรคคนไหนที่เป็นส.ส.สัดส่วน ก็จะต้องลาออกจาก ส.ส. เพื่อเปิดทางให้คนที่อยู่ลำดับถัดไปขึ้นมา ส่วนส.ส.เขตก็จะต้องมีการจัดการเลือกตั้งซ่อมต่อไป เรื่องนี้เป็นลักษณะขอร้องกันให้พิจารณาด้วยเหตุด้วยผล และขณะนี้ยังไม่มีกรรมการบริหารพรรคคนใดแจ้งความจำนงมาว่า จะขอลาออกจาก ส.ส. เพราะยังไม่มีใครทราบว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินคดีเมื่อไหร่ มีเวลาพิจารณากันอีกยาว จึงไม่ต้องรีบร้อนลาออกตอนนี้"ร.ท.กุเทพกล่าว

เด็ก"ยุทธ"ให้ชะลอนิรโทษกรรม

นายศักดา นพสิทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กลุ่มวังบัวบาน ที่ใกล้ชิดนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้า พปช. กล่าวถึงกรณี ส.ส.พปช.จะล่ารายชื่อประชาชนเพื่อเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้กรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองในคดียุบพรรค ว่าได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยและนักการเมืองอาวุโสหลายคนแล้ว เห็นว่า หาก ส.ส.พปช.หวังดีกับพรรคและรัฐบาลจริงๆ ควรชะลอการดำเนินการดังกล่าวเอาไว้ก่อน เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ไม่เหมาะสม

"พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยกับเปิดโอกาสให้บุคคลากรทางการเมืองที่มีศักยภาพเหล่านี้กลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกครั้งในอนาคต แต่ขณะนี้ควรชะลอเอาไว้ก่อนแล้วกลับมาดำเนินการอีกครั้งเมื่อมีความเหมาะสม  ทั้งนี้พรรคเห็นด้วยกับรัฐบาลที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อเปิดโอกาสให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมาแก้ไขรัฐธรรมนูญ จุดสำคัญที่ควรดำเนินการแก้ไขเป็นอย่างแรกคือ ที่มาขององค์กรอิสระ โดยการเปิดช่องให้มีการตรวจสอบถ่วงดุลกระบวนการยุติธรรมทางการเมือง ไม่ให้มีการตรวจสอบอำนาจรัฐแบบเอนเอียงเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน"นายศักดา กล่าว

เตือนส.ส.พบ"แม้ว"ทำการเมืองพัง

นายศักดา ยังกล่าวถึงกรณี ส.ส.พปช.ส่วนหนึ่งจะเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในช่วงปิดสมัยการประชุมสภาช่วงเดือนธันวาคมว่า หากเป็นการเดินทางไปพบเป็นการส่วนตัว หรือไปขอคำแนะนำทางการเมืองเป็นครั้งคราว เพราะเห็นว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักการเมืองอาวุโส ก็ไม่จำเป็นที่ ส.ส.เหล่านั้นจะมาประกาศตัวผ่านสื่อมวลชน เพราะจะทำให้สังคมเข้าใจผิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของ ส.ส.พปช.

"อยากจะเตือนไปถึง ส.ส.บางคนที่เป็นผู้ปฏิบัติการทางการเมืองและสร้างความเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ ไม่จำเป็นต้องไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงที่จะจัดให้มีการเคลื่อนไหว เพราะบางเรื่องทำให้ถูกมองว่า ส.ส.เหล่านั้นไปรับงาน พ.ต.ท.ทักษิณ มาปฏิบัติการต่างๆ ทั้งที่ความเป็นจริง เรื่องบางเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ทราบด้วยซ้ำไปว่า ส.ส.กำลังดำเนินการเคลื่อนไหวอะไร จนทำให้ยุทธศาสตร์ทางการเมืองเสียหายทั้งกระบวนการ"นายศักดา กล่าว

จี้"ขุนค้อน"ถอดนายกสภาทนายฯ

นายศักดา ยังกล่าวว่า มีตัวแทนทนายความหลายสิบคนมาพบที่พรรค เพื่อหาวิธีดำเนินการกับการเคลื่อนไหวของนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ ที่ออกมาเคลื่อนไหวระบุว่า การโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านรายการความจริงวันนี้สัญจร ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีความผิดฐานลบหลู่หรือดูหมิ่นดุลพินิจศาล และเจตนาก้าวล่วงพระบรมราชวินิจฉัยในเรื่องการอภัยโทษ ว่ามองว่าการเคลื่อนไหวของนายเดชอุดม เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง ขณะที่ พ.ร.บ.ทนายความระบุไว้ว่า สภาทนายความจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง

"ผมจะนำตัวแทนทนายความเข้ายื่นหนังสือต่อสภาทนายความ เพื่อให้นายเดชอุดม ยุติบทบาทในตำแหน่งนายกสภาทนายความ พร้อมยื่นเรื่องให้กรรมาธิการ(กมธ.)ยุติธรรม สภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบ รวมทั้งให้นายสมศักดิ์  เกียรติสุรนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะนายกสภาทนายพิเศษ พิจารณาการกระทำของนายเดชอุดม ซึ่งมีโทษถึงถอนถอนจากการเป็นนายกสภาทนายความ"นายศักดา กล่าว

"ชาติไทย"ยังไม่ตั้งพรรคสำรอง

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แกนนำพรรคชาติไทย กล่าวว่า เหตุที่ พรรคชาติไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคมัชฌิมาธิปไตย (มฌ.) ผนึกกำลังกันต่อสู้คดียุบพรรค เพราะต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันและกัน และทำให้แต่ละพรรคมีมุมมองที่กว้างขึ้น แม้รูปคดีจะแตกต่างกันก็ตาม

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการหารือเรื่องการการจัดตั้งพรรคสำรอง กรณีพรรคชาติไทยถูกยุบพรรค ไม่ได้สนใจประเด็นนี้ เพราะต้องการทำหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมให้ดีที่สุดก่อน เมื่อถามถึงทายาททางการเมืองของตระกูลศิลปอาชา นายวราวุธ กล่าวว่า "การทำงานของที่บ้าน ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่ง แต่อยู่ที่ความรู้ความสามารถ ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.หรือไม่ ก็ทำงานช่วยเหลือประชาชนได้

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์