สมเด็จฮุนเซนรอถกสมชายในเวทีอาเซม


“สมเด็จฮุนเซน” รอถก “สมชาย” ปัญหาพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา เวทีอาเซม ที่ปักกิ่ง ประเทศจีน

ขณะที่ “นายกฯ ไทย” ออกตัวขอดูบรรยากาศและเวลา แถมต้องหารือกับกระทรวงการต่างประเทศก่อน


ด้านมาเลย์เรียกร้องให้ 2 ฝ่ายหวนคืนโต๊ะเจรจา ยันไม่ได้แทรกแซงกิจการภายใน แค่ต้องการแสดงบทบาทในฐานมิตรประเทศ

เมื่อวันที่ 20 ต.ค. สำนักข่าวเอเอฟพี และเอพี รายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาว่า นายศรี ธำรง ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีกัมพูชา เปิดเผยว่า

ในระหว่างการไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ยุโรปหรืออาเซม ครั้งที่ 7 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 24-25 ต.ค.นี้ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มีกำหนดพบหารือกับนายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีของจีน
 
รวมถึงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีของไทย ขณะที่ นายกอย กวง
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา เปิดเผยว่า


การเผชิญหน้าของสถานการณ์ปัจจุบัน บริเวณแนวพรมแดนไทย-กัมพูชา จะเป็นหัวข้อสำคัญที่สุดของการหารือของนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ประเทศ

ขณะที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า จะเดินทางไปร่วมประชุมอาเซมที่จีน ส่วนปัญหาไทย-กัมพูชา ควรหารือกันในระหว่าง 2 ประเทศ เว้นแต่มีโอกาสเจรจาในระดับทวิภาคีระหว่าง 2 ประเทศ ค่อยมาว่า กัน

ซึ่งอยู่ที่การประสานงานของกระทรวงการต่างประเทศของ 2 ฝ่าย ทั้งนี้ไม่ใช่จะนำเรื่องดังกล่าวไปพูดในเวทีอาเซม แต่ถ้าบรรยากาศเหมาะและ มีเวลาเพียงพอก็อาจให้เจ้าหน้าที่ประสานงานเพื่อพูดคุยกับนายกฯ ฮุน เซน แต่ต้องดูเวลาที่ทางการจีนจัดไว้ว่าจะมีโอกาสหรือไม่ อย่างไรก็ดีคิดว่าประเทศที่เข้าร่วมประชุมคงไม่มีใครสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเราไปร่วมประชุมกันทั้ง 2 ประเทศ จะไปชี้แจงประเทศเดียวไม่ได้เพราะถือเป็นมารยาท และหากตนจะไปพูดอะไรก็ต้องหารือกับกระทรวงการต่างประเทศก่อน

ด้าน นายราอิส ยาติม รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า เตรียมนำสารของนายอับดุลลาห์ อาหมัด บาดาวี นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เดินทางมาประเทศไทยในสัปดาห์นี้พร้อมกับคำขอร้องเป็นกรณีพิเศษให้ 2 ประเทศ ควบคุมไม่ให้เหตุการณ์บานปลายและหันหน้ากลับสู่โต๊ะเจรจาอีกครั้ง

โดยไทยและกัมพูชาควรตีความความหมายของเจตนารมณ์อาเซียน (สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) และหาทางกลับมาสู่ความเป็นมิตรไมตรี และไม่ใช้กำลังทหาร ส่วนการเคลื่อนไหวของมาเลเซียนั้น โปรดอย่ามองว่าเป็นการแทรกแซงกิจการของประเทศอื่น เพียงแต่เป็นการแสดงบทบาทของมิตรประเทศหนึ่งเท่านั้น

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข เปิดเผยอาการของ อส.ทพ.พรานบุญฤทธิ์ ขันตี ที่บาดเจ็บจากการปะทะกับทหารกัมพูชาบริเวณเขาพระวิหาร ใกล้ผามออีแดง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะ เกษ ที่ยังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ว่าล่าสุดวันนี้อาการยังอยู่ในขั้นวิกฤติไม่รู้สึกตัว มีไข้ต่ำ ๆ ใช้เครื่องช่วยหายใจ ชีพจรและความดันโลหิตควบคุมด้วยยาเพื่อให้ระดับการไหลเวียนเลือดคงที่ สมองบวม มีภาวะไตวายเฉียบพลัน ได้ระดมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายระบบดูแลรักษาอย่างเต็มที่ ส่วน จ.ส.อ.ปรีชา โภคภัณฑ์ อส.ทพ.กฤษณรักษ์ จันทร์แดง และ จ.ส.อ.ณัฐพล จันทร์สุข ที่รักษาตัวอยู่ รพ.กันทรลักษ์ อาการดีขึ้น

เมื่อเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน พล.ต. วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต. กนก เนตระคเวสนะ ผบ.กกล.สุรนารี พร้อมคณะเสนาธิการ กกล.สุรนารี เดินทางไปที่สำนักงานพัฒนาพื้นที่ชายแดนกาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เพื่อประชุมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.กาบเชิง และ อ.พนมดงรัก

โดยมีนายปราโมทย์ สัจจรักษ์ ผวจ.สุรินทร์ ให้การต้อนรับ จากนั้นเดินทางไปยังโรงเรียนบ้านด่าน ต.ด่าน อ.กาบเชิง พบปะประชาชนที่มารอต้อนรับ พร้อมชมแผนการอพยพเข้าที่หลบภัย และเดินทางต่อไปตรวจดูพื้นที่ความพร้อมในการอพยพราษฎรของทางอำเภอพนมดงรัก ซึ่งเป็นเขตชายแดนที่ ตั้งของปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย

โดย พล.ต.กนก ให้สัมภาษณ์ว่า เดินทางมารับทราบสถานการณ์ และความเป็นอยู่ของราษฎรตามแนวชายแดน 2 อำเภอ พร้อมตรวจดูความพร้อมของทางอำเภอในการอพยพราษฎร ถ้ามีสถานการณ์เกิดขึ้น ส่วนกำลังทหารก็ได้ตรึงกำลังไว้ในพื้นที่เท่านั้น และไม่น่าเป็นห่วง

ที่วัดบ้านยางกลาง ต.โดนทราย อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร เมื่อเวลา 16.00 น. นายขจรศักดิ์ สิงโตกุล ผวจ.ยโสธร พ.อ.นิรุธ เกตุสิริ ผบ.ร.16 ค่ายบดินทร์เดชา จ.ยโสธร ร่วมเป็นประธานในพิธีฌาปนกิจศพ พลทหารวิญญู พลพฤกษ์ ทหารสังกัด ร.16 พัน 2 ที่เสียชีวิต เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา

เนื่องจากฝนตกหนัก จนลื่นล้มและปืนลั่นใส่ตัวเอง ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนที่ภูมะเขือ บนเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ ท่ามกลางความโศกเศร้าของบุคคลในครอบครัว เพื่อนข้าราชการทหาร และประชาชนกว่า 3,000 คน ที่มาร่วมงาน ขณะที่ นายขจรศักดิ์ ผวจ.ได้แสดงความเสียใจกับครอบครัวทหารกล้า และรับปากจะหาทางช่วยเหลือต่อไป.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์