นายกฯกล่อมแบงก์ปล่อยกู้รายย่อย ถกรับมือวิกฤติการเงินโลก-ย้ำไม่บีบธปท.ลดดอกเบี้ย

นายกฯ ถกผู้บริหาร 16 แบงก์ รับมือวิกฤติการเงินโลก กล่อมปล่อยสินเชื่อรายย่อยและเอสเอ็มอี ระบุแบงก์ขอให้ทบทวน พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก พร้อมยันสภาพคล่องยังดีไม่มีปัญหา แม้มีประชาชนขอถอนเงินออกไปบ้าง ย้ำไม่บีบ ธปท.ลดดอกเบี้ย

 นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการเชิญผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ 16 แห่งเข้าพบว่า
 
เพื่อหารือเกี่ยวกับวิกฤติเศรษฐกิจการเงินโลก โดยรัฐบาลได้สอบถามถึงปัญหาของธนาคารและต้องการให้รัฐบาลช่วยดูแลในเรื่องใดบ้าง ขณะที่ธนาคารจะมีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลอย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตาม ธนาคารไม่ได้ต้องการความช่วยเหลืออะไรจากรัฐบาลเป็นพิเศษ เพราะธนาคารสามารถช่วยเหลือตัวเองได้อยู่แล้ว แต่ได้มีข้อเสนอใน 6-7 ประเด็น เช่น การพิจารณาทบทวน พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก เพราะอาจจะทำให้ขาดความเชื่อมั่นจากผู้ฝากเงินรายใหญ่


 "ผมก็เห็นด้วย ซึ่งส่วนตัวแล้วไม่ค่อยเห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้เท่าไร แต่เมื่อกฎหมายบังคับใช้แล้วก็ต้องใช้ต่อไป และรัฐบาลก็ยืดเวลาออกไป 3 ปี เพราะถ้านำมาใช้ทันที จะเป็นปัญหาเรื่องความเชื่อมั่น เพราะคนจะถอนเงินออกจากธนาคารแล้วไปลงทุนอย่างอื่น ทำให้ธนาคารขาดสภาพคล่องได้ แต่ผู้บริหารธนาคารบอกว่า ขณะนี้สถานะของธนาคารไม่มีอะไรน่าห่วง แต่ต้องหาทางป้องกันไว้”นายสมชายกล่าว


 นายสมชายกล่าวว่า

ระหว่างการหารือผู้บริหารธนาคารได้หยิบยกประเด็นการปล่อยสินเชื่อให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) มาหารือด้วย โดยเฉพาะการปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้ารายย่อย อย่างไรก็ตาม
รัฐบาลคงจะไปบังคับให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อตามที่รัฐบาลต้องการไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของแต่ละรายต้องพิจารณาว่าจะปล่อยสินเชื่อในวงเงินเท่าใด เพราะไม่ใช่เงินของรัฐบาล ซึ่งการหารือวันนี้ ก็เพื่อหาทางช่วยเหลือระบบการกู้เงินเท่านั้น


 นายกรัฐมนตรียอมรับว่า

จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ทำให้มีประชาชนถอนเงินฝากบางส่วนออกจากสถาบันการเงิน ซึ่งธนาคารยืนยันว่าไม่ได้รับความเดือดร้อนมากนักในเรื่องสภาพคล่อง
แต่ปัญหา คือธนาคารจะต้องระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งอาจทำให้การหมุนเวียนของเงินหรือการปล่อยสินเชื่อถดถอยลงไป รัฐบาลก็เข้าใจและเห็นใจว่าถ้าปล่อยสินเชื่อโดยไม่รอบคอบก็จะเกิดหนี้เสียได้


 “ผมได้ขอให้ธนาคารอยู่ตรงจุดกึ่งกลาง อย่าไปสกัดกั้นเสียทีเดียว โดยในส่วนที่ไม่ใช่รายใหญ่ แต่มีหลักฐาน มีงานทำ มีความสามารถในการชำระหนี้ก็ขอให้ปล่อยสินเชื่อ”นายสมชายกล่าวและว่า ที่ประชุมไม่ได้หารือเรื่องอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังต้องไปหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่ในฐานะที่เป็นรัฐบาลคงพูดเรื่องนี้ได้ลำบาก ต้องให้ ธปท.เป็นผู้พิจารณาว่าจะลดหรือเพิ่มอัตราดอกเบี้ย


 ส่วนการรับมือผลกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐนั้น นายสมชายกล่าวว่า

เศรษฐกิจปีหน้าจะเผาจริงหรือเผาหลอก ตนไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แต่ในปีนี้เริ่มมีการล้มของสถาบันการเงินในสหรัฐ และยุโรป เหมือนกับที่ไทยเคยเจอวิกฤติการณ์ต้มยำกุ้ง ซึ่งเมื่อแบงก์ล้มในปีแรกก็ยังไม่ส่งผลกระทบมากนัก แต่พอปีที่สองผลกระทบก็เกิดวิกฤติขึ้น


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์