พธม.แฉใช้100ล.ยึดทำเนียบคืน หวังเกิดสงครามการเมืองอดีตคนเดือนตุลาบงการ กองทัพสั่งเตรียมพร้อมหย่าศึก


"พันธมิตร" แฉ อดีตคนเดือนตุลาฯหนุน"สล้าง" ใช้เงินกว่า100ล้านให้ยึดทำเนียบฯคืน หวังทำให้ไทยเกิดขัดแย้งรุนแรงมีสงครามการเมือง "หมอประเวศ" หวั่นคนไทยนองเลือดอีกครั้ง ผบ.ทบ.สั่งเตรียมพร้อม "กองร้อยปราบจลาจล-พล.ม.2 รอ." ไว้ช่วย"ตำรวจ"สกัดเหตุปะทะได้ทันท่วงที นปช.เดินสายยื่น ผบ.สส. สกัดทหารปฏิวัติ หลังข่าวลือสะพัดช่วงนายกฯไปจีน เตรียมชุมนุมสนามหลวง 25 ต.ค.

จากกรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะจัดกิจกรรม "ความจริงวันนี้ ต้านรัฐประหาร" ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ คาดว่าจะมีผู้มาร่วมชุมนุมเป็นแสนคน โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะโทรศัพท์ทางไกลจากลอนดอน ประเทศอังกฤษ มาร่วมรายการด้วย ขณะที่ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ระบุว่า หลังวันที่ 25 ตุลาคม จะนำกำลังมาล้อมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ปักหลักชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น

อ้างใช้100ล้านยึดทำเนียบ

เวลา 19.05 น. วันที่ 24 ตุลาคม นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรแถลงว่า การเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงทางกฎหมาย อาจทำให้เกิดความขัดแย้งมากกว่าช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยพยายามจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์สื่อสารกับสื่อมวลชนต่างชาติ และนักการเมืองในประเทศอังกฤษ เพื่อทำให้เห็นว่ากำลังถูกรังแก และหากการเคลื่อนไหวครั้งนี้บรรลุเป้าหมาย จะทำให้ประเทศไทยเกิดสงครามการเมือง ขัดแย้งอย่างรุนแรงที่สุดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ส่วนกรณี พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค จะปิดล้อมสถานที่ชุมนุมของพันธมิตรนั้น เชื่อว่า มีการเตรียมตัวอย่างดี และ พล.ต.อ.สล้างไม่ได้เคลื่อนไหวตามลำพัง เพราะทราบว่ามีอดีตคนเดือนตุลาฯประมาณ 4-5 คน สนับสนุนปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย และอาจต้องใช้เงินมากว่า 100 ล้านบาท ดำเนินการ และไม่คาดหวังกับตำรวจที่จะรักษาความปลอดภัย เพราะทราบว่าตำรวจบางส่วนถอดเครื่องแบบร่วมกับทีมรักษาความปลอดภัยของ นปช.ในปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย

พธม.ปิดถนนต่ออ้างถูกป่วน

วันเดียวกัน ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล นายพิภพ ธงไชย แกนนำกลุ่มพันธมิตร กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.สล้างจะนำมวลชนเข้ามาสร้างความรุนแรงว่า รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะช่วงงานพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ซึ่งตำรวจและกองทัพต้องวางมาตรการดูแลความปลอดภัยในเรื่องนี้ ส่วนพันธมิตรจะดูแลความปลอดภัยในทำเนียบ โดยไม่เข้าไปในตัวอาคาร ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.สล้างพูดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้น เป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องตรวจสอบ โดยไม่ต้องรอให้มีการแจ้งความ เนื่องจากถือเป็นหน้าที่โดยตรง

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวถึงกรณีพันธมิตรยังคงปิดถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่แยกสะพานมัฆวานรังสรรค์ถึงแยกมิสกวันว่า แกนนำได้ประชุมและเกรงว่าหากเปิดถนนราชดำเนินนอกตลอดทั้งวันทั้งคืน อาจจะเกิดอันตรายกับผู้ชุมนุม เนื่องจากขณะที่มีการรื้อเต๊นท์และเวทีบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ยังมีผู้ไม่หวังดีนำประทัดยักษ์มาขว้างเพื่อสร้างสถานการณ์ จึงให้ที่ประชุมมีมติปิดถนนดังกล่าวเช่นเดิม แต่จะไม่มีการนำเวทีหรือเต๊นท์เข้ามาตั้งอีก เพราะหากมีความต้องการที่จะใช้ถนนก็สามารถทำได้เลย

ยื่นมทภ.1สกัด "สล้าง" ปะทะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ วันเดียวกันนี้ กลุ่มพันธมิตรได้เคลื่อนย้ายเต๊นท์ของการ์ดอาสา ที่ตั้งอยู่รอบบริเวณทำเนียบ ไปตั้งตามบริเวณใกล้ประตูทางเข้าทุกจุดเพื่อรับมือการบุกทำเนียบของ พล.ต.อ.สล้าง พร้อมทั้งเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจค้นผู้ที่ผ่านเข้า-ออก

เวลา 15.10 น. นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายสมบูรณ์ ทองบุราณ พร้อมด้วยนายการุณ ใสงาม แกนนำแนวร่วมพันธมิตร ได้เดินทางไปที่กองทัพภาคที่ 1 เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ขอให้ตรวจสอบและดำเนินการกรณีที่ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค และ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ข่มขู่จะใช้กองกำลังติดอาวุธ โดยมี พล.ต.สุรพันธ์ พวงเพ็ชร์ ที่ปรึกษากองทัพภาคที่ 1 รับหนังสือ

นายไชยวัฒน์กล่าวว่า พล.ต.อ.สล้างประกาศว่าจะใช้กองกำลังติดอาวุธเข้ามาปิดล้อมทำเนียบ ส่วนเสธ.แดง ได้มีกองกำลังในนามนักรบพระเจ้าตากให้กับกลุ่ม นปช. แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการที่จะทำให้เกิดความรุนแรงขึ้น และขณะนี้มีการระดมครูทั้งภาคเหนือและอีสานเดินทางเข้ามาใน กทม.แล้ว จึงอยากเรียกร้องให้แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ได้ตรวจสอบและดำเนินการเพื่อป้องกันการปะทะ เข่นฆ่าประชาชนด้วยความรุนแรง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา 

มทภ.1มั่นใจไม่ซ้ำรอย7ต.ค.

ด้าน พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวกรณีที่ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจที่จะประกาศยึดทำเนียบรัฐบาลคืน ว่าขณะนี้กองทัพภาคที่ 1 ได้ติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรรุนแรง และเท่าที่ทหารวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ไม่มีอะไรน่าห่วง แต่หากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา กองทัพเตรียมความพร้อมที่จะเข้าไปสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการคลี่คลายสถานการณ์ โดยกองทัพมีแผนปฏิบัติตามขั้นตอน คิดว่าคงไม่มีการปะทะกัน เพราะศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้ตำรวจใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมเหมือนครั้งที่ผ่านมา และตำรวจรู้บทเรียน ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ไม่ได้มีการสั่งการอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่ได้ติดตามสถานการณ์เท่านั้น

ทบ.เตรียมกองร้อยปราบจราจล

แหล่งข่าวด้านความมั่นคงเปิดเผยว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งให้หน่วยขึ้นตรงของกองทัพบกเตรียมความพร้อมภายในหน่วยที่ตั้ง หากเกิดสถานการณ์รุนแรงพร้อมที่จะสนับสนุนตำรวจทันที โดยเฉพาะกองร้อยปราบจลาจลของกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 (พัน ร.มทบ.11) ส่วนการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผ่านในรายการความจริงวันนี้เชื่อว่า คงไม่สามารถทำให้สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้น แต่อาจจะส่งผลให้เกิดปัญหาตามมา เพราะหาก พ.ต.ท.ทักษิณน้อมรับคำตัดสินของศาล สถานการณ์น่าจะจบลง แต่หากขึ้นมากล่าวโจมตีอาจจะทำให้เกิดปัญหา และไม่เกิดประโยชน์อะไร

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกเตรียมกองร้อยรักษาความสงบไว้ หากมีการประสานขอกำลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้ช่วยออกมาดูแลความสงบในพื้นที่ โดยกองทัพบกมีการเตรียมกำลังจากกองทัพภาคที่ 1 กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) รวมถึงกองทัพเรือและกองทัพอากาศ ที่เตรียมพร้อมอยู่ในกรมกอง และสามารถออกปฏิบัติงานได้ทันที หากมีการร้องขอ เนื่องจาก ผบ.ทบ.ได้ให้นโยบายกองทัพว่า ให้เข้าถึงพื้นที่โดยเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะ แต่ทหารจะไม่ออกมาปฏิบัติการ หากไม่มีการร้องขอจากตำรวจ เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ และหากทหารออกมาโดยไม่ประสานงานกับตำรวจจะเกิดการสูญเสียขึ้นได้ ทั้งนี้ กองทัพยืนยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และหวังว่าสถานการณ์วันที่ 25 ตุลาคม จะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอะไร 

นายกฯไปจีนสะพัด "ปฏิวัติ"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา มีกระแสข่าวว่าทหารจะนำกำลังออกมาปฏิวัติรัฐประหาร โดยอาศัยจังหวะที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-ยุโรป (อาเซม) ที่ประเทศจีน ทำให้กลุ่มแนวร่วมเสื้อแดง พยายามเดินสายเพื่อไปกดดันพล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) และ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อเรียกร้องไม่ให้ทหารนำกำลังออกมาปฏิวัติ

โดยเวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) กลุ่ม นปช.ประมาณ 25 คน นำโดยนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นายชินวัฒน์ หาบุญพาด เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านการออกรายการโทรทัศน์กดดันนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมลาออก ของผู้นำเหล่าทัพ ต่อ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. และเรียกร้องให้ ผบ.สส.แสดงจุดยืนให้ชัดเจนว่าจะร่วมกับประชาชนปกป้องประชาธิปไตย และให้ผู้นำเหล่าทัพยุติการแทรกแซงทางการเมืองทุกรูปแบบ รวมถึงเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีการส่งกองกำลังทหารนอกเครื่องแบบและอาวุธ เข้าไปร่วมชุมนุมสนับสนุนให้พันธมิตรก่อความรุนแรง ว่ากระทำผิดกฎหมายของบ้านเมืองหรือไม่ โดยมี พ.ท.เกื้อกูล บัวเทศ นายทหารเวรผู้ใหญ่ เป็นผู้รับหนังสือแทน

นปช.บุกร้องผบ.สส.ต้านปฏิวัติ

นายวิภูแถลงกล่าวว่า ขอให้ทหารยุติการปฏิวัติรัฐประหาร และร่วมกันรักษาระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากเกรงว่ากองทัพจะใช้โอกาสที่นายสมชายปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศกระทำการดังกล่าว จากนี้ นปช.จะดาวกระจายไปยื่นหนังสือดังกล่าวต่อหน่วยทหารทุกหน่วย รวมถึงกระทรวงกลาโหม และในวันที่ 25 ตุลาคม ตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป นปช.จะนัดชุมนุมที่ท้องสนามหลวง ซักซ้อมการต่อต้านรัฐประหาร เพื่อเตือนทหารว่าหากก่อรัฐประหารต้องพบกับการต่อต้านอย่างรุนแรง นอกจากนี้ นปช.จะจัดชุมนุมใหญ่อย่างเป็นทางการ เนื่องในวันต่อต้านรัฐประหารแห่งชาติ ในวันที่ 30-31 ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม คงไม่ไปร่วมกับ พล.ต.อ.สล้างที่ประกาศจะนำกำลังมาปิดล้อมทำเนียบ เพราะเท่าที่อ่านภาษากายของ พล.ต.อ.สล้าง เข้าใจว่า เป็นเพียงคำขู่ เพื่อกดดันให้กลุ่มพันธมิตรถอนตัวจากทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น

"เสธ.แดง" แจง "นักรบฯ" ไม่เถื่อน

พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก กล่าวว่า ได้ทำหนังสือถึง พล.ต.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล เลขานุการกองทัพบก เพื่อชี้แจงว่าการฝึกนักรบพระเจ้าตากไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอื่น แต่ปลูกฝังให้รักชาติ รักสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหลัก ไม่ใช่กองกำลังเถื่อน เห็นได้จากปัจจุบันกลุ่ม นปช.ไม่มีการเดินขบวนไปปะทะกลุ่มพันธมิตร
กำหนดของนักรบพระเจ้าตากนั้น ขึ้นอยู่กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ว่าจะสั่งการให้ทำประการใด เพราะพวกนี้อยากเป็นทหารทุกคน หากสั่งฝึกต่อก็ชอบ สั่งหยุดก็คงเสียใจ แต่ไม่เคยคิดรบกับใคร ส่วนที่ พล.ต.อ.สล้างประกาศยึดทำเนียบนั้น ได้ยกเลิกไปแล้ว เพราะจำนวนคนไม่เพียงพอ ต้องรอดูจังหวะและความเหมาะสมŽ พล.ต.ขัตติยะกล่าว  
ไม่ยอมรื้อเต๊นท์ที่สนามหลวง

ส่วนการรื้อเต๊นท์บริเวณท้องสนามหลวง ฝั่งทิศเหนือ เพื่อเตรียมงานพระราชพิธี พระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังคงมีเต๊นท์ของ นปช. ตั้งเอยู่จำนวนหนึ่ง ไม่ยอมย้ายออก

นายบวรพัฒน์ บุญธนทัต รักษาการผู้อำนวยการเขตพระนคร กทม. กล่าวว่า วันนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่เทศกิจรื้อถอนเต๊นท์ขนาดใหญ่ 4 หลัง เป็นของผู้ค้าที่เข้าไปผสมโรงกับกลุ่ม นปช. แต่ยังเหลือเต๊นท์อีกจำนวนหนึ่งของกลุ่มนักรบพระเจ้าตาก และผู้ช่วยแกนนำ นปช. ซึ่งผู้ดูแลเต๊นท์ได้ต่อรองกับเจ้าหน้าที่เขตว่า จะยังไม่ขอย้ายออก เนื่องจากในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ กลุ่ม นปช.จะชุมนุมใหญ่อีกครั้งหนึ่งที่สนามหลวง ซึ่งทางเขตได้อะลุ้มอล่วยให้ก่อน แต่อยากให้กลุ่ม นปช.ย้ายออกโดยเร็วที่สุด หากภายในวันที่ 26 ตุลาคมนี้ยังไม่ย้ายออก เขตจะต้องประสานความร่วมมือไปยังผู้บริหารระดับสูงของ กทม. และฝ่ายตำรวจให้หามาตรการทางกฎหมายจัดการขั้นเด็ดขาดต่อไป

เอาเทป "ความจริงวันนี้" ออกเอ็นบีที

นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ กล่าวว่า การร่วมปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้นทำให้แกนนำจะต้องปรับรูปแบบการนำเสนอบนเวทีบ้าง แต่อยู่ในระหว่างการปรึกษาหารือว่าจะเอาเช่นไร และยืนยันว่าผู้ร่วมปราศรัยบนเวทีทุกคนจะพูดเรื่องการปกป้องประชาธิปไตย ต่อต้านการรัฐประหาร ตามประเด็นที่แกนนำผู้ริเริ่มการจัดเวทีตั้งไว้ เพื่อให้ประชาชนที่มาร่วมฟังการปราศรัยระหว่าง 15.00 น.-22.00 น. ได้รับบรรยากาศเหมือนชมละครเรื่องหนึ่งตั้งแต่ต้นจนจบ รวมถึงการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย แต่ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณจะพูดพาดพิงไปถึงกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย เหมือนในแถลงการณ์ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

นายจตุพรกล่าวว่า อยู่ระหว่างการประสานงานกับบรรดานักรบไซเบอร์เครือข่าย ที่จะเข้ามาช่วยอำนวยการถ่ายทอดสด ซึ่งน่าจะเป็นการถ่ายทอดเสียง แต่จะไม่มีการถ่ายทอดสดผ่านรายการความจริงวันนี้ ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) แต่จะมีการนำเทปบันทึกภาพบรรยากาศการชุมนุมบางส่วนออกอากาศในวันต่อๆ ไปในรายการความจริงวันนี้ ที่ช่อง 11

"ประเวศ" หวั่นคนไทยนองเลือดอีก

นพ.ประเวศ วะสี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการปาฐกถาพิเศษ "ท้องถิ่นภิวัฒน์ในกระแสโลภาภิวัตน์" ที่โรงแรมโฆษะ จ.ขอนแก่น ถึงกรณี พล.ต.อ.สล้างขู่จะระดมคนปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ว่าต้องระวัง ทุกฝ่ายอย่าไปใช้ความรุนแรง ไม่เห็นด้วยที่มีการทะเลาะกันเกิดขึ้นและต้องจบด้วยการใช้ความรุนแรง ทุกฝ่ายควรให้เวลาในการจัดการ ส่วนแถลงการณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ได้อ่าน แต่ไม่อยากให้เกิดปัญหา เพราะทุกวันนี้ปัญหาก็เยอะไปหมด จนเกิดการทะเลาะกันใหญ่ ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้สิ่งสำคัญคือต้องอย่านำไปสู่การนองเลือดของคนไทยอีกครั้ง เพราะหากมีคนไทยตายไปสักคนก็ได้ไม่คุ้มเสีย

"จุดสำคัญในขณะนี้คือ ทุกฝ่ายต้องป้องกันการนองเลือด ทะเลาะกันไม่เป็นไร แต่อย่าให้นองเลือด ให้เวลากันเพื่อรอจุดลงตัว" นพ.ประเวศกล่าว

ส.ว.ตั้ง5กระทู้ถามเหตุการณ์7ตุลา 

ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมวุฒิสภา เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม มีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม มีการพิจารณา กระทู้ถามด่วน 5 เรื่อง เกี่ยวกับเหตุการณ์การใช้กำลังสลายการชุมนุมหน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม โดยนายประสพสุขแจ้งว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายนายสุขุมพงศ์ โง่นคำ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เป็นผู้ชี้แจง โดยมี ส.ว.ผลัดกันอภิปราย เช่น พล.ร.อ.สุรศักดิ์ ศรีอรุณ ส.ว.สรรหา อภิปรายว่า ทราบว่า แก๊สน้ำตามีสารระเบิดอาร์วีเอ็กซ์ถึง 7 กรัม ทำให้เกิดความสูญเสีย,พล.ต.ต.เกริก กัลยาณมิตร ส.ว.สรรหา อภิปรายว่าได้ไปสังเกตการณ์และดูภาพทางโทรทัศน์ พบว่า ตำรวจตั้งรูปขบวนเป็นแถวเดินหน้า จ้องยิงไปทางประชาชน อย่างที่ชาวบ้านเรียก เดินหน้าฆ่าลูกเดียว,นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ทราบมาว่ามีการใช้อาวุธที่ผิดประเภท มีการใช้ปืน มีคำสั่งที่ไม่ชอบเข้ามาแทรกเป็นระยะในการสลายการชุมนุม หากผลการสอบสวนจากคณะกรรมการที่รัฐบาลตั้งขึ้นออกมาว่า รัฐบาลผิด รัฐบาลจะอยู่ต่อหรือไม่ จะรับผิดชอบอย่างไร

"สุขุมพงศ์" ยันไม่ได้รุนแรง

ด้านนายสุขุมพงศ์ชี้แจงว่า แม้คณะรัฐมนตรี (ครม.) หลายคนเห็นว่า ต้องย้ายสถานที่ประชุม แต่การย้ายไม่ง่าย เพราะมีสมาชิกรัฐสภา 630 คน ไมโครโฟน 400 ตัว ระบบถ่ายทอดเสียงวิทยุโทรทัศน์ที่ต้องถ่ายทอดตามที่กฎหมายกำหนด จึงประสานมาที่สภา ทราบว่าประธานที่เป็นผู้มีอำนาจไม่ยินยอมให้ย้ายสถานที่ ผลสุดท้ายต้องมาประชุมที่สภาและคิดว่าหากเข้าสภาไม่ได้ก็กลับ แล้วสภาจะกำหนดวันไหนใหม่ก็เป็นเรื่องของสภา

"ผมอยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ 07.00-18.00 น. ถนนทุกสายที่มาที่สภาถูกปิด มีการ์ดพันธมิตรทุกจุด ดูน่ากลัวไม่น้อย รัฐมนตรีบางคนเกือบโดนทำร้าย เดินมาดีๆ อาจเสียชีวิต มีรัฐมนตรีโดนขู่ ผู้ชุมนุมยังมีท่อนไม้ ไม้กอล์ฟ ไม้เบสบอล บางคนสะพายถุงมีวัตถุกลมๆ ไม่รู้อะไร หรือมีคันยาวๆ คล้ายเบ็ด ขี่มอเตอรไซค์ไปมา ฉะนั้นการสลายการชุมนุมโดยสงบทำไม่ได้ ผลักไปกระเด็นทุกที พอประสาน กทม.จะเอาน้ำมาฉีด ก็อ้างว่า น้ำสกปรก สรุปว่า ตำรวจไม่ได้ใช้อาวุธและความรุนแรง แต่พยายามผลักดันให้เปิดทางให้ได้ และเมื่อเข้ามาแล้ว ประชาชนผลักดันมาปิดอีก ตำรวจสู้ไม่ได้ ก็ถอย ก็โดนล้อมอีก" นายสุขุมพงศ์กล่าว

กก.เยียวยาขอครม.56ล้าน

ที่ทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ท่าอากาศยานดอนเมือง น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะกรรมการเยียวยาและช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม และเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่อง ว่าที่ประชุมจะขอ ครม.อนุมัติงบฯกลาง 56 ล้านบาท มาใช้ในการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจาก 3 เหตุการณ์คือ เหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม เหตุการณ์กลุ่มพันธมิตรปะทะกับ นปช.ที่สะพานมัฆวานฯ เมื่อวันที่ 2 กันยายน และเหตุการณ์สลายชุมนุมที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม แบ่งเป็น 2 ระดับ คือเยียวยาเร่งด่วน ตามอาการบาดเจ็บ ทุพพลภาพ และเสียชีวิต และเยียวยาต่อเนื่อง คือการจ่ายเงินในการฟื้นฟู และให้ทุนการศึกษากับบุตรหลานผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ ศูนย์เอราวัณและศูนย์นเรนทร ระบุว่ามีผู้บาดเจ็บรวม 612 คน และเสียชีวิต 3 คน

นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ในฐานะ กก.เยียวยา กล่าวว่า จะตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายที่กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ โดยให้บุคคลที่ได้รับความเสียหายหรือญาตินำหลักฐานทั้งบัตรประชาชน และใบรับรองแพทย์มาแสดงได้ที่ศูนย์เบื้องต้นวงเงินที่จะช่วยเหลือผู้เสียชีวิตจะอยู่ที่ 100,000 ถึง 500,000 บาท

ตร.ตั้งกก.สอบเหตุ7ตุลา

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งวชาติ (ผบ.ตร.) มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบรวบรวมข้อเท็จจริง กรณีมีข่าวปรากฏ ว่าเหตุปะทะเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ตำรวจใช้เครื่องมือในการควบคุมฝูงชน จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ตลอดจนได้มีบุคคลร้องขอให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยมี พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคงและกิจการพิเศษ เป็นประธานกรรมการ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายป้องกันปราบปรามอาชญากรรม พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต ที่ปรึกษา (สบ 10) รองประธานกรรมการ โดยให้รายงานผลเบื้องต้นให้ทราบภายใน 7 วัน มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคมเป็นต้นไป

พล.ต.อ.วิโรจน์กล่าวหลังประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าประชุมเพื่อกำหนดแนวทางการทำงาน ซึ่งจะตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกส่วนตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รวมทั้งการเสียชีวิตของ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ด้วย โดยให้รวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมด อาจจะมีการตั้งคณะกรรมชุดย่อยๆ มาดูแลในแต่ละเรื่อง และยังไม่มีกรอบเวลาในการทำงาน

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์