เปิดสูตรหยุดการใช้อำนาจสไตล์พันธมิตร

ฝุ่นควันแก๊สน้ำตา และคราบเลือด จากเหตุการณ์สลายการชุมนุม 7 ตุลาคม ยังไม่จาง

สถานการณ์การเมืองบนท้องถนนก็กลับคืนสู่ความร้อนระอุอีกระลอก เมื่อฮาร์ดคอร์สายต่างๆ ที่ต่อท่อจากรัฐบาล ประกาศชนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน หวังสยบความฮึกเหิมของกองทัพนักรบมือตบให้จงได้ ก่อนที่รัฐบาลจะพังพาบตามแรงกดดัน


"ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์" แม้ไม่ได้เป็น 1 ใน 5 ขุนพลพันธมิตร

แต่ก็เป็นผู้นำแนวร่วมที่มีบทบาทสูงในการเคลื่อนไหวของพันธมิตร ถือเป็นเชื้อปะทุตัวสำคัญที่ทำให้พันธมิตรพลิกจาก "เกมรับ" มาเป็นฝ่ายรุก ได้สำเร็จหลังจากที่เขาถูกยัดเข้าตะรางด้วยข้อหา "กบฏ"
แกนนำม็อบอดีต รมว.อุตสาหกรรม และมือขวา "พล.ต.จำลอง ศรีเมือง" ตั้งแต่สมัยอยู่พรรคพลังธรรมมาด้วยกัน วันนี้มีตำแหน่งเป็นเลขาธิการ "สมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย" ที่มี "น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ" เป็นประธานที่ปรึกษา และมีนายทหารนอกราชการกับราชนิกุล เป็นกำลังในการขับเคลื่อน


ล่าสุดนำทีมสมัชชาฯ ยื่นหนังสือถึง พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ให้ออกมาตรวจสอบปฆิบัติลุยทำเนียบของ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ

และ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง วิเคราะห์เบื้องหลังสงครามบนท้องถนน และทิศทางกองทัพกู้ชาติ แบบลึกที่สุด


# ที่ต้องออกไปเรียกร้องทหารให้มายับยั้งศึกคราวนี้ แสดงว่ามองเห็นว่าจะเกิดความรุนแรง ??


เราได้ข้อมูลหลายแหล่งยืนยันตรงกัน โดยเฉพาะมีตำรวจที่ทนไม่ไหว เล่าให้ผมฟังเองว่า คราวนี้ตำรวจจะไม่มาในเครื่องแบบปะทะกับพันธมิตรเหมือนวันที่ 7 ตุลาคม ไม่ได้แล้ว แต่จะแฝงตัวเข้ามาเป็น นปก.ผนึกกำลังกับกลุ่ม เสธ.แดง พล.ต.อ.สล้าง แล้วถือปืน พกอาวุธมาปราบปรามพวกเรา เราจึงต้องให้ทหารออกมาทำหน้าที่เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำรอยวันที่ 7 ตุลาคม เพราะแม่ทัพมีอำนาจตามกฎหมายพิเศษคือ การประกาศกฎอัยการศึกได้ โดยระบุไปเลยว่าจะประกาศถนนใดบ้าง แม่ทัพจะมีอำนาจเต็มในพื้นที่ที่ประกาศสามารถเรียกทุกคนเข้ารายงานตัว สามารถเบรกได้หมดทุกฝ่าย


# คิดว่างานนี้ตำรวจหวังจะปราบพันธมิตรให้ได้ ??


ตอนนี้ตำรวจสายเหยี่ยวเปิดตัวกันหมดแล้ว ทั้ง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย จนถึง ผบช.น. แต่คนที่พยายามจะขัดขวางขบวนการเหล่านี้ ข้อมูลจากวงในตำรวจแจ้งว่า มีอยู่คนเดียวคือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ยืนแบบหัวเดียวกระเทียมลีบ ท่านต้องการให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ซึ่งท่าทีของท่านทำให้การสลายม็อบตามคำสั่งของ ครม.ในคืนวันที่ 6 ตุลาคม ทำไม่สำเร็จ แต่พอ ผบ.ตร.ไม่อยู่ตอนเช้าวันที่ 7 ตุลาคม จึงเริ่มลงมือ ทราบว่ามีการสั่งการข้ามหัวกันไปมาเต็มไปหมด


# วิเคราะห์ว่ากลุ่มต่างๆ ต้องการใช้ความรุนแรงกับพันธมิตรเพื่อนำไปสู่เป้าหมายอะไร สร้างเงื่อนไขให้เกิดการปฏิวัติยึดอำนาจหรือ ??


มีข้อมูลมาทำนองว่าอยากปฏิวัติตัวเอง ใช้การออกคำสั่งฉบับเดียวล้างคดีทักษิณ หรือทำให้ประเทศฉิบหายหมด เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ทักษิณในเวทีระหว่างประเทศ หรืออาจจะป่วนเพื่อบรรลุเป้าหมายบางอย่างที่ยังไม่ถูกเปิดออกมา ผมถึงคิดว่าสถานการณ์เช่นนี้ แค่ประกาศกฎอัยการศึกก็เพียงพอ ไม่ต้องถึงขั้นปฏิวัติยึดอำนาจ


# ถ้าประกาศกฎอัยการศึกบริเวณนี้ (ทำเนียบรัฐบาล) พันธมิตรก็ชุมนุมไม่ได้ด้วยเหมือนกัน ??


ก็ช่วยไม่ได้ ในความเห็นผมพันธมิตรก็ต้องยอมรับ ในเมื่อเป้าหมายของเราคือไม่ต้องการให้เกิดเหตุรุนแรงย้อนรอยวันที่ 7 ตุลาคม ส่วน 5 แกนนำจะว่าอย่างไรก็เป็นดุลพินิจของเขา ส่วนตัวผมก็ทำหน้าที่ของผมในฐานะองค์กรแนวร่วม และเป็นสิทธิของผมในฐานะที่เป็นพลเมืองคนหนึ่ง ที่ต้องการให้บ้านเมืองเรียบร้อย วันนี้ต้องมองความสงบเรียบร้อยอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ไม่อยากให้นองเลือดอีก


# ถ้าทหารปฏิวัติยึดอำนาจรัฐ จะคลี่คลายสถานการณ์ได้หรือไม่ ??


ต้องเข้าใจก่อนว่า ขณะนี้ผู้ที่มีอำนาจรัฐนั้นได้เป็นกบฏต่อเนื้อหาประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง เขากล่าวหาว่าผมเป็นกบฏ ผมก็ถามกลับว่า ใครกันแน่ที่เป็นกบฏ อ้างแต่มาตามครรลอง วิธีการตามกฎหมาย แต่ไม่เคยทำตามเจตนารมณ์เลย เพราะเจตนารมณ์กำหนดให้ปกครองเพื่อคนส่วนใหญ่ไม่ใช่เพื่อพวกพ้องตัวเอง เขาทำลายล้างเนื้อหาการปกครองระบอบประชาธิปไตยทั้งหมด เราให้โอกาสไม่ได้แม้แต่ชั่วโมงเดียว จะใช้กลไกตามปกติไม่ได้ มันหน่อมแน้ม องค์กรอิสระทุกวันนี้ก็เอาไม่อยู่ โกงเลือกตั้งได้ใบเหลืองก็กลับมาใหม่ ความคิดผมคือต้องใช้อำนาจที่เข้มข้นพิเศษเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบขุดรากถอนโคนแล้วสร้างการเมืองใหม่อย่างแท้จริง


# อำนาจเข้มข้นที่ว่าคืออะไร ??


อำนาจเข้มข้นคือกองกำลังทหาร ร่วมมือกับประชาชน จะใช้ประชาชนอย่างเดียวไม่ได้ เพราะประชาชนไม่มีอำนาจ แต่กองทัพมีอำนาจสามารถเรียกรายงานตัวได้ เอาคนที่ไม่เคารพในเนื้อหาประชาธิปไตยออกจากอำนาจ ไม่ใช่การรัฐประหารเหมือนที่เคยผ่านมา ไม่มีการฉีกรัฐธรรมนูญ โดยทหารออกมารวบผู้มีอำนาจรัฐปัจจุบันไปควบคุมตัวเพื่อไม่ให้ใช้อำนาจ โดยให้เหตุผลว่ารัฐบาลนี้ใช้อำนาจแทนประชาชนเพื่อคนคนเดียว สร้างความปั่นป่วนให้บ้านเมือง ใช้อำนาจตำรวจที่ต้องรักษาสันติราษฎร์มาเข่นฆ่าประชาชน เมื่อเอาออกไปแล้ว เกิดสุญญากาศทางการเมือง หลังจากนั้นทหารก็ใช้อำนาจดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 7 ที่เปิดช่องไว้ ไม่เหมือน 19 กันยายน แต่เป็นการรักษาเนื้อหาของรัฐธรรมนูญปี 2550 ผมเรียกว่าเป็นการกวาดล้างผู้ที่เป็นกบฏต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยโดยเนื้อหา นี่คือรูปแบบในกรณีที่สถานการณ์มันบานปลาย แต่ถ้าไม่บานปลายก็ใช้แค่กฎอัยการศึกก็พอ แต่ย้ำว่าเรื่องนี้เป็นของผมไม่เกี่ยวกับ 5 แกนนำ


# แต่ทหารก็บอกว่าเลือกข้างพันธมิตรไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายก็เป็นประชาชนเหมือนกัน ??


ไม่ใช่ให้ทหารเลือกข้าง แต่ต้องจำแนกแยกแยะประชาชน ว่าประชาชนส่วนไหนมีเนื้อหาหลักการยืนหยัดในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประชาชนส่วนไหนที่ไม่มีหลักการ แต่แอบอ้างเพื่อทำลายหลักการนี้


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์