สนธิลิ้มห้าว-ด่าสุเมธ อย่าทะลึ่ง ขู่ลั่น-แฉกลับเป็นหน้าๆ


"ป๋าเปรม"ชื่นชมแนวทางยุติความรุนแรง รับเป็นปัญหาที่ยากแก้แต่เอาใจช่วยให้สำเร็จ ย้อนถามนักข่าวคนไทยแตกเป็น 2 ฝ่ายแน่ใจว่าพูดถูกหรือ ปัดไม่พูดเรื่องสีเสื้อ แนะ 3 คำ"อดทน-อดกลั้น-เสียสละ"อาจเป็นคำตอบ "เอนก"บอกบ้านเมืองเลยจุดเจรจามาแล้ว ต้องยุติการเผชิญหน้าก่อน ชี้ส.ส.ร.3 จะเป็นชนวน "สมชาย"ขานรับเจรจากับใครได้หมด เตรียมนิมนต์เจ้าคณะอำเภอทั้งประเทศร่วมทำบุญครั้งใหญ่ "สุพล" เตรียมเรียกอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์เข้าพบ อ้างวางกรอบการเสนอข่าวเอ็นบีที-วิทยุกรมประชาฯ

พร้อมปรับรูปแบบรายการความจริงวันนี้ กอ.รมน.ตั้งกรรม การติดตามการกระทำละเมิดสถาบันผ่านสื่อทุกชนิด มีผบ.ทบ.เป็นประธาน ฟื้นฉก.6080 ติดตามพฤติกรรม "อนุพงษ์" ลั่นกองทัพจะดำเนินการตามกฎหมายกับพวกดึงสถาบันลงมาเกี่ยวข้องการเมือง และพวกจาบจ้วง ปชป.อัดนายกฯละเลยหน้าที่ไม่ปกป้องเบื้องสูง-สถาบันตุลาการ เจตนาปลุกมวลชนเบี่ยงเบนประเด็นช่วยเหลือแม้ว วิปวุฒิ-วิปรัฐบาลเห็นชอบถกร่วม 2 สภาเลื่อนหารือร่างแก้ไขรธน.ของคปพร. "ประสพสุข" ปัดข่าวเลื่อยเก้าอี้ เคลียร์รองฯนิคม แล้ว กลุ่ม 40 ส.ว.แถลงหนุน โหรคมช.แฟ็กซ์โต้ดูไม่แม่น ออกตัวไม่ได้ดูดวงแค่ให้ความเห็นตามสถานการณ์ กลับลำปีหน้าบ้านเมืองจะดีขึ้นเพราะกรรมเริ่มคลี่คลาย

"ป๋า"ชมแนวคิดยุติรุนแรงแต่ทำยาก

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 ต.ค. ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานพิธีปิดโครงการ "สานใจไทยสู่ใจใต้" รุ่นที่ 10 มีพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี พร้อมผู้บัญชาการเหล่าทัพ อาทิ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. พล.อ.อ. อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. ขณะที่ พล.อ.วิโรจน์ บัวจรูญ ผช.ผบ.ทบ.เป็นผู้แทนกองทัพบก และผู้แทนเหล่าทัพมาร่วมพิธี

พล.อ.เปรม ให้สัมภาษณ์กรณีใกล้ถึงวันราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ และวันเฉลิมพระชนม พรรษา 5 ธันวาคม คนไทยจะสร้างความปรองดองได้หรือไม่ ว่า คำถามนี้ต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน เรื่องราชพิธีและงานพระชนมพรรษามั่นใจว่าไม่มีปัญหา คนไทยรู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำในพระราชพิธีทั้ง 2 พิธี ตนแน่ใจ

เมื่อถามว่าอยากเตือนคนไทยที่แบ่งเป็น 2 ฝ่ายอย่างไร พล.อ.เปรม ย้อนถามว่า "คุณแน่ใจหรือว่าพูดถูก แบ่งแยกอย่างนั้นจริงหรือ" ผู้สื่อข่าวจึงตอบกลับว่า ดูจากสถานการณ์ที่มีการใส่เสื้อสีแดง ขาว และเหลือง พล.อ.เปรม กล่าวว่า ตนเคยพูดว่าขอให้สื่อมวลชนทำงานให้หนักขึ้น แต่แปลไม่ออกว่าจะให้สื่อไปทำอย่างไร เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา เห็น สื่อมวลชนและสมาคมต่างๆ พูดคุยกันและมีคำตอบออกมา ฟังแล้วค่อนข้างยากและทำยาก แต่ดีใจที่มีการพูดคุยกัน

"เขาใช้คำว่ายุติความรุนแรง เป็นสิ่งที่ดีมากที่องค์กรอื่นนอกจากสื่อมวลชนพูดถึงเรื่องนี้ แต่เป็นปัญหาที่ยากและทำยาก แต่การที่เขาพูดกันแสดงให้เห็นถึงความต้องการของคนไทย สื่อมวลชนก็สะท้อนให้เห็นความต้องการของประชาชนว่าประชาชนต้องการอย่างไร เป็นเรื่องที่ดีมาก อยากชมและขอให้ช่วยกันทำให้ได้อย่างที่พูดกัน" พล.อ.เปรมกล่าว และยืนยันว่าสื่อมีความสำคัญ ที่ถามเรื่องมีสี ตนจะไม่พูดเรื่องสีแต่อยากพูดให้เข้าใจว่าที่สื่อขอร้องน่าจะถือว่าคนไทยขอร้อง เพราะสื่อคือสื่อความต้องการของคนไทยในประเทศเราว่าขอยุติความรุนแรง อยากขอขอบใจและเอาใจช่วยให้ทำให้สำเร็จ

แนะยึดอดทน-อดกลั้น-เสียสละ

เมื่อถามว่าอยากให้ทุกคนรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการยุติความรุนแรงใช่หรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า หากถามว่าแล้วจะทำอย่างไร ใครจะเป็นคนตอบเรื่องยุติความรุนแรง ซึ่งคนไทยต้องช่วยกันตอบว่าจะทำอย่างไร ตอบได้หรือยังว่าขณะนี้จะทำอย่างไร เมื่อถามว่าตอนนี้มีการนำสถาบันไปเชื่อมโยงการเมือง พล.อ. เปรม กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เอา ข้อนี้ไม่เอา พูดเรื่องที่เรากำลังพูดกันดีกว่าว่าจะทำอย่างไรเพื่อยุติความรุนแรง หรืออย่างน้อยค่อยๆ ลดลงมา คำว่าอดทน อดกลั้น เสียสละ 3 คำนี้อาจจะเป็นคำตอบได้

เมื่อถามว่าการยุติความวุ่นวายควรถอยคนละก้าวหรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า การเจรจาต้องหันหน้าเข้าหากัน หากหันหลังเจรจากันไม่ได้ ตนคิดว่าการเสียสละเป็นสิ่งสำคัญทุกคนต้องยอมเสียบ้าง เพื่อให้ได้สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่และส่วนร่วม ทุกคนต้องอดทน อดกลั้น ไม่ใช้อารมณ์ทำให้เกิดความขัดแย้ง

ชี้สสร.3จะเป็นชนวนเผชิญหน้า

นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ นักวิชาการด้านรัฐ ศาสตร์ กล่าวถึง 170 องค์กรเครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรมนำโดยดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูล นิธิชัยพัฒนา และนายโคทม อารียา ผอ.ศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี ม.มหิดล ลงนามในปฏิญญายุติความรุนแรง ว่า ถือเป็นแนวคิดเพื่อหาทางออกให้วิกฤตประเทศ ต้องจับตาดูความร่วมมือของตัวแทน 8 คน ที่ตั้งขึ้นเพื่อประสานงานกับ 4 ฝ่าย คือ แนวร่วมประชา ธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กลุ่มพันธมิตร รัฐบาล และฝ่ายค้าน จะเกิดการรับฟังอย่างไร แต่ตราบใดที่ยังมีแนวความคิดตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรม นูญ หรือส.ส.ร.3 คงเกิดการเผชิญหน้า เพราะตั้งขึ้นมาไม่ใช่เพื่อแก้รัฐธรรมนูญแต่ร่างรัฐ ธรรมนูญขึ้นมาใหม่ทั้งฉบับ หรือเรียกได้ว่าเป็นการรัฐประหารโดยรัฐสภา รัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้นถือ เป็นอันตรายต่อระบบรัฐ สภาและขอให้จับตาดูกฎ หมายอื่นที่จะตามมา โดยเฉพาะร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ถ้าคิดตามทฤษฎีทาง การเมืองตอนนี้มีโอกาส เกิดขึ้นได้ ซึ่งน่าวิตก เพราะใช้เสียงข้างมากของรัฐ สภาอย่างไม่มีขอบเขต มุ่งหวังเดินเกมการเมืองเพื่อคุมสถานการณ์ต่างๆ ไว้ให้อยู่ในกำมือของฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น

นายเอนกกล่าวว่า ปัญหาการเมืองวันนี้เลยจุดที่จะเจรจากันแล้ว แต่สิ่งที่ต้องเริ่มทำก่อนการเจรจาคือแต่ละฝ่ายต้องปรับยุทธศาสตร์ ยุติการเผชิญหน้า หรือการเดินเกมเพื่อเอาชนะคะคานกัน แต่ถ้าแต่ละฝ่ายยังทุ่มสุดตัวไม่สนว่าจะเกิดการเผชิญหน้าที่รุนแรงอย่าง ไร ด้วยวิธีใด มุ่งหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่สนใจเสียงคัดค้าน การเมืองของทั้งสองฝ่ายก็จะเดินหน้าชนเข้าใส่กันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

สนธิขึ้นเวที-ปราศรัยจวกดร.สุเมธ

เวลา 21.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นปราศรัยว่า เมื่อเช้าที่ผ่านมา กองทัพประกาศจัดการขั้นเด็ดขาดกับผู้ที่จาบจ้วงสถาบัน ทำไมพันธมิตรต้องเป็นกลุ่มแรกที่มองเห็นเรื่องดังกล่าวและต้องใช้เวลานานถึง 4 ปี คนอื่นถึงจะมองเห็น วันนี้ต้องพูดถึงดร.สุเมธ เป็นผู้ทำงานรับใช้ใกล้ชิดพระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่กลับทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ นายจักรภพ เพ็ญแข และนางดา ตอร์ปิโด ที่จาบจ้วงสถาบัน แต่กลับออกมาให้ทุกฝ่ายสามัคคีกัน

"ดร.สุเมธชอบทำตัวตีกินเพียงอย่างเดียว ดีที่สุดคือ ต้องหุบปาก อย่าทะลึ่งมาออกความเห็นอีกต่อไปเพราะจะถูกสวนกลับไปอีกทุกครั้ง มีคนอย่างดร.สุเมธที่ชอบอ้างตัวว่าเป็นผู้ใกล้ชิด เป็นผู้ดูแลโครงการหลวง แต่ไม่สนใจอะไรกับผู้ที่ทำจาบจ้วง จึงเป็นผู้ที่ทำให้สถาบันอ่อนแอ ยังมีคนอย่างดร.สุเมธ นายโคทมและอีกมากที่ชอบพูดว่าบ้านเมืองแบ่งเป็น 2 ฝ่าย เป็นการมองแบบคนโง่ ที่ถูกต้องคือบ้านเมืองแบ่งเป็นพวกที่อยู่ข้างความถูกต้องและไม่ถูกต้อง แทนที่จะยืนอยู่ข้างฝ่ายถูกต้อง กลับมาทำตัวเป็นศาสดาสอนให้สามัคคีกัน" นายสนธิ กล่าว

นายสนธิกล่าวด้วยว่า วันที่ 28 ต.ค. นายสุเมธ คงตอบโต้กลับมา ตนก็อยากให้ออกมาเพราะจะได้โต้กลับไป จะได้รู้ใครพูดความจริง แต่ถ้าออกมาก็จะเจอตอบโต้เป็นหน้าๆ

"สมชาย"บอกสังคมขาดธรรมะ

เวลา 14.30 น. ที่หอประชุมพุทธมณฑล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ เดินทางมาตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ว่า ตนขอกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ด้วยตนเอง เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็น ไม่ใช่เอาหน้าทำความดีหรือเอาใจพระ แต่อยากให้เยาวชนและคนทั่วไปเข้าใจและเข้าถึงหลักธรรมคำสั่งสอน สังคมปัจจุบันขาดจริยธรรม คุณธรรม และศีลธรรม คนในบ้านเมืองไม่ยึดหลักธรรมคำสั่งสอน บ้านเมืองจึงเกิดปัญหาความขัดแย้งและความวุ่นวาย ถ้าเรารักชาติบ้านเมืองอย่างมีเหตุผลจะไม่เกิดปัญหาขึ้น เหตุผลทั้งหมดอยู่ในหลักธรรมคำสั่งสอน ถ้าถือปฏิบัติจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข เห็นใจกันและกัน แต่ถ้าเราละเลยคงพูดกันลำบาก ตนพยายามมองว่าทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนใจคนเหล่านี้ได้

นายกฯ กล่าวว่า ตนเคยฟังพระสวด เมื่อแปลจากภาษาบาลีจะมีความหมายว่าชีวิตคนเราเปรียบเทียบแล้วก็ประเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวก็จากกันไป เหมือนสายฟ้าที่ผ่ามาแล้วก็หายไป ดังนั้น ต้องรีบทำความดี ทำความเจริญรุ่งเรือง เมตตาต่อกัน จะเป็นกุศลติดตัวไปในภายภาคหน้า เวลาที่เหลือน้อย ถ้ามัวแต่ทะเลาะตีกันหรือสร้างความวุ่นวาย แล้วเมื่อไหร่จะมีความเรียบร้อยในสังคม ทุกวันนี้คนเรามักทำอะไรที่ฝืนธรรมชาติ ทำ ความชั่วหรือการฆ่ากันเพราะมีโมหะและโทสะ เรื่องนี้สำคัญจึงต้องขอสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ มาดูแลเอง

สั่งทำบุญประเทศลดขัดแย้ง

นายสมชาย กล่าวว่า ตนมีแนวคิดจะนิมนต์พระสงฆ์ อาจเป็นเจ้าคณะอำเภอทั้งประเทศมาร่วมทำบุญและสวดมนต์ ให้ประชาชนเกิดความรู้สึกว่าพระสงฆ์ห่วงใยประชาชนและอยากให้ประชาชนรู้สึกเกรงใจ มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ประสานกับกระทรวงวัฒนธรรม จัดกิจกรรมทำบุญให้กับประเทศในช่วงต้นเดือนหน้า สถานที่น่าจะเป็นพุทธมณฑล คงช่วยขจัดความขัดแย้งแตกแยกในสังคมได้ เพราะพุทธศาสนามีความเป็นกลาง ไม่เข้ากับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เข้ากับฝ่ายธรรมะเท่านั้น ตนจะเดินทางไปร่วมงานในฐานะ พุทธศาสนิกชนไม่ใช่นายกฯ เรื่องนี้พูดคุยและขอความเห็นจากเจ้าคุณพระธรรมกิตติเมธี จากวัดสัมพันธวงศ์ ท่านมีเมตตาบอกว่าถ้าพระสงฆ์ได้มารวมตัวชุมนุมกันให้ศีลให้พรและสวดมนต์จะเป็นเรื่องดีกับทุกคน ความแตกแยกและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นน่าจะหมดไป

จากนั้นนายสมชายถวายจตุปัจจัยให้กับพระเถระผู้ใหญ่ที่มาร่วมงาน ซึ่งให้กำลังใจนายกฯ ให้ทำงานเพื่อประเทศ นายสมชายจึงกล่าวตอบว่า ความจริงตนไม่ต้องการอะไร ต้องการทำงานเพื่อส่วนรวม จากนั้นนายสมชายเดินทางไปกราบนมัสการพระศรีศากยะทศ พลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ ระหว่างทางมีกลุ่มสนับสนุนสวมเสื้อแดง 20 คน มาปักหลักให้กำลังใจและสนับสนุน นายสมชายกล่าวทีเล่นทีจริงว่า ตอนนี้ไปที่ไหนมักถูกม็อบขับไล่ แต่มาเที่ยวนี้สบายใจเพราะมีกลุ่มคนสนับสนุน

กำหนดจัดงาน 1 ธ.ค.-นิมนต์ 9,995 รูป

พระธรรมกิตติเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ โฆษกมหาเถรสมาคม กล่าวถึงนายกฯประสานคณะสงฆ์ขอจัดทำบุญประเทศว่า เร็วๆนี้นายสมชายเข้ามากราบนมัสการอาตมาที่วัด หารือเกี่ยวกับกิจการของคณะสงฆ์ ขอคำปรึกษาเรื่องการทำบุญประเทศในช่วงสถานการณ์บ้านเมืองแตกแยกทางความคิดอย่างรุนแรง เชื่อว่าการทำบุญสวดครั้งนี้จะปลุกจิตสำนึกของคนไทยทั้งชาติให้หันกลับมาปรองดอง สร้างความสามัคคีกัน การทำบุญดังกล่าวคณะสงฆ์เตรียมจัดเป็นพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคลถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม มีรัฐบาลเป็นเจ้าภาพ มหาเถรสมาคมเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ กำหนดจัดงานวันที่ 1 ธ.ค. ณ พุทธมณฑล ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม จะได้นำรายละเอียดเสนอที่ประชุมมหาเถรฯในเร็วๆนี้ งานนี้จะนิมนต์พระสังฆาธิการชั้นผู้ใหญ่ทุกระดับ ตั้งแต่เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ และพระสงฆ์ทั่วประเทศ 9,995 รูป ร่วมพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพร

"ถือเป็นเรื่องที่ดี เราซึ่งเป็นคนไทยควรได้สำนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณโดยไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย จึงขอเชิญชวนคนไทยทุกคนร่วมสวดมนต์ใหญ่ในครั้งนี้โดยร่วมกันสวมชุดสีขาวมาร่วมงาน ในวันที่ 1 ธ.ค.โดยพร้อมเพรียงกัน" โฆษกมหาเถรสมาคม กล่าว

วอนอย่าคิดเป็นการเมือง

นายสมชายให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดการนิมนต์พระเถระชั้นผู้ใหญ่มาทำบุญ ว่า ช่วงจังหวะที่ตนเข้ามาทำหน้าที่และกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ นั้นใกล้กับวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว คิดว่าถ้ามีพระสงฆ์มาชุมนุม แล้วมีชาวบ้านมาชุมนุมเหมือนการแสวงหาแนวทางแห่งธรรมะ ให้พวกเรามีจิตใจที่ดีขึ้น มีความสงบสุข ถือเป็นสิ่งหลักที่ตนคิดว่าน่าจะทำในโอกาสใกล้วันเฉลิมพระชนม พรรษา จะช่วยให้คนไทยมีความคิดและรู้สึกว่าเป็นคนไทยด้วยกัน คนที่นับถือพระพุทธศาสนาจะรู้ว่าเราอยู่ในศาสนาเดียวกัน รักพระเจ้าอยู่หัวพระองค์เดียวกัน การจัดทำบุญครั้งนี้เพื่อให้โอกาสหันหน้าเข้าหากันและคุยกัน คนที่อยากทำบุญทำกุศลก็จะได้ทำ คิดว่าเป็นเรื่องดีจึงหารือกับพระคุณเจ้า ท่านก็บอกว่าทำได้ก็ดี

เมื่อถามว่ากำหนดทำบุญวันไหน นายสมชาย กล่าว ว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ และพระเถระชั้นผู้ใหญ่จะไปหารือกันอีกครั้ง คิดว่าน่าจะเป็นเดือนหน้า จะเป็นวันไหนก็ไม่เป็นไร แต่ไม่จำเป็นต้องไปปะปนงานคนอื่น เพราะนี่เป็นงานพระสงฆ์ อย่าไปคิดว่าพอไปรวมกันแล้วจะมีปัญหา อย่าไปคิดเป็นประเด็นอื่น ตนไม่มีประเด็นการเมือง ถึงวันนี้ยังไม่ได้กำหนดวัน แล้วแต่สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ แล้วแต่พระคุณเจ้าจะไปดูว่าวันไหนดีที่สุด ก็วันนั้น

เมื่อถามว่าถือเป็นการทำบุญประเทศใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ก็ไม่เชิง ตนคิดว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีคือใกล้วันเฉลิมพระชนมพรรษาก็จะถวายพระพรด้วย ถือเป็นสิ่งแรกและสิ่งสำคัญที่สุดและเป็นโอกาสให้คนได้ทำบุญ พระสงฆ์ได้มาสวดมนต์ให้ศีลให้พรเจริญพระพุทธมนต์ เป็นเรื่องดี จึงคิดว่าน่าจะได้ทำกัน เมื่อถามว่าจะช่วยลดความขัดแย้งได้มากน้อยแค่ไหน นายสมชายกล่าวว่า ก็ช่วยทำให้จิตใจสงบ อย่างน้อยจะมีความรู้สึกว่าได้ทำบุญแล้วจิตใจจะได้ผ่องแผ้ว ทำให้หัวโล่ง คิดอะไรๆ ได้ เมื่อถามย้ำว่ามั่นใจว่าทำ ให้ประเทศสงบสุขได้จริงหรือ นายสมชายกล่าวว่า เป็นแนวทางหนึ่ง เราก็หาแนวทางสันติในการอยู่ร่วมกันอยู่แล้ว

พร้อมเจรจายุติความรุนแรง

นายสมชาย กล่าวถึงแนวคิดของเครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรมเพื่อยุติความรุนแรง โดยการเจรจา 4 ฝ่าย ว่า ตนได้หมด ใครก็ได้ ถ้าพูดคุยกันรู้เรื่องก็ยินดีทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นใคร เมื่อถามว่ารัฐบาลพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมให้หรือไม่ นายสมชายย้อนถามว่า รัฐบาลหรือ รัฐบาลดูมีอำนาจอะไรตอนนี้หรือเปล่า จากนั้นนายสมชายก็หัวเราะพร้อมกล่าวต่อว่า สิ่งหลักที่รัฐบาลทำอยู่ตอนนี้คือการดูแลให้ประชาชนอยู่อย่างสบายโดยเฉพาะเรื่องการทำมาหากิน พืชผลทางการเกษตร

นายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภา กล่าวถึงกรณีหลายฝ่ายรวมตัวเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงว่า คิดว่าจากการที่ประชาชนในสังคมเรียกร้องเช่นนี้ เพราะไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงอีกต่อไป จึงมองว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะใจเย็นขึ้นและยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นบ้าง ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรฯ ระบุว่าจะไม่เคลื่อนขบวนมาปิดล้อมรัฐสภาในวันที่ 28 ต.ค. ถือเป็นเรื่องดีที่แสดงให้เห็นว่ายอมที่จะรับฟังเสียงของสังคมบ้าง

นายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชา ชน กล่าวว่า ตนเห็นด้วยที่มีคนสังคมออกมาเสนอให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรง เพราะหากสังคมยังแบ่งเป็นฝักฝ่าย ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นซึ่งกัน ไม่เคารพหลักของบ้านเมือง ปัญหาต่างๆ ก็ไม่จบ แต่หากทุกฝ่ายเคารพหลักเกณฑ์ของสังคมความขัดแย้งก็จะลดลง

"สุพล" ถือโอกาสวางกรอบคุมสื่อรัฐ

นายสุพล ฟองงาม รมต.ประจำสำนักนายกรัฐ มนตรี ในฐานะกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้เริ่มมีองค์กรสื่อหลายองค์กรออกมาเคลื่อนไหวจัดสัมมนาเพื่อช่วยกันหาทางออกให้กับสังคม รวมทั้งเรียกร้องให้สื่อมีความเป็นกลางและถอยออกมาจากการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย รวมถึงข้อเรียกร้องของเครือข่ายสันติประชาธรรมและสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ที่เสนอทางออก 3 ข้อ คือ หยุดนำมวลชนออกมาปะทะกัน หยุดนำประเทศไปสู่อนา ธิปไตยและการรัฐประหาร และหยุดให้ท้ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แนวคิดเหล่านี้ตนเห็นด้วยเป็นอย่างมาก เพราะถือว่าตรงกับแนวนโยบายของรัฐที่ต้องการเร่งสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้น ลดความขัดแย้งให้สังคม

นายสุพล กล่าวว่า ตนเห็นว่าสื่อควรมองภาพรวมของปัญหาในประเทศ ด้วยการลดการเสนอข่าวที่จะนำไปสู่ความรุนแรงและขยายผลไปสู่ความแตกแยกของสังคม ในฐานะที่กำกับดูแลสื่อของรัฐก็จะเชิญอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์มารับมอบนโยบายและหารือเป็น การภายในเรื่องการนำเสนอข่าวของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที รวมทั้งวิทยุในกำกับดูแลของกรมประชาสัมพันธ์ทั้งหมด เพื่อให้การนำเสนอข่าวของเอ็นบีทีและกรมประชาสัมพันธ์เป็นไปในทางสร้างสรรค์ตามข้อเสนอขององค์กรสื่อต่างๆ ที่พยายามช่วยกันหาทางออกให้กับสังคม นอกจากนี้ จะถือโอกาสหารือกับอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ถึงรูปแบบและเนื้อหาสาระการนำเสนอของรายการ "ความจริงวันนี้" ที่ออกอากาศทางเอ็นบีทีว่าควรจะปรับปรุงอะไรหรือไม่ เพื่อตอบสนองเรื่องการสร้างความปรองดองให้กับคนในชาติมากขึ้น

ผบ.ทบ.สั่งกอ.รมน.จับตาวิทยุชุมชน

ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปร่วมพิธีศพทหารที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะกับกัมพูชาที่จ.ศรีสะเกษ กรณีกลุ่มบุคคลมีพฤติกรรมหมิ่นสถาบันเบื้องสูงในทางการเมือง ว่า สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันหลักของปวงชนชาวไทย ซึ่งมีแนวความคิด 2 เรื่อง คือ 1.ต้องไม่ดึงพระองค์ท่านลงมายุ่งเกี่ยวกับเงื่อนไขต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง เรื่องความขัดแย้ง 2.ต้องไม่จาบจ้วงสถาบัน ไม่ทำอะไรที่หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทุกกรณี กอง ทัพบกจะดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย ไม่ให้คนใดกลุ่มใดมาจาบจ้วงหรือหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

เมื่อถามว่าในฐานะทหารเสือราชินีมีแนวทางปก ป้องอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ทหารทุกคนดำ เนินการที่จะปกป้องพระองค์ท่าน เราแจ้งหน่วยขึ้นตรงติดตามกลุ่มดำเนินการ เมื่อพบผู้ที่เกี่ยวข้องให้ตำรวจดำเนินการและให้หน่วยต่างๆมุ่งเทิดทูนสถาบัน พระ องค์ท่านมีโครงการมากมาย ซึ่งจะให้หน่วยต่างๆดำ เนินการเทิดทูนและให้เกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์

เมื่อถามถึงกรณีวิทยุชุมชนที่ออกมาชักชวนไม่ให้เลื่อมใสในสถาบัน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ขอไม่พูด แต่วิทยุชุมชนนั้นตนให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ติดตามดูแลส่วนนี้ เมื่อถามว่าพบผู้กระทำความผิดบ้างหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ที่เห็นชัดในกทม. เราดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว ทำหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสตช. ดำเนินการไปแล้ว ส่วนต่างจังหวัดขณะนี้มีแต่ในลักษณะที่หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุ ภาพ แต่ยังไม่มีความผิดปรากฏชัดเจน

จี้ตร.เด็ดขาดกับใบปลิวหมิ่นสถาบัน

เมื่อถามว่ามีการทำใบปลิวโจมตีสถาบัน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า หากมีการดำเนินการอย่างนั้น ตำรวจต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว เพราะเป็นการดำเนินการของคนกลุ่มเดียวเท่านั้นคงไม่ใช่เสียงของประชาชน ดังนั้น ตำรวจต้องดำเนินการส่วนนี้

เมื่อถามว่าการแก้ปัญหาต้องทำตามที่ นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เสนอโดยใช้สติและหันหน้าเข้าหากัน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ปัญหาชาติบ้านเมืองไม่ว่าใครก็เห็นเป็นแนวทางเดียวกัน แต่ยังไม่เกิดกระแสว่าทุกคนต้องใช้แนวทางที่จะยึดถือประเทศชาติเป็นหลัก ไม่ใช่เอาความขัดแย้งมาแก้ปัญหา ทุกคนเห็นตรงกันแต่กระแสยังอยู่ในกลุ่มคน 2 กลุ่มเท่านั้น

เมื่อถามว่ากองทัพมีแนวทางยุติปัญหาความขัดแย้งอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สิ่งใดกองทัพทำได้ก็ทำไปแล้ว เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างผบ.ทบ. กับนายกฯหลัง ผบ.เหล่าทัพ ออกมากดดัน พล.อ.อนุพงษ์ ปฏิเสธจะตอบคำถามพร้อมเดินเลี่ยงสื่อมวลชน

"อนุพงษ์"ปธ.ติดตามพฤติกรรม

รายงานเปิดเผยว่า กอ.รมน.ออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการติดตามการกระทำอันเป็นการละเมิดสถาบันและหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในสื่อทุกประเภท ให้พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ในฐานะรองผอ. รมน. เป็นประธาน มีหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดต่างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นคณะกรรมการ เพื่อติดตามผู้ที่เข้าข่ายกระทำความผิดมาดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย เพื่อไม่ให้กระบวน การบ่อนทำลายสถาบันขยายวงกว้างไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการเข้ายึดอำนาจของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) กองทัพบกได้มอบหมายให้กองทัพภาคที่ 1 จัดตั้งฉก. 6080 เพื่อดำเนินการติดตามขบวนการละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งการเผยแพร่ทางสื่ออิเล็กทรอนิก หรือสื่ออื่นๆ เพื่อยับยั้งการดำเนินการดังกล่าวไม่ให้ขยายตัวไปมากกว่านี้ โดยกองทัพบกจะปรับ ฉก.6080 รองรับการการปฏิบัติงานตามคำสั่งดังกล่าวเพื่อให้การทำงานเกิดประสิทธิ ภาพ

มท.พบเคสพาดพิงเบื้องสูง

นายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระทรวงมหาดไทยออกหนังสือเวียนถึงผู้ว่าฯทั่วประเทศ ให้เฝ้าระวังสถานีวิทยุชุมชน อินเตอร์เน็ต ใบปลิว ที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม ว่า ได้กำชับให้ผู้ว่าฯทุกจังหวัดคอยติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด หากพบว่าเข้าข่ายมีการใช้ถ้อยคำหรือเนื้อหาพาดพิงสถาบันด้วยถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด

นายพีรพล กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังให้ผู้ว่าฯจัดเวรยามคอยติดตามความเคลื่อนไหวตามสถานีวิทยุทั่วไป สถานีวิทยุชุมชน รวมถึงเวทีแสดงความคิดเห็นต่างๆ หากมีการพูดจา ใช้ถ้อยคำพาดพิงให้บันทึกไว้เป็นหลักฐานและรายงานโดยตรงให้ตนทราบเป็นระยะ ขณะนี้มีรายงานเข้ามาแล้วในบางจังหวัด แต่จะไม่ขอเจาะจงว่าเป็นภาคใดที่มีความเคลื่อนไหวมากเป็นพิเศษ

ปชป.จวกรัฐบาลไม่ปกป้องตุลาการ

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ น.พ. บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พรรคได้ประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุกพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเวลา 2 ปี มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้นและทำให้พรรคห่วงใยต่อสถานการณ์ที่อาจลุกลามไปสู่เงื่อนไขความขัดแย้งและความรุนแรงครั้งใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 30 -31 ต.ค. และวันที่ 1 พ.ย.นี้ พรรคขอให้นายกฯ และรัฐบาลแสดงความรับผิดชอบและดำเนินการต่อการกระทำของกลุ่มต่างๆ ที่ทวีความรุนแรงขึ้นเพราะอาจนำไปสู่วิกฤตได้

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ใช้สิทธิ์ขอลี้ภัยทางการเมือง เนื่อง จากเงื่อนไขสำคัญการขอลี้ภัยรัฐบาลอังกฤษจะไม่ให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองใดๆ ในขณะที่พ.ต.ท. ทักษิณ ทำกิจกรรมทางการเมืองในหลายลักษณะ รวมทั้งกรณีเตรียมพูดถ่ายทอดสดในวันที่ 1 พ.ย. ในรายการความจริงวันนี้ อาจนำมาซึ่งความขัดแย้งครั้งใหญ่ได้ และเป็นครั้งแรกที่ผู้ขอลี้ภัยมีสถานภาพเป็นญาติสนิทกับนายกฯ ที่ยังมีอำนาจอยู่ในประเทศนั้น เพราะปกติผู้ที่ขอลี้ภัยจะเป็นผู้ที่สูญเสียอำนาจและมีรัฐบาลที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามมาดูแล ดังนั้น กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นการลี้ภัยหนีคดีที่มีการพิพากษาแล้ว รัฐบาลไทยไม่มีทางอื่นนอกจากจะพิจารณาว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นบุคคลที่ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก และใช้โอกาสที่อยู่ต่างประเทศแก้ข้อกล่าวหาด้วยการโจมตีกระบวนการยุติธรรมและสถาบันตุลาการของไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รัฐบาลไม่ได้ปกป้องสถาบันตุลาการเลย

ละเลยขบวนการหมิ่นเบื้องสูง

น.พ.บุรณัชย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอประณามนายกฯสมชาย ที่จนถึงวันนี้ยังไม่มีการกระทำใดๆ ที่จะปกป้องคุ้มครองสถาบันตุลาการว่าได้ดำเนินการอย่างเป็นอิสระ แต่กลับปล่อยให้มีการเตรียมจัดหลายเวทีที่จะเป็นเงื่อนไขในการสร้างความรุนแรง เช่น เวทีสาธารณะของพรรคเพื่อไทย ที่จะวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของสถาบันตุลาการโดยตรง ปล่อยให้มีการใช้สื่อของรัฐโจมตีการทำงานสถาบันตุลาการและองค์กรอิสระ รวมถึงตุลาการบางคน นายกฯจำเป็นต้องปกป้องคุ้มครองความน่าเชื่อถือของสถาบันตุลาการในสายตาประชาคมโลกโดยด่วน เพราะพ.ต.ท. ทักษิณพยายามเบี่ยงเบนว่าเป็นความขัดแย้งของผู้มีอภิสิทธิ์เหนือประชาชนกับสามัญชน เป็นแนวคิดเดียว กับนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เคยพูดไว้ ในการประชุมที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศจนเป็นที่มาของคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบโดยตรงของนายกฯและนายสมพงษ์ อมร วิวัฒน์ รมว.ต่างประเทศ ที่ไม่อาจปัดความรับผิดชอบว่าเป็นเรื่องส่วนตัวหรือต้องรอ 1 สัปดาห์ จึงขอเรียกร้องไปยังบุคคลทั้งสองว่าในขณะที่บอกว่าการดำเนินการต่างๆ เหล่านี้เป็นเรื่องส่วนตัว แต่กลับปล่อยให้มีเว็บไซต์เกิดใหม่หลังคดีที่ดินรัชดาฯ มีการจัดทำใบ ปลิวในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ มีขบวนการใต้ดิน มีรถวิ่งในพื้นที่ต่างจังหวัดหลายแห่งออกมาในลักษณะเดียวกันคือพูดถึงความขัดแย้งระหว่างชนชั้น อภิสิทธิ์ชน และโจมตีการทำงานของสถาบันตุลาการ เรื่องนี้เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ร้ายแรงที่สุดของนายสมชาย พรรคเตรียมสรุปประเด็นต่างๆ หารือที่ประชุมพรรค ช่วงเช้าของวันที่ 28 ต.ค.นี้ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

น.พ.บุรณัชย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ การปล่อยปละละเลยขบวนการบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูง ทำให้กองทัพบกต้องออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลและเข้ามารับผิดชอบด้วยตัวเอง เพราะนายกฯไม่ยอมดำเนินการ พรรคจะดำเนินการในลักษณะเดียวกันคือการร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ที่กระทำความผิด และขอเรียกร้องประชาชนที่พบเบาะแสการโจมตีหรือพาดพิงสถาบันให้นำข้อมูลมาให้พรรคเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เจตนาช่วยเหลือ"ทักษิณ"

น.พ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ใช้เวทีในลักษณะต่างๆ จัดรายการโดยมีวัตถุประสงค์ชัดเจนคือ เพื่อสร้างกระแสสนับสนุนแถลงการณ์ของพ.ต.ท. ทักษิณ โดยตรง จะอ้างว่าเป็นการทำงานส่วนตัวของนายณัฐวุฒิ ไม่ได้ เพราะวันนี้นายณัฐวุฒิเป็นโฆษกรัฐบาล ปล่อยให้กลุ่มนอกกฎหมายหลายกลุ่มพูดถึงการจัดเตรียมกำลัง มีทั้งคนไม่ปรากฏที่มา เช่นการดำเนินการของพล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอ.ตร. ที่พยายามอ้างสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ เพื่อเพิ่มกระแสสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อความขัดแย้งในวงกว้าง

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สิ่งเหล่านี้เป็นการเบี่ยงเบนประเด็นปัญหาของวิกฤตบ้านเมืองอย่างจงใจ เพื่อรองรับการแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เตรียม จัดตั้งส.ส.ร.3 เป็นการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตัวเองตามจุดยืนของพลังประชาชนที่ดำเนินการมาต่อเนื่องจนทำให้เกิดการชุมนุมและการสูญเสีย ขอเรียกร้องให้ขบวนการทำร้ายบ้านเมืองเพื่อช่วยพ.ต.ท.ทักษิณ ยุติลง และให้นายสมชาย เริ่มต้นรับผิดชอบเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. ยุติพฤติกรรมยักคิ้วหลิ่วตาปล่อยให้เกิดปัญหากับบ้านเมืองแล้วอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

นายพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง เลขาธิการและโฆษกองค์กรพลังแผ่นดินแห่งประเทศไทย กล่าวว่า วันเดียวกันนี้ไปแจ้งความที่สน.ดุสิต กรณีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวหาองค์กรของตนพัวพันกับพ.ต.ท.ทักษิณและพรรคพลังประชาชน ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง องค์กรของตนมีตัวตน เหตุที่เคลื่อนไหวเพราะไม่พอใจพฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ที่ฉวยโอกาสทางการเมืองหลายครั้ง ก่อนหน้านี้ เมื่อปี"49 เคยต่อต้านพรรคประชาธิปัตย์ที่เรียกร้องนายกฯมาตรา 7 จากนั้นช่วงปฏิวัติ 19 กันยา 49 พวกเราก็เฝ้าสังเกตการณ์อยู่วงนอก กระทั่งครั้งนี้ทนไม่ไ

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์