บช.น.ระบุเหตุ บึ้มพธม.ในทำเนียบฯ ระเบิดจากภายใน ยันไม่ใช่เอ็ม79 เพราะอานุภาพทำลายล้างต้องมากกว่านี้


พธม.เชื่อยิงระเบิดข่มขู่ลงกลางเวที คาดมาจากอาคาร ก.พ. มีคนเจ็บถูกสะเก็ด 2 ราย "ปฐมพงศ์"คาดยิงระเบิดเอ็ม29 ซึ่งเป็นอาวุธสงครามใส่ปชช. เตรียมทำหนังสือแจงผบ.ทบ. ให้รับทราบ "สันติบาล-ข่าวกรอง" พบข้อมูลป่วนใหญ่เมืองกรุงหลัง 16 พ.ย. รวบอีก 2 ราย อาสาการ์ด พธม.-วัยรุ่นกู้ชาติ ซุกปืน-มีดในรถ

แพทย์เผย 3 พธม. รักษาแผลจากเหตุระเบิดกลับบ้านแล้ว
 
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าหลังจากเกิดเหตุระเบิดบริเวณเต็นท์ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งใกล้กับเวทีปราศรัยภายในทำเนียบรัฐบาลเมื่อเวลาประมาณ 03.30 น. ของวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชายจำนวน 3 ราย ซึ่งได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดีตั้งแต่ช่วงเช้ามืด  เบื้องต้นอาการไม่น่าเป็นห่วง บาดเจ็บเล็กน้อย มีแผลพกช้ำ แผลถลอก แพทย์ได้ปฐมพยาบาล และอนุญาตให้ทั้ง 3 รายกลับบ้านตั้งแต่ 08.00 น.ของวันเดียวกันแล้ว


บช.น.ระบุเหตุ บึ้มพธม.ระเบิดจากภายใน - ไม่ใช่เอ็ม 79

พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงเหตุระเบิดข้างเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า เบื้องต้นคาดว่า ไม่ใช่ระเบิดเอ็ม 29 ตามที่หลายฝ่ายให้สัมภาษณ์ และไม่ใช่การยิงจากรอบนอกเข้ามา แต่เป็นการระเบิดขึ้นจากภายใน ส่วนจะเป็นระเบิดเอ็ม 79 หรือไม่นั้น คงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากอานุภาพทำลายล้างต้องมากกว่านี้


พล.ต.ต.สุพร กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เนื่องจากพันธมิตรฯ ยังไม่อนุญาตให้เข้าไปภายใน ส่วนกรณีที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 1 คนนั้น จากการสอบสวนพบว่าไม่น่ามีส่วนเกี่ยวข้อง จึงปล่อยตัวไป และไม่สามารถตอบได้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มพันธมิตรฯ หรือไม่


พล.ต.ต.สุพร กล่าวต่อถึงกรณีมีรายงานข่าวจะมีการขนอาวุธ เพื่อเตรียมมาก่อเหตุใหญ่ว่า ตำรวจได้หาข่าวในเชิงลึกและตั้งด่านจุดสกัดในพื้นที่กทม. มาตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว
 
"เสธ.แดง" ยื่นคำขาดให้พธม.ออกจากทำเนียบก่อนวันที่ 14 พ.ย.
 
พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก กล่าวถึงเหตุระเบิดในสถานที่ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อกลางดึกวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า ตนเคยแจ้งเตือนและคอยรายงานข่าวสารให้พันธมิตรฯ  ต้องขอขอบคุณลูกที่พาพ่อแม่ออกไปจากพื้นที่ ภาพเมื่อคืนเห็นได้ว่า คนที่โดนระเบิดเป็นสาวกของพระโพธิลักษณ์ทั้งนั้น เริ่มเป็นผู้หญิงและประชาชน เพราะนักรบศรีวิชัยเอาตัวรอดไปอยู่ในบังเกอร์และหนีไปนอนนอกทำเนียบรัฐบาล


พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ผู้ชุมนุมที่เวทีพันธมิตรฯ มีไม่ถึง 20 คน แต่มีการตัดต่อภาพให้เห็นเป็น 100 คน เพราะภาพตอนที่วิ่งหนีระเบิด จะเห็นว่ามีไม่ถึง 20 คน แม้แต่สารวัตรทหาร (สห.) ซึ่งเป็นทหารจากกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ยังใส่เสื้อเกราะทุกคน เห็นได้ว่าตรงจุดนั้นไม่มีความปลอดภัย


"ผมเสธ.แดง ขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายให้ออกไปจากทำเนียบรัฐบาล ก่อนวันที่ 14 พฤศจิกายน ซึ่งมีงานรัฐพิธีระหว่างวันที่ 14-19 พฤศจิกายน โดยยอมจำนนปราศจากเงื่อนไข และส่งมอบทำเนียบรัฐบาลให้กับ พล.ต.ต.อำนวย นุ่มมโน ผู้บัญชาการนครบาล 1 แล้วให้ พล.ต.ต.อำนวย ติดต่อเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมด ตั้งแต่สิ่งของรัชกาลที่ 3, 4 และ 5 ของที่ระลึกจากประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีต่างๆ แม้กระทั่งเก้าอี้ของรัชกาลที่ 5 ที่ขาหัก หลังวันที่ 14 พฤศจิกายนจะประกาศหยุดยิง แต่หลังวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ การทอดกฐินหลวงจะเกิดขึ้น กองกำลังไม่ทราบฝ่าย แก๊ง 47 โรนิน ซามูไรไร้สังกัด จะทอดกฐินหลวงแน่นอน เพราะพันธมิตรฯ ขาดความชอบธรรม" พล.ต.ขัตติยะ กล่าว


พล.ต.ขัตติยะ กล่าวต่อว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้น เราไม่ต้องสงสารผู้ที่โดนระเบิด เพราะเป็นสาวกของศาสนาวิบัติ ซึ่งเพี้ยนและคู่กับผีบุญ คิดว่าตนเป็นกษัตริย์ และเป็นศาสดาอยู่ในตัวเอง ดังนั้น นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ จึงต้องโดนอย่างนี้
 

"จะด่า ผบ.ทบ.ก็ด่าไป แต่อย่ามาด่าผม ส่วนที่ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกสรศุกร์ อดีตที่ปรึกษา บก.สส. มาด่าผม และท้าดวลตัวต่อตัว ผมไม่ถืออะไร เพราะเป็นรุ่นพี่ที่แย่ที่สุด ยังดีกว่ารุ่นน้องที่ดีที่สุด ดังนั้น ยกให้ พล.อ.ปฐมพงษ์ รุ่นพี่คนหนึ่ง มาท้าผมยังไงผมก็ไม่ไป" พล.ต.ขัตติยะ กล่าว 

 

ระเบิดเอ็ม29ถล่ม เวทีพธม.กลางดึกเจ็บ2ราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.30 น. วันที่ 11 พ.ย. ได้เกิดเหตุระเบิดเกิดขึ้นบริเวณเต็นท์ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ใกล้กับเวทีปราศรัยภายในทำเนียบรัฐบาลโดยเยื้องห่างไปประมาณ 50 เมตร


จากการตรวจสอบ พบบนหลังคาเต็นท์ของผู้ชุมนุมมีรูโหว่ค่อนข้างใหญ่ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เมตร และบนพื้นไม้ที่กลุ่มผู้ชุมนุมนั่งก็มีรูโหว่ลงไปเช่นกัน เบื้องต้นคาดว่า คนร้ายน่าขว้างระเบิดเข้ามา แล้วไปตกบนหลังคาเต็นท์ก่อนเกิดการระเบิด นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดเป็นชาย 2 ราย ซึ่งถูกนำไปรับการปฐมพยาบาลบริเวณเต็นท์พยาบาลฉุกเฉินข้างเต็นท์กองทัพธรรม


หลังเกิดเหตุการ์ดอาสากลุ่มพันธมิตรฯ ได้เข้าไปในที่เกิดเหตุทันที พร้อมกันแนวร่วมพันธมิตรฯ ที่ไม่เกี่ยวข้องให้ออกจากพื้นที่ที่เกิดเหตุ พบบนหลังคาเต็นท์ของผู้ชุมนุมมีรูโหว่ค่อนข้างใหญ่ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เมตร และบนพื้นไม้ที่กลุ่มผู้ชุมนุมนั่งก็มีรูโหว่ลงไปเช่นกัน ทั้งนี้ คาดการณ์เบื้องต้นว่า คนร้ายน่าจะยิงลูกระเบิดข้ามมาจากบริเวณเลียบคลองผดุงกรุงเกษม ตกเข้ามาบริเวณพื้นที่ชุมนุมในจุดดังกล่าวก่อนเกิดการระเบิดขึ้น  ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากสะเก้ดระเบิดเป็นชายอย่างน้อย 2 คน อย่างไรก็ตาม การ์ดอาสากลุ่มพันธมิตรฯ ได้เข้าเคลียร์พื้นที่โดยรอบแล้ว ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บถูกนำไปรับการปฐมพยาบาลบริเวณเต็นท์พยาบาลฉุกเฉินข้างเต็นท์กองทัพธรรม


ต่อมาเวลา 04.15 น.พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวว่า ภายหลังตรวจสอบเหตุระเบิดพบว่า ลักษณะระเบิดดังกล่าวไม่น่าจะเป็นการขว้างเข้ามา แต่น่าจะเป็นการใช้เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 29 เข้ามา ซึ่งตอนนี้การข่มขู่คุกคามพันธมิตรฯไม่ใช่เพียงการใช้ระเบิดปิงปองแล้ว แต่เป็นการใช้อาวุธสงครามยิงใส่พี่น้องประชาชนที่มาชุมนุมกันอย่างสงบ
 



พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวอีกว่า หลังจากเกิดเหตุได้มีการเก็บหลักฐานทั้งหมดไว้เพื่อที่จะนำหลักฐานดังกล่าวไปตรวจสอบว่า เป็นระเบิดชนิดใด และจะทำหนังสือไปยัง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เพื่อให้รับทราบว่า ขณะนี้ประชาชนถูกคุมคาม ถูกทำร้ายด้วยอาวุธสงคราม เพื่อให้พิจารณาว่า ทหารสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตาม การเปิดเส้นทางจราจรนั้นแม้จะเป็นการเสี่ยงไม่เฉพาะแกนนำแล้ว  ประชาชนต้องมีความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งต้องมีการตรวจตราเข้มงวดมากขึ้น

 
พธม.เชื่อยิงระเบิดข่มขู่ลงกลางเวที คาดมาจากอาคาร ก.พ.
 
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ว่า ที่ประชุมแกนนำมีมติเป็นเอกฉันท์ให้รื้อสิ่งกีดขวางออกจาก ถนนราชดำเนิน ทั้งหมดตั้งแต่วันนี้ (11 พ.ย.)  และจะเปิดเส้นทางจราจร ระหว่างวันที่ 14 พฤศจิกายน - 5 ธันวาคมนี้ เพื่อเพิ่มความสะดวกต่อเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินงานพระราชพิธี ถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ต่อเนื่องด้วยงานเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว



 
ส่วนเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นภายในบริเวณเต็นท์ของกลุมผู้ชุมนุม จนหลังคาโหว่ และมีผู้ได้รับาดเจ็บ เมื่อประมาณ 03.30 ที่ผ่านมานั้น พล.ต.จำลองกล่าวว่า จากการตรวจสอบวัตถุดังกล่าวน่าจะเป็นระเบิดยิงด้วย อาวุธปืนเอ็ม 79 โดยอาวุธดังกล่าวต้องใช้วิธีการเล็งตรง เชื่อว่ามีผู้ที่ต้องการข่มขู่มุ่งยิงลงกลางเวทีพันธมิตรฯ และคาดว่าอาจจะยิงจากอาคารสำนักงาน ก.พ. ซึ่งพันธมิตรฯ ได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ ก.พ.ให้ตรวจสอบการเข้า-ออกสถานที่ราชการ และจะติดต่อมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตพระนคร เพื่อให้ตรวจตรา ระมัดระวังบุคคลที่อาจจะเข้ามาติดตั้งอาวุธ และยิงเข้ามาภายในสถานที่ชุมนุมได้

 
ซัดตร.จับมือสันติบาลใส่ร้ายการ์ด

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตร กล่าวเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ว่า กรณีการ์ดพันธมิตรที่ช่วงหลังมีปัญหาบ่อยครั้งนั้นแกนนำได้ประสานตำรวจ และหากประชาชนพบเห็นการ์ดพันธมิตรพกพาอาวุธออกนอกสถานที่ขอให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทันที เพราะไม่มีนโยบายจะให้พกพาอาวุธในพื้นที่ชุมนุมและนอกสถานที่ชุมนุม ล่าสุด ทราบว่าตำรวจท้องที่และสันติบาลกำลังสมคบคิดกันเพื่อที่จะใส่ร้ายกลุ่มพันธมิตรและสร้างความวุ่นวายในพื้นที่ชุมนุม โดยการซื้อการ์ดพันธมิตรบางคน เพื่อซื้อข่าวและขายข่าว จึงสั่งให้ระมัดระวังมากขึ้น

ด้านนายกิติชัย ใสสะอาด หัวหน้าการ์ดพันธมิตร กล่าวว่า ได้จัดทำรายชื่อพร้อมประวัติการ์ดพันธมิตร 500 คน และมีการตรวจอาวุธเข้มข้นทุกวัน หากใครมีพฤติกรรมผิดปกติทั้งในและนอกสถานที่ชุมนุมจะให้ออกนอกพื้นที่และออกจากการเป็นการ์ดทันที

จับแท็กซี่อาสาพธม.ซุก "ปืน-มีด"

ตำรวจจับได้อีก 2 ราย อาสาสมัครการ์ดพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และสมาชิกกู้ชาติ พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมของกลางมีดอีกจำนวนหนึ่งภายในรถ ทั้งนี้ เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน ขณะที่ ร.ต.ต.เด่น บุญอยู่ รอง สวป.สน.นางเลิ้ง พร้อมกำลังสายตรวจ 10 นาย ตั้งด่านตรวจหน้าบ้านพิษณุโลก ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต กรุงเทพฯ พบรถแท็กซี่สีเขียวเหลือง ทะเบียน มง 7614 กรุงเทพมหานคร ขับมาจากแยกยมราชตรงมายังจุดตรวจ มีท่าทีพิรุธ จึงขอดูใบอนุญาตคนขับทราบชื่อ นายเกียรติศักดิ์ รักภู่ อายุ 35 ปี อยู่เลขที่ 87 หมู่ 8 ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร ค้นบริเวณข้างประตูขวาฝั่งคนขับ พบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก มีดพับ 1 เล่ม ท่อนเหล็กกลมยาว 80 เซนติเมตร 1 อัน และบัตรอาสาสมัครการ์ดพันธมิตร 9 ใบ  จึงคุมตัวสอบสวนที่ สน.นางเลิ้ง

เบื้องต้นนายเกียรติศักดิ์ให้การปฏิเสธ อ้างว่าอาวุธที่พบเป็นของผู้โดยสารนำมาฝากเอาไว้ จึงนำส่งพนักงานสอบสวน สอบสวนเพิ่มเติม ก่อนคุมตัวแจ้งข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาต และพกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

อีกรายวัยรุ่น "กู้ชาติ" ซ่อน.38-มีด

ส่วนอีกราย เวลา 02.05 น. ขณะที่ตำรวจร่วมกับสารวัตรทหารตั้งด่านตรวจบริเวณปากซอยลิขิต ถนนศรีอยุธยา ตรงข้ามสหกรณ์พัฒนา ฝั่งวัดเบญจมบพิตรฯ กทม. พบรถกระบะยี่ห้อ อีซูซุ ดีแม็คไฮแลนเดอร์ 4 ประตู สีน้ำเงิน ทะเบียน ช 4917 กรุงเทพมหานคร มีพิรุธ ภายในรถมีชายวัยรุ่นมากันหลายคนจึงเรียกตรวจ พบนายกวียุทธ บุญทองแก้ว อายุ 33 ปี อยู่เลขที่ 5 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. เป็นคนขับ พร้อมเพื่อนในรถอีก 7 คน ค้นเบาะด้านหลังคนขับ พบอาวุธปืน .38 จำนวน 1 กระบอก กระสุน 13 นัด และมีกระสุนบรรจุในลูกโม่พร้อมใช้งาน อาวุธมีด 2 เล่ม สายคาดเอว 1 เส้น ผ้าคาดศีรษะมีข้อความ "กู้ชาติ "1 ผืน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวนทราบว่า อาวุธปืนมีทะเบียนถูกกฎหมายแต่ไม่ใช่ของนายกวียุทธ รวมทั้งไม่มีใบพกพาและใบอนุญาต จึงคุมตัวนายกวียุทธส่งพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ดำเนินคดีข้อหาพกพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาต พกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมีเพื่อนของนายกวียุทธทั้ง 7 คน ตามไปให้กำลังใจ

จี้หาที่มา2ผู้ต้องหาขนระเบิด

ส่วนความคืบหน้าคดี ตำรวจ สน.สามเสน จับกุมนายธนิต ขันอุไร อายุ 28 ปี ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ไม่ติดทะเบียน และนายวัฒนา กิจพิทักษ์สิน อายุ 22 ปี คนนั่งซ้อนท้าย พร้อมของกลางกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 20 จำนวน 4 นัด ระเบิดไม่ทราบชนิด 3 ลูก หนังสติ๊ก 3 อัน ลูกแก้ว 100 ลูก ระเบิดทำเอง 1 ลูก  ระเบิดปิงปอง 22 ลูก มีดพับเล็ก 1 ด้าม เสื้อคลุมสีดำด้านหลังปักคำว่า "กองทัพธรรม" 1 ตัว หัวน็อตตัวเมีย 16 ตัว หมวกแก๊ปสีดำสำหรับใส่ปิดอำพรางใบหน้า 1 ใบ และอื่นๆ จำนวนหลายรายการ บริเวณแยกสวนรื่นฤดี ถนนราชสีมา เขตดุสิต กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น พล.ต.ต.ลิขิต กลิ่นอวล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ได้กำชับ พ.ต.อ.ศารทูล ประดิษฐ์ ผกก.สน.สามเสน ให้สอบสวนเชิงลึกถึงที่มาของของกลางต่างๆ นำมาจากที่ไหน จากใคร ให้ตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีจริงหรือไม่ ซึ่งตำรวจสันติบาลมาประสานให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกด้วย

ส่งตัวฝากขังศาลค้านประกันทั้งคู่

พ.ต.อ.ศารทูลกล่าวว่า นำผู้ต้องหาส่งศาลพร้อมคัดค้านการประกันตัว เพราะหากปล่อยตัวอาจก่อให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง จากการตรวจสอบประวัติพบทั้ง 2 คน มีประวัติพัวพันยาเสพติด โดยนายวัฒนาอ้างว่าไปซื้อยาเสพติดจากวินรถจักรยานยนต์หน้ากองทัพภาคที่ 1 และให้ฝ่ายสืบสวน ไปตรวจสอบบ้านของผู้ต้องหาทั้ง 2 เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมแล้ว ส่วนประวัติที่ตรวจสอบพบว่านายวัฒนาเคยถูกจับกุมข้อหาทำร้ายร่างกายที่ สภ.เมือง ภูเก็ต เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม เสียค่าปรับ 500 บาท ด้านนายธนิตเคยถูกจับข้อหาครอบครองยาเสพติดที่ สน.บางซื่อ ถูกศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี พ้นโทษวันที่ 25 ธันวาคม 2542 

"ส่วนที่ยังเป็นการ์ดพันธมิตรหรือไม่นั้น แม้ทางเวทีพันธมิตรจะประกาศว่าถูกขับไล่ออกไปแล้ว แต่จากการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหาเมื่อนำของกลางไปส่งเสร็จแล้วจะกลับไปที่กลุ่มพันธมิตรเช่นเดิม"  ผกก.สน.สามเสนกล่าว

สางปมชื่อ "เสธ.บอย" ในมือถือ

รายงานงานข่าวแจ้งว่า ตำรวจฝ่ายสืบสวนนำโทรศัพท์มือถือของ 2 คน ไปตรวจสอบหาข้อมูลการใช้โทรศัพท์อย่างละเอียด โดยในโทรศัพท์ของนายวัฒนนั้นมีชื่อ "เสธ.บอย"  อยู่ในนั้นด้วย ซึ่งต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่าเป็นใคร มีที่มาอย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ภูเก็ต ว่า นายสมพร กิจพิทักษ์สัน บิดานายวัฒนา ผู้ต้องหาคดีครอบครองวัตถุระเบิด ซึ่งเป็นนักธุรกิจประกอบการเรือนำเที่ยว ร่มและเตียงผ้าใบชายหาดป่าตอง พร้อมด้วยญาติพี่น้อง ได้เดินทางจาก จ.ภูเก็ตเพื่อขอยื่นประกันตัวลูกชาย ทั้งนี้ นายวัฒนาเคยเรียนหนังสืออยู่ที่สถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานครแต่เรียนไม่จบ กลับไปเป็นลูกจ้างของเทศบาลเมืองป่าตอง อ.กะทู้ จากนั้นเข้าร่วมกับกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ตและร่วมชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล

สันติบาล-ข่าวกรองชี้ป่วนหลัง16พ.ย.

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) รายงานข่าวจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาล แจ้งว่า จากการประสานงานกับหน่วยข่าวของกองบัญชาการตำรวจนครบาลและหน่วยข่าวกรองระบุตรงกันว่า จะมีกลุ่มคนลักลอบนำอาวุธสงครามโดยเฉพาะวัตถุระเบิดชนิดขว้างทั้งแบบผลิตเองและลักลอบนำเข้ามาจากแนวชายแดน เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อเตรียมก่อเหตุร้าย โดยกลุ่มคนดังกล่าวกำหนดห้วงเวลาดำเนินการไว้ในวันที่ 16 พฤศจิกายน หลังงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เสร็จสิ้น เพื่อสร้างสถานการณ์ความรุนแรง จากนั้นจะใช้การกดดันทางการเมือง เพื่อให้รัฐบาลรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงแจ้งให้หน่วยงานทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อเร่งสกัดการนำอาวุธและวัตถุระเบิดเข้ามากรุงเทพฯอย่างเร่งด่วนแล้ว

 
เพิ่งเปิด "ราชดำเนิน"แต่กำหนดเวลา

เวลา 18.30 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตร แถลงถึงการประชุมแกนนำพันธมิตรว่า แกนนำมีมติที่จะรื้อเต๊นท์ของกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณริมถนนราชดำเนิน เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ฝั่งกระทรวงศึกษาธิการให้เหลือไว้เพียงเต๊นท์ต่างๆ บริเวณฟุตปาธฝั่งทำเนียบรัฐบาล เพื่อเปิดถนนราชดำเนิน แม้จะมีการเปลี่ยนเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินแล้วก็ตาม เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ส่งเสด็จในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ ในวันที่ 14-19 พฤศจิกายน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. ส่วนช่วงกลางคืนจะปิดถนนไว้เพื่อรักษาความปลอดภัย สำหรับการปราศรัยบนเวทีนั้นจะลดเนื้อหาเรื่องการเมืองลง และจะงดการปราศรัยบางวัน แต่จะเพิ่มพระราชกรณียกิจสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯให้มากขึ้น

โบ้ย "สนธิ" พรมน้ำมนต์ไม่ใช่มติพธม.

พล.ต.จำลองกล่าวถึงงานวันพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ว่า งานวันดังกล่าว ผู้ชุมนุมคงไม่ไปร่วมที่สนามหลวง แต่จะจัดกิจกรรมของตัวเองบนเวที และจะรณรงค์ให้ผู้ชุมนุมใส่ชุดดำให้มากที่สุด

ส่วนเสียงวิจารณ์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรอีกคนพูดถึงไสยศาสตร์บนเวทีนั้น พล.ต.จำลองกล่าวว่า นายสนธิชี้แจงแล้วว่าเหตุการณ์ที่ลานพระรูปทรงม้ารัชกาลที่ 5 นายสนธิไม่ใช่คนทำเอง เพียงแต่ได้ยินแล้วนำมาเล่าให้ฟัง ส่วนกรณีที่นายสนธิแต่งชุดขาวและพรมน้ำมนต์ปัดรังควานสิ่งชั่วร้ายภายในทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมาเป็นความเห็นส่วนตัวนายสนธิ ไม่ใช่เรื่องไสยศาสตร์ เพราะน้ำมนต์ก็นำมาจากพระ และแกนนำพันธมิตรไม่ใช่มีมติว่าจะใช้ไสยศาสตร์

อึ้ง "ชัยอนันต์" นั่งควบ"ไชย้ง-ไทยคม"

นายพิภพยังกล่าวถึงกรณีที่นายชัยอนันต์ สมุทวณิช อดีตผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัยคนสนิทนายสนธิ เป็นกรรมการในมูลนิธิไชย้ง ลิ้มทองกุล และมูลนิธิไทยคมที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ก่อตั้งในขณะเดียวกันว่า เรื่องนี้ต้องไปถาม นายชัยอนันต์เองว่า จะแสดงความชัดเจนอย่างไร เมื่อถามว่า พันธมิตรเรียกร้องให้ประชาชนเลือกข้างจะเอาระบบทักษิณหรือไม่ แต่คนใกล้ตัวกลับไม่รู้ไม่เห็น นายพิภพกล่าวเบี่ยงว่า คนใกล้ตัวมีหลายคนที่ไม่ได้เลือกข้าง "กรณีนายชัยอนันต์ ผมก็ไม่จำเป็นต้องไปคาดคั้นแก เพราะเป็นคนอาวุโส มีสติปัญญา มีความคิด ถ้าจะใช้หลักการนี้ มีหวังผมต้องไปเรียกร้องกับอีกหลายคนเลย"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิไชย้ง ลิ้มทองกุล ก่อตั้งเมื่อปี 2535 ใช้ชื่อมารดาของนายสนธิเป็นชื่อมูลนิธิ มีนายชัยอนันต์เป็นผู้จดทะเบียน ขณะที่มูลนิธิไทยคม ก่อตั้งเมื่อปี 2536 เป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ จดทะเบียนโดยนายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา กรรมการมูลนิธิชุดแรกมี พ.ต.ท.ทักษิณเป็นรองประธาน ปัจจุบันตั้งอยู่ ณ ที่ทำการพรรคไทยรักไทยเดิม บนถนนราชวิถี

"พัลลภ" ซัดพธม.เลอะเทอะลบหลู่

พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อน จปร.7 ได้หารือและล็อบบี้ให้ตนไปช่วย พล.ต.จำลอง จึงหารือกับเพื่อนว่าการเมืองใหม่ที่เสนอมาจะเข้าสู่อำนาจรัฐได้อย่างไร ถ้าไม่มีอำนาจรัฐก็ไม่สามารถไปได้ เมื่อไม่มีปฏิวัติรัฐประหาร รัฐธรรมนูญก็ไม่สามารถแก้ไขได้ ไม่มีใครตอบได้ ทุกคนนิ่งหมด จึงบอกไปว่ากลุ่มพันธมิตรวันนี้เริ่มเลอะเทอะ เอาไสยศาสตร์ คาถาอาคมเข้ามาเล่น โดยเฉพาะการเอาผ้าอนามัยมาถูที่พระบรมรูปทรงม้า รับไม่ได้ เพราะประชาชนทั้งประเทศสักการะพระบรมรูปโดยเฉพาะผู้ที่จบ จปร.ถือว่าเป็นพระบิดา

เมื่อถามว่า กลุ่มพันธมิตรจะยุติบทบาทลงอย่างไร พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ต้องยุติด้วยข้อกฎหมาย เพราะวันนี้ที่อ้างมามันไม่ใช่ เช่น อ้างเรื่องสิทธิเสรีภาพชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ แต่กลับไปยึดทำเนียบรัฐบาลและสร้างบังเกอร์ เป็นภาพที่ไม่ดีต่อประเทศ ยิ่งกว่าสงครามเวียดนามเสียอีก คนที่มาเที่ยวก็ไม่อยากจะมา คนก็ไม่อยากมาลงทุน

"วันนี้กลุ่มพันธมิตรพยายามอ้างสถาบันมาโดยตลอด ซึ่งทหารเคยมีคำขวัญที่ว่าอย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าทำหินแตก อย่าแยกแผ่นดิน รวมถึงการปิดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน ไหนว่าจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เรื่องนี้ประชาชนโดยทั่วไปรับไม่ได้"

แบะท่าพร้อมนั่งรองนายกฯมั่นคง

พล.อ.พัลลภกล่าวว่า บทบาทของทหารในขณะนี้อยู่ในสภาวะลำบาก เพราะปฏิวัติที่ผ่านมาและประสบความล้มเหลว ทำให้ทหารระวังตัวมาก ทหารเองก็คิดว่าทุกคนพร้อมอยากเห็นบ้านเมืองสันติสุข แต่อยู่ในสภาวะที่ทำอะไรไม่ได้ ผบ.เหล่าทัพทุกคนเป็นคนดีใช้ได้ แต่ถูกเรียกร้องจากกลุ่มพันธมิตรให้ทหารทำการปฏิวัติ ซึ่งมีทั้งชม และด่า ทั้งนี้ เรื่องการปฏิวัติทหารจะไม่ทำ และน่าเห็นใจ ผบ.เหล่าทัพ ที่ถูกกดดัน เมื่อถามว่า หากรัฐบาลทาบทามให้นั่งรองนายกฯด้านความมั่นคงจะรับหรือไม่ พล.อ.พัลลภกล่าวว่า จะดูว่าถ้าเข้าไปแล้วสามารถช่วยแก้ไขปัญหาประเทศชาติได้ก็จะเข้าไป ทั้งนี้ ไม่ได้อยู่ข้างกลุ่มพันธมิตรแล้ว

กอ.รมน.ดึงมวลชนนับพันป้องสถาบัน

วันเดียวกัน เวลา 12.00 น. ที่สโมสรทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขานุการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นประธานกล่าวมอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติด้านมวลชนแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมโครงการเสริมสร้างความสามัคคีเพื่อความมั่นคง สร้างความรักสามัคคีของคนในชาติ ปกป้อง และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งมีมวลชนจากสมาคมนักจัดรายการข่าว วิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ และมวลชนของ กอ.รมน.รวม 1,000 คน เข้าร่วม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งใจความว่า ประชาชนทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสบายพระทัย ไม่ว่าจะเชื้อชาติศาสนาใด ปัญหาภัยคุกคามขณะนี้มีมาก ทั้งปัญหายาเสพติด และก่อการร้าย ไม่ใช่จะให้ทหารหรือตำรวจทำงานอย่างเดียว เรื่องปัญหาความมั่นคงจะแก้ได้ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย หากเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงใช้มาตรการเด็ดขาดได้ แต่วัฒนธรรมไทยรับไม่ได้ถ้ามีบาดเจ็บ

"เราไม่คิดว่าจะมีวันนี้ คือ วันที่เราจะต้องมาปวดหัว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทำงานเต็มที่ทั้งทหาร และตำรวจ แต่บางทีเราพูดไม่ได้ และมาว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ความจริงดำเนินการมาตลอด"

ปลุกช่วยกันให้พระองค์สบายพระทัย

"ความจงรักภักดีคืออะไร ไม่มีคำจำกัดความ เพราะอยู่ในหัวใจคนไทยทุกคน เราทุกคนต้องช่วยกันทำ เราทุกคนมีหัวใจดวงเดียว คือ รักพระองค์ท่าน เราต้องอธิบายให้คนเข้าใจถึงความจงรักภักดี คำว่าจงรักภักดีไม่ต้องอธิบายว่าต้องทำอย่างไร ต้องไปจับคนที่ด่าทุกวัน บางทีไม่ต้องไปหาว่าทำอย่างไร จะต้องไปจับคนที่ด่าทุกวันหรือไม่ หรือต้องไปฆ่าทิ้ง คงไม่ใช่คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่เราต้องใช้กฎหมายดำเนินการ เราต้องทำให้พระองค์ท่านทรงสบายพระทัย ทำให้ท่านหมดห่วงเสียทีว่า เราไปด้วยกันได้"

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า อย่ามาคาดหวังกับทหาร แต่ไม่ใช่เราจะไม่รับผิดชอบ แต่ทุกคนต้องช่วยกันหาทางแก้ปัญหากันให้ได้ ไม่มีฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ การแก้ปัญหามีระบบอยู่ ถ้าไม่เข้าในระบบ ก็แก้ปัญหาไม่ได้ ทหารพร้อมจะดูแล เป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน
 
นำโครงสร้างกอ.รมน.ใหม่เข้าครม.
 
"ทุกคนอยากให้บ้านเมืองสงบ ตราบใดที่เราไม่ใช้กฎหมายดูแลบ้านเมือง ก็เหมือนกับเป็นโจร เหมือนกับกรุงเบรุส ประเทศอิสราเอล ที่มีการแบ่งฝั่งกั้นถนนเป็น 2 ฝ่าย ยิงกันเลยท่านเอาหรือไม่ ถ้าท่านไม่ต้องการ ท่านก็ต้องอธิบายให้คนทั้งสองฝ่ายเข้าใจ ไม่ใช่มานั่งด่าตำรวจ ถ้าเป็นอย่างนี้คงไม่มีใครแก้ปัญหาให้ อยากเห็นทุกคนมีน้ำใจให้กัน เลิกทะเลาะกันเสียที มีจุดหมายเดียวกัน ต้องการให้บ้านเมืองปลอดภัย อยากให้ช่วยกันทำให้พระองค์ท่านชื่นชม เพราะทรงเหน็ดเหนื่อยมาพอสมควรแล้ว"
 
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับ กอ.รมน.นั้น มีโครงการสร้างที่บูรณาการจากทุกส่วนงาน เพื่อดูแลทุกปัญหาด้านความมั่นคง โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็น ผอ.รมน. มี ผบ.ทบ.เป็นรอง ผอ.รมน. และมีเสนาธิการทหารบกเป็นเลขานุการ กอ.รมน. ซึ่งมีการช่วยกันทำงานทั้งพลเรือน ตำรวจทหาร ซึ่งโครงสร้าง กอ.รมน.ใหม่จะเข้าคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 11 พฤศจิกายน

ให้กอ.รมน.50เขตแจ้งคนทำผิดกม.

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ต้องการให้มวลชน กอ.รมน.ใน 50 เขตของกรุงเทพฯไปแจ้งไปเตือนกับผู้ที่ทำไม่ถูกกฎหมายให้หยุดและเลิก ส่วนผู้ที่ทำความผิดชัดเจนก็นำไปดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อถามว่า กลุ่มพันธมิตรไม่ยอมเปิดถนนราชดำเนินให้เป็นเส้นทางเสด็จฯในงานพระราชพิธี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลกำลังแก้ปัญหาอยู่ อยู่ระหว่างการพูดคุย เมื่อถามว่ารู้สึกอึดอัดหรือไม่ที่ถูกสังคมกดดันให้กองทัพออกมาแก้วิกฤตบ้านเมือง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกคนพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่บางอย่างพูดไม่ได้ หากใช้คำว่ากดดันคงไม่ถูก เพราะเป็นหน้าที่ที่เราต้องทำ

เผยตร.สอบกรณีผ้าอนามัยแล้ว

เมื่อถามถึงกรณีนายสนธิระบุว่า ได้นำผ้าอนามัยวางที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เป็นการหมิ่นสถาบันหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นหน้าที่ตำรวจ แจ้งความอยู่แล้ว ขณะนี้กำลังสอบสวนอยู่ หากมีความผิดจริงต้องดำเนินการ ในสังคมเป็นเรื่องที่ทุกคนในชาติต้องปฏิบัติ เมื่อถามว่ายังมีกลุ่มพยายามดึงสถาบันมายุ่งเกี่ยวการเมืองมากหรือน้อย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มีส่วนน้อยที่ดำเนินการอยู่ จะว่ามากหรือน้อยคงไม่ได้ แต่ต้องดำเนินการให้เลิก ส่วนการเอาผิดกับผู้หมิ่นสถาบันจะทำเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทำทุกกลุ่มหากใครทำผิดต้องรับผิด ไม่แบ่งเสื้อแดงหรือเสื้อเหลือง ส่วนพันธมิตรยังมีความชอบธรรมชุมนุมหรือไม่ให้สังคมไทยตัดสิน

มส.ชี้ผู้ถือศีลเท่านั้นพรมน้ำมนต์ได้

นายอำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงนายสนธินุ่งขาวห่มขาว พรมน้ำมนต์ว่า การประพรมน้ำมนต์นั้น นอกจากพระสงฆ์แล้ว ผู้ที่จะทำได้ต้องเป็นผู้ที่ถือศีล มีความบริสุทธ์ น่านับถือ และน่าเลื่อมใสเท่านั้น ถึงจะมีความเหมาะสม

พระธรรมกิตติเมธี โฆษก มส. กล่าวว่า เท่าที่เห็นในสังคมไทย ส่วนใหญ่ผู้ที่จะประกอบพิธีประพรมน้ำมนต์ ควรจะเป็นพระสงฆ์ที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากพุทธศาสนิกชน หรือในบางครั้งจะเป็นพราหมณ์ รวมทั้งเป็นผู้ที่รักษาศีลอย่างเคร่งครัดเท่านั้น ส่วนความเหมาะสมที่นายสนธิประพรมน้ำมนต์นั้น ขึ้นอยู่กับการใช้วิจารณญาณของกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย

ร้องตร.หา"อภิรักษ์" ปล่อยปิดถนน

ก่อนหน้านี้ เวลา 10.30 น. นายพิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความจาก บริษัท สำนักกฎหมายนิติเอกราช จำกัด เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.นิทัศน์ ศรีกฤษณะรักษ์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ป.ป.ป.) ให้ดำเนินคดีกับนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยนำสำเนาข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย ในเขตกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2523 มาประกอบแจ้งความ กรณีไม่ดำเนินการกับกลุ่มพันธมิตรที่กีดขวางการจราจ

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์