เปิดสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนไทย-จีน-ฟิลิปปินส์ คู่มืออัยการล่าตัว บักแม้วตุหรัดตุเหร่


ถ้าปักหลักอยู่นานจนทางการไทยสืบได้จนมีหลักฐานว่า พำนักอยู่ที่ไหน อาจจะขอให้ประเทศภาคีที่ทำสันธิสัญญาจับกุมตัวชั่วคราวได้ทันที ก่อนทำเรื่องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนอย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุผลดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณ จึงต้องตุหรัดตุเหร่ไปตามประเทศต่างๆ

หลังจาก สำนักงานพรมแดนสหราชอาณาจักร ได้ยกเลิกวีซ่าเข้าสหราชอาณาจักรของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรี หนังสือเดินทางไทยหมายเลข D215863 และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยา หนังสือเดินทางไทยหมายเลข D206635

ก็มีข่าวหลายกระแสว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่นั่นที่นี่ บางกระแสบอกว่า ปักหลักอยู่ในคฤหาสน์หรูในสนามกอล์ฟของนายชาญชัย รวยรุงเรือง ในกรุงปักกิ่ง

บางกระแสบอกว่า จับเครื่องบินไปลงที่ฟิลิปปินส์

ว่ากันว่า เหตุที่พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่อาจปักหลัก ณ ที่มใด ที่หนึ่งเป็นเวลานานในประเทศแถบอาเซียนหรือเอเชียบางประเทศ เพราะมี พ.ร.บ.ว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับประเทศภาคีเหล่านั้น

ดังนั้น ถ้าปักหลักอยู่นานจนทางการไทยสืบได้จนมีหลักฐานว่า พำนักอยู่ที่ไหน สำนักงานอัยการศุงสุดอาจจะขอให้ทางการประเทศนั้นหรือประเทศภาคีที่ทำสันธิสัญญาจับกุมตัวชั่วคราวได้ทันที ก่อนทำเรื่องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนอย่างเป็นทางการไปในภายหลัง

ด้วยเหตุผลดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณ จึงต้องตุหรัดตุเหร่ไปตามประเทศต่างๆ

เพื่อให้เห็นว่า ทางการไทยมีช่องที่จะนำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ กลับมารับโทษในประเทศไทยตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีทุจริตประมูลที่ดิน ถนนรัชดาภิเษก
 
"มติชนออนไลน์" จึงสรุปสาระสำคัญของพ.ร.บ.ว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณประชาชนจีนและสาธารณรัฐฟิลิปปินส์มานำเสนอ

สาระสำคัญ พ.ร.บ.ว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนพ.ศ. 2541
  
การส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนให้เป็นไปตามสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนท้าย พ.ร.บ.นี้
 
สนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
  

ข้อผูกพันในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
  
ภาคีคู่สัญญาตกลงที่จะส่งให้แก่กันและกัน ซึ่งตัวบุคคลที่พบในดินแดนของภาคีคู่สัญญาฝ่ายหนึ่ง ซึ่งถูกต้องการตัวเพื่อการฟ้องร้อง การพิจารณาคดี หรือเพื่อการกำหนดหรือดำเนินการลงโทษในดินแดนของภาคีคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง สำหรับการกระทำความผิดที่ส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้

ความผิดที่ส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้
  
1. ความผิดที่ส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้คือความผิดซึ่งลงโทษได้ตามกฎหมายของภาคีคู่สัญญา โดยโทษจำคุกหรือการกักขังในรูปแบบอื่นเป็นระยะเวลามากกว่าหนึ่งปี หรือโดยโทษที่หนักกว่า

2.  ในกรณีที่คำร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนเกี่ยวข้องกับบุคคลที่ถูกลงโทษจำคุกหรือกักขังในรูปแบบอื่น โดยศาลของภาคีที่ร้องขอสำหรับความผิดที่ส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ จะให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนกันได้ หากระยะเวลาของโทษที่จะต้องรับต่อตามคำพิพากษาเหลืออยู่อย่างน้อยหกเดือน

3.  การวินิจฉัยว่าความผิดใดเป็นความผิดตามกฎหมายของภาคีคู่สัญญา จะไม่คำนึงว่ ากฎหมายของภาคีคู่สัญญาได้กำหนดให้การกระทำที่ก่อให้เกิดความผิดนั้นอยู่ในประเภทเดียวกัน หรือได้เรียกชื่อความผิดเป็นอย่างเดียวกันหรือไม่ก็ตาม

4. เมื่อให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนสำหรับความผิดที่ส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ความผิดหนึ่งแล้ว อาจจะให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนในความผิดอื่นซึ่งระบุไว้ในคำร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่เป็นไปตามเงื่อนไขสำหรับการส่งผู้ร้ายข้ามแดน แม้ว่า จะไม่เข้าเงื่อนไขที่เกี่ยวกับระยะเวลาของโทษหรือคำสั่งกักขังที่ระบุไว้ในวรรค 1 และ 2 ของข้อนี้

เหตุสำหรับการปฏิเสธไม่ส่งผู้ร้ายข้ามแดน
  
การส่งผู้ร้ายข้ามแดนจะไม่ได้รับการอนุมัติภายใต้สนธิสัญญานี้ในสถานการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้

(1)  ภาคีที่ได้รับการร้องขอพิจารณาว่า ความผิดดังกล่าวเป็นความผิดทางการเมือง ความผิดทางการเมืองในที่นี้จะไม่รวมถึงการปลงชีวิตหรือการพยายามปลงชีวิตหรือการประทุษร้ายต่อร่างกายของประมุขแห่งรัฐหรือหัวหน้ารัฐบาลหรือสมาชิกในครอบครัวของบุคคลดังกล่าว

(2)  ภาคีที่ได้รับการร้องขอมีเหตุผลหนักแน่นในอันที่จะสันนิษฐานว่า คำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนมุ่งประสงค์ที่จะดำเนินคดี หรือดำเนินการลงโทษต่อบุคคลที่ถูกขอให้ส่งตัว โดยมีสาเหตุจากเชื้อชาติ ศาสนา สัญชาติ หรือความเห็นทางการเมืองของบุคคลนั้น หรือว่า สถานะของบุคคลที่ถูกขอให้ส่งตัวเพื่อดำเนินคดีทางศาลจะถูกกระทบโดยสาเหตุดังกล่าวข้างต้น

(3)  ความผิดที่ขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนเป็นความผิดเพียงเฉพาะตามกฎหมายทางทหารของภาคีที่ร้องขอ และมิใช่เป็นความผิดตามกฎหมายอาญาของภาคีดังกล่าว

(4)  การฟ้องร้องหรือการดำเนินการลงโทษสำหรับความผิดที่ขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้นต้องห้ามโดยเหตุที่บัญญัติไว้ตามกฎหมายของภาคีคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง รวมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวกับอายุความ

(5)  ภาคีที่ได้รับการร้องขอได้มีคำพิพากษาต่อบุคคลที่ถูกขอให้ส่งตัวสำหรับความผิดเดียวกันก่อนมีคำร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน

เหตุสำหรับการใช้ดุลยพินิจปฏิเสธการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
  
การส่งผู้ร้ายข้ามแดนอาจถูกปฏิเสธในสถานการณ์อย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
 
(1)  ภาคีที่ได้รับการร้องขอมีเขตอำนาจตามกฎหมายเหนือความผิดที่อ้างถึงในคำร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน และจะดำเนินคดีต่อบุคคลที่ถูกขอให้ส่งตัว

(2)  ในกรณีพิเศษ ภาคีที่ได้รับการร้องขอแม้จะได้ตระหนักถึงความรุนแรงของความผิด และผลประโยชน์ของภาคีที่ร้องขอแล้ว ยังเห็นว่า การส่งผู้ร้ายข้ามแดนอาจไม่สอดคล้องกับข้อพิจารณาด้านมนุษยธรรมอันสืบเนื่องมาจากสภาพการณ์ส่วนบุคคลของบุคคลที่ถูกขอให้ส่งตัว

(3)  ภาคีที่ได้รับการร้องขอกำลังดำเนินคดีต่อบุคคลที่ถูกขอให้ส่งตัวสำหรับความผิดเดียวกัน

การจับกุมชั่วคราว
  
1.  ในกรณีเร่งด่วน ภาคีคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งอาจร้องขอภาคีคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งให้จับกุมบุคคลที่ถูกขอให้ส่งตัวไว้ชั่วคราวได้ ทั้งนี้จะทำเป็นลายลักษณ์อักษรโดยส่งไปยังภาคีที่ได้รับการร้องขอผ่านช่องทางการทูต หรือโดยผ่านองค์การตำรวจสากล

2.  คำร้องขอจะประกอบด้วย รูปพรรณของบุคคลที่ถูกขอให้ส่งตัว ที่อยู่ของบุคคลนั้นหากรู้ คำแถลงย่อเกี่ยวกับข้อเท็จจริงในคดี คำแถลงว่าได้มีหมายจับหรือได้มีคำพิพากษาว่ากระทำผิดสำหรับบุคคลนั้นและคำแถลงว่าจะได้ส่งคำร้องขอให้ส่งบุคคลดังกล่าวข้ามแดนตามมา

3.  จะมีการแจ้งผลของคำร้องขอแก่ภาคีที่ร้องขอโดยไม่ชักช้า

4..  การจับกุมชั่วคราวจะสิ้นสุดลง หากภายในระยะเวลาหกสิบวันหลังการจับกุมบุคคลที่ถูกขอให้ส่งตัว เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของภาคีที่ได้รับการร้องขอยังมิได้รับคำร้องขออย่างเป็นทางการให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนและเอกสารสนับสนุนที่จำเป็น

5.  การที่การจับกุมชั่วคราวสิ้นสุดลงจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการส่งบุคคลดังกล่าวข้ามแดน หากมีการส่งคำร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนและเอกสารสนับสนุนตามมาในภายหลัง

@@@@@@@@@@@@@@@

สาระสำคัญพ.ร.บ.ว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐฟิลิปปินส์พ.ศ. 2527
  
 การส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ให้เป็นไปตามสนธิสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ท้ายพระราชบัญญัตินี้
 
สนธิสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
  
ข้อผูกพันในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
  
รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ตกลงที่จะส่งให้แก่กันและกันภายใต้พฤติการณ์และเงื่อนไขดังที่ระบุไว้ในสนธิสัญญานี้ ซึ่งตัวบุคคลที่พบในดินแดนของตน ซึ่งกำลังถูกกล่าวหาหรือถูกดำเนินคดี ถูกตัดสินว่ามีความผิด หรือถูกพิพากษาลงโทษในความผิดใดความผิดหนึ่งข้อ 2 ของสนธิสัญญานี้ ซึ่งได้กระทำในดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่งหรือนอกดินแดนนั้นภายใต้เงื่อนไขที่ระบุไว้ในข้อ 4

ข้อ  2 ความผิดที่ส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้
  
1.  บุคคลที่กำลังถูกกล่าวหาหรือถูกดำเนินคดี ถูกตัดสินว่ามีความผิดหรือถูกพิพากษาลงโทษในความผิดใดความผิดหนึ่งดังต่อไปนี้ และความผิดดังกล่าวเป็นความผิดที่มีโทษตามกฎหมายของภาคีทั้งสองฝ่ายซึ่งอาจเป็นโทษประหารชีวิต หรือจำคุก หรือทำให้ปราศจากเสรีภาพเป็นระยะเวลาเกินกว่า 1 ปี

ก)  ฆ่าหรือทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ข)  ข่มขืนกระทำชำเรา กระทำอนาจาร กระทำการทางเพศที่ผิดกฎหมายกับหรือต่อผู้เยาว์ภายในอายุที่กำหนดไว้ในกฎหมายอาญาของภาคีทั้งสองฝ่าย
ค)  ลักพาตัว
ง)  ทำร้ายร่างกาย
จ)  หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือโดยพลการ
ฉ)  เอาคนลงเป็นทาส และความผิดอื่นในทำนองเดียวกัน
ช)  ชิงทรัพย์ ลักทรัพย์
ซ)  ยักยอก ฉ้อโกง หลอกลวง
ฌ)  กรรโชก ข่มขู่ รีดเอาทรัพย์
ญ)  ให้สินบนและฉ้อราษฎร์บังหลวง
ฎ)  แก้ไขเอกสารโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เบิกความเท็จ แสดงทำและใช้พยานหลักฐานอันเป็นเท็จ
ฏ)  ปลอมเอกสาร ปลอมเงินตรา และความผิดที่เกี่ยวข้อง
ฐ)  นำสินค้าเข้าหรือออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ฑ)  วางเพลิง ทำลายหรือทำให้ทรัพย์สินเสียหายโดยเจตนาหรือโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ฒ)  ยึดอากาศยาน กระทำการอันเป็นโจรสลัด ก่อการจลาจลในเรือ
ณ)  ความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด ยาอันตรายหรือยาต้องห้าม หรือวัตถุเคมีต้องห้าม
ด)  ความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิดหรือเครื่องมือในการวางเพลิง
 
2.  การส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้กระทำได้สำหรับการร่วมกระทำความผิดใดๆ ที่ระบุไว้ในข้อนี้ทั้งในฐานะตัวการหรือผู้สนับสนุนและผู้สมคบ รวมทั้งการพยายามหรือวางแผนกระทำความผิดใดที่กล่าวไว้ข้างต้น ถ้าการร่วมกระทำ การพยายามหรือวางแผนเหล่านั้นเป็นความผิดที่มีโทษตามกฎหมายของภาคีทั้งสองฝ่ายโดยการจำคุกหรือทำให้ปราศจากเสรีภาพเป็นระยะเวลาเกินกว่า 1 ปี

3.  การส่งผู้ร้ายข้ามแดนอาจกระทำได้โดยดุลยพินิจของภาคีฝ่ายที่ได้รับการร้องขอในความผิดอื่นใดที่อาจส่งตัวให้กันได้ตามกฎหมายของภาคีทั้งสองฝ่ายด้วย

4.  ถ้ามีการร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนสำหรับความผิดใดที่รวมอยู่ในวรรค 1,2 และ 3 ของข้อนี้และความผิดนั้นมีโทษตามกฎหมายของภาคีทั้งสองฝ่ายโดยการจำคุกหรือทำให้ปราศจากเสรีภาพเป็นระยะเวลาเกินกว่า 1 ปี การส่งผู้ร้ายข้ามแดน ไม่ว่ากฎหมายของภาคีทั้งสองฝ่ายจะจัดประเภทความผิดนั้นไว้ในความผิดประเภทเดียวกัน หรือเรียกชื่อความผิดเหมือนกันหรือไม่ก็ตาม หากองค์ประกอบของความผิดนั้นตรงกับองค์ประกอบของความผิดฐานหนึ่งหรือมากกว่าที่กล่าวไว้ในข้อนี้ตามกฎหมายของภาคีทั้งสองฝ่าย

ความผิดทางการเมือง
  
1.  จะไม่มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ถ้าความผิดที่ได้รับการร้องขอนั้นภาคีฝ่ายที่ได้รับการร้องขอถือว่าเป็นความผิดทางการเมือง

2.  ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นว่าคดีใดเป็นความผิดทางการเมืองหรือไม่ให้คำวินิจฉัยของภาคีฝ่ายที่ได้รับการร้องขอเป็นเด็ดขาด

3.  การปลงชีวิตหรือพยายามปลงชีวิตประมุขแห่งรัฐหรือผู้รักษาการแทนประมุขแห่งรัฐหรือหัวหน้าคณะรัฐบาลของภาคีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือสมาชิกในครอบครัวของบุคคลดังกล่าว มิให้ถือว่าเป็นความผิดทางการเมือง ตามความมุ่งประสงค์แห่งสนธิสัญญานี้

ข้อยกเว้นของข้อผูกพันในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
  
จะไม่มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนในกรณีต่อไปนี้

ก)  เมื่อบุคคลที่ถูกขอให้ส่งตัวได้ถูกพิจารณาคดีและได้มีคำพิพากษาให้ปล่อยตัว หรือได้รับโทษในดินแดนของรัฐที่สาม สำหรับความผิดที่ได้รับการร้องขอให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนแล้ว

ข)  เมื่อการฟ้องคดีหรือการบังคับโทษสำหรับความผิดนั้นต้องห้ามโดยอายุความหรือขาดอายุความตามกฎหมายของภาคีฝ่ายที่ร้องขอ

ค)  เมื่อความผิดนั้นเป็นการละเมิดกฎหมายหรือข้อบังคับทางทหารที่มิใช่ความผิดตามกฎหมายอาญาทั่วไป

การจับกุมชั่วคราว
  
1.  ในกรณีเร่งด่วนเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของภาคีฝ่ายที่ร้องขออาจร้องขอให้จับกุมบุคคลที่ต้องการตัวไว้ชั่วคราว เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของภาคีฝ่ายที่ได้รับการร้องขอจะวินิจฉัยเรื่องนี้ตามกฎหมายของตน

2.  ในคำร้องขอให้จับกุมชั่วคราวจะต้องแจ้งว่ามีเอกสารที่ระบุไว้ใอยู่แล้ว และประสงค์จะส่งคำร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน คำร้องขอจะต้องแจ้งด้วยว่า ความผิดใดที่จะขอให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนและความผิดเช่นว่านั้นได้เกิดขึ้นเมื่อใดและที่ใด พร้อมทั้งแจ้งรูปพรรณของบุคคลที่ต้องการตัวเท่าที่จะทำได้

3.  คำร้องขอให้จับกุมชั่วคราวนั้น ในประเทศไทย จะต้องส่งให้อธิบดีกรมตำรวจ และในประเทศฟิลิปปินส์ จะต้องส่งให้สำนักงานสอบสวนแห่งชาติ โดยจะส่งผ่านทางการทูตหรือส่งโดยตรงทางไปรษณีย์หรือโทรเลขหรือโดยผ่านทางองค์การตำรวจสากล (อินเตอร์โปล) ก็ได้

4.  ภาคีฝ่ายที่ร้องขอจะต้องได้รับแจ้งผลของการร้องขอโดยไม่ชักช้า

5.  การจับกุมชั่วคราวอาจสิ้นสุดลงถ้าภายในระยะเวลา 20 วันหลังการจับกุมภาคีฝ่ายที่ได้รับคำร้องขอมิได้รับคำร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนและเอกสารที่ระบุไว้

7.  การปล่อยตัวจากการจับกุมชั่วคราวจะไม่กระทบกระเทือนต่อการจับกุมใหม่และการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ถ้าได้รับการร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนในภายหลัง

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์