สื่อนอกตีข่าวทักษิณตัดพ้อไร้หนทางกลับไทย

เมื่อวันที่ 1 พ.ย. สำนักข่าวเอพีของอเมริการายงานการชุมนุมของกลุ่มนปช. และการโฟนอินเข้ามาในสถานที่ชุมนุมที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า

จำนวนผู้ชุมนุมมีราว 3 ใน 4 ของสนามที่มีความจุ 65,000 คน ขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวกับผู้ชุมนุมว่า คิดถึงทุกคน แต่กลับเมืองไทยไม่ได้ ตราบเท่าที่ยังติดโทษจำคุก จากการเล่นงานของศัตรูทางการเมือง จึงไม่มีหนทางใดที่จะเป็นไปได้ ยกเว้นได้รับพระราชทานอภัยโทษหรือเป็นเพราะพลังของประชาชน

 ด้านสำนักข่าวเอเอฟพีของฝรั่งเศสรายงานว่า
 
ผู้ชุมนุมมีจำนวนราว 90,000 คนเพื่อมาฟังเสียงของพ.ต.ท.ทักษิณ โดยเป็นการชุมนุมที่เกิดขึ้นในขณะที่สังคมไทยแตกแยกเป็นกลุ่มที่ต่อต้านและกลุ่มสนับสนุนทักษิณ


ส่วนสำนักข่าวอัลจาซีร่า ของอาหรับ รายงานว่า

พ.ต.ท.ทักษิณพูดกับผู้ชุมนุมราว 10 นาที โดยระบุว่า จากบทลงโทษที่ศาลตัดสิน ตนต้องอยู่นอกประเทศราว 10 ให้คดีหมดอายุความ แต่ตนขอถามประชาชนว่า อยากให้ตนอยู่นอกประเทศนานอย่างนั้นหรือ

 ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา  15.00 น.  ที่ห้องประชุมชั้น 13 สำนักงานศาลยุติธรรม ถนนรัชดาภิเษก นายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และนายประสงค์ มหาลี้ตระกูล โฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงว่า

นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกา ไม่เคยมีคำสั่งหรือให้ดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งในเรื่องของการเฝ้าติดตามการโทรศัพท์สายตรง เข้ารายการความจริงวันนี้สัญจร วันที่ 1 พ.ย. และไม่ได้สั่งการให้เผยแพร่คำพิพากษาคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก ลงในเว็บไซต์ของศาลฎีกา
โดยนายประสงค์ โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า สำนักงานศาลยุติธรรมยืนยันว่ากรณีดังกล่าวเป็นการแอบอ้างชื่อประธานศาลฎีกา ซึ่งข่าวดังกล่าวไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด 


เมื่อถามว่าประธานศาลฎีกาได้แสดงความกังวลและห่วงใยต่อกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวพาดพิงกระบวนการยุติธรรม ขณะที่องค์กรวิชาชีพอย่างสภาทนายความยังได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า

กระทำการลบหลู่ศาลยุติธรรม นายสราวุธ กล่าวว่า การทำงานของศาลยุติธรรมเหตุผลต่างๆ ปรากฏอยู่ในคำพิพากษา โดยการทำงานของศาลยุติธรรมนั้นไม่อาจออกมาตอบโต้หรือโต้เถียงกับคู่ความในคดีได้ เพราะศาลมีหน้าที่วินิจฉัยชี้ขาดคดี ที่มีความอิสระและเป็นกลางในการทำหน้าที่ดังนั้นศาลจึงไม่ใช่คู่กรณีของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เรามีหน้าที่ให้ความเป็นธรรมแก่คู่ความ

  “ปกติการจะดูว่าใครกระทำผิดกฎหมายอาญาใดก็ต้องดูว่าการกระทำของเขาเข้าองค์ประกอบความผิดทางกฎหมายหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของคนที่ถูกกล่าวหา ดังนั้นต้องดูข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก่อน โดยความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลนั้น การใช้อำนาจของศาลก็ต้องกระทำด้วยความระมัดระวัง ใช้เท่าที่จำเป็นเพราะมีทั้งโทษจำคุก และปรับด้วย”นายสราวุธ กล่าว


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์