ศักดิ์ศรีสูง-เดิมพันสูง ไชยยศ-ประสงค์ เก้าอี้ มท.3 หรือ กบฏ เพื่อแผ่นดิน


ศึกชิงเก้าอี้ รมช. มหาดไทยที่เกิดขึ้นกับ "คนการเมือง" ของพรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย ด้วยเพราะพรรคการเมืองแห่งนี้ควบรวมกลุ่มการเมืองไว้ด้วยกันถึง 5 ก๊ก 1 แซ่

จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์ "ต่อรอง-ขัดแย้ง-แสดงอำนาจ" เกิดขึ้นทุกครั้งที่มีการจัดสรรตำแหน่งสำคัญ

ทว่าครั้งนี้ถูกวิจารณ์ว่าผิดที่ ผิดเวลา เนื่องจากเป็น "ความปกติ" ทางการเมืองที่อุบัติขึ้นในภาวะ "ไม่ปกติ " ของบ้านเมือง

เวลา 15.30 น. ของวันที่ 28 ตุลาคม "ไชยยศ จิระเมธากร" โฆษก พผ.กลุ่มวังพญานาค พร้อมเพื่อนร่วมพรรคอีก 3 ชีวิต เปิดแถลงข่าวที่รัฐสภาว่า "ประสงค์ โฆษิตานนท์" นายทุนพรรคยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง รมว.มหาดไทย แล้ว โดยให้เหตุผลว่ามีปัญหาด้านสุขภาพ ไม่สามารถปฏิบัติราชการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

พร้อมกันนี้มีการเปิดชื่อ "ว่าที่ มท.3 คนใหม่" ซึ่งเป็นชื่อของ "ไชยยศ" นั่นเอง

คล้อยหลังไปเพียง 5 ชั่วโมง "เสนาบดีที่ถูกริบเก้าอี้" ได้ออกมาแถลงข่าวแก้ทันควัน โดยยืนยันไม่ลาออกจากตำแหน่ง และไม่มีปัญหาด้านสุขภาพ

ถือเป็นการประกาศ "ศึกชิงบังลังก์วังคลองหลอด" ระหว่าง "นักการเมืองอาชีพ" กับ "นายทุน" อย่างเป็นทางการ!

ว่ากันว่าเป้าประสงค์หลักในการเปิดแถลงข่าวของ "ไชยยศ" หาได้เป็นการตะเพิด "ประสงค์" ไม่ แต่ต้องการตีกันคนในสัมพันธ์ลึก "กลุ่ม 16" ที่ฝังตัวอยู่ในพรรคพลังประชาชน (พปช.) และกลุ่มบ้านริมน้ำ พผ.ไม่ให้สมคบกัน "เปลี่ยนตัว รมต.กลางอากาศ" เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในกรณี "สุวิทย์ คุณกิตติ" หัวหน้า พผ.

แต่เมื่อ "รมช.มหาดไทย 2 สมัย" เกิดเกาะเก้าอี้ไม่ยอมปล่อย "ว่าที่ รมช. มหาดไทยคนใหม่" จึงออกอากาศฉุนขาดแบบสุดสุด

สารพัด "หลักฐาน" และ "พยานบุคคล" ถูกงัดขึ้นมาเขี่ย "คนหัวขาว" ให้พ้นจากวังวนอำนาจ

มีรายงานว่า "ประสงค์-ไชยยศ" ได้ทำ "สัญญาใจ" ณ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี เมื่อเดือนกันยายน 2551 หลัง "พินิจ จารุสมบัติ-ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ" แกนนำวังพญานาค ในฐานะผู้ชักนำ "เงินถุง" เข้าพรรค เอ่ยปากขอร้องให้ ส.ส.(ลูกน้องคนสนิท) เสียสละไม่รับตำแหน่ง เพราะไม่อยากหักหน้า "ประสงค์" ที่เพิ่งพิมพ์นามบัตร รมช.มหาดไทย ได้เพียง 2 เดือน

เป็นผลให้ชื่อ "ไชยยศ" หลุดโผ ครม. "สมชาย 1" ในนาทีเกือบสุดท้าย!!

วันนั้นมีการกำหนดข้อตกลงร่วมกันว่า "ประสงค์" ต้องคายเก้าอี้ให้ "ไชยยศ" ภายใน 3 สัปดาห์ หรือวันที่ 15 ตุลาคม 2551 พร้อมกันนี้ยังมีการ "จับมือ" เขียนใบลาออกไว้ล่วงหน้า โดยไม่ลงวันที่ เพื่อกันการบิดพลิ้ว

โดยมีสักขีพยานหลายคน อาทิ "พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก" รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค "สุวิทย์ คุณกิตติ" หัวหน้าพรรค "ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี" รมช.คลัง รวมถึง "พินิจ-ปรีชา"

"ผมไม่อยากให้เกิดภาพว่าถูกปรับออก ไว้ถึงเวลาผมจะแถลงลาออกเอง" คือคำมั่นที่คนในสังกัด "วังพญานาค" ให้ไว้แก่กัน

ทว่าเมื่อ "เวลาหมดอายุ" มาถึง "คนเก่า" กลับอิดออดจน "คนใหม่" ต้องออกมา "ไล่ที่"!!

โดยเฉพาะ 1 วันก่อน "เผด็จศึก" ที่ "ไชยยศ" บุกไปพบ มท. 3 ถึงกระทรวง เพื่อแจ้งว่าจะทำให้ใบลาออกมีผล เพราะ "ประสงค์" นั่ง "เก้าอี้บูด" มา 13 วันแล้ว

น่าแปลกที่
"ประสงค์" ไม่ว่าอะไร ซ้ำยังบอกให้ดำเนินการตามนั้นได้เลย แต่สุดท้ายก็เป็น "ประสงค์" นั่นเองที่ออกมาระบุว่า "เข้าใจผิด-ไม่ติดใจ-เอกสารปลอม?"

ตลอดคืนวันที่ 28 เข้าสู่วันที่ 29 ตุลาคม ผู้ท้าชิงเก้าอี้ มท.3 ออกไล่ล่า "แนวร่วม" ทั้งในและนอกพรรค "ประสงค์" โทร.ติดต่อ ส.ส.พผ. หลายคนเพื่อยื่น "เงื่อนไขพิเศษ" แลกกับเสียงสนับสนุนต่อเวลาเป็น รมต.และยังเดินสายพบหัวหน้ามุ้งอีกหลายคน โดยเฉพาะบุคคลที่เคยอยู่ภายใต้การ "อุปถัมภ์" ของเขา

ขณะที่ฝาก "ไชยยศ" ไปซุ่มรอ "สมพงษ์ อมรวิวัฒน์" รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ที่อาคารรัฐสภา เพื่อฝากเอกสาร 2 ชิ้นไปให้ "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้แก่ 1.หนังสือลาออกของ "ประสงค์" 2.หนังสือเสนอชื่อตนดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย โดยมีลายเซ็นหัวหน้า พผ.กำกับเรียบร้อย

อย่างไรก็ตาม
"สมชาย" ได้ประกาศว่าจะไม่ปรับ ครม.ในช่วงนี้ และยังไม่ได้รับหนังสือการลาออกอย่างเป็นทางการจาก มท.3

แน่นอนว่าในฐานะนายกรัฐมนตรี และรักษาการหัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พปช.) เขาไม่ต้องการเปิด " ศึกใน" ท่ามกลางภาวะที่รัฐบาลถูกรุมกระหน่ำจาก "ศึกนอก" รอบด้าน

หากมีการเปิดประเด็นปรับ ครม.ในช่วงนี้ ย่อมสุ่มเสี่ยงต่อการสร้างแรงกระเพื่อมทั้งใน พปช.และพรรคร่วมรัฐบาลยิ่ง ซ้ำ "แนวร่วมรัฐบาล" ที่ยังหลงเหลืออยู่อาจหดหายไปจากเดิม เพราะในสถานการณ์ไม่ปกติของบ้านเมือง นักการเมืองก็คิดได้เพียงการรุมทึ้ง "ซากอำนาจ" ไม่ว่าหัวหน้ารัฐบาลจะว่าอย่างไร แต่ขณะนี้ "สงครามวังพญานาค" ยังดำรงอยู่...

นาทีนี้ "ประสงค์" อาจมี "คำพูดนายกฯ" เป็นแต้มต่อ แต่ "ไชยยศ" มีเครื่องมือสำคัญคือ "บลาออกที่มีผลทางกฎหมายแล้ว"

ศึกชิงเก้าอี้ มท.3 ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ถือเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี ที่มีเดิมพันสูงลิบ

เพราะถ้า "ใคร" แพ้ นั่นหมายถึง กบฏ "เพื่อแผ่นดิน" ทันที !!

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์