ศาลวางกฎเหล็กเข้าฟังคดีที่ดิน


นัดตัดสินวันนี้สพรั่งสอนป๊อก"ทำในสิ่งที่ควร"

กลุ่มพันธมิตรฯ ดาวกระจายไปหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ย่านราชประสงค์ ด่าประจานรัฐบาล-ตำรวจ แจกแผ่นซีดีและหนังสือตำรวจฆ่าประชาชน ทำให้การจราจรติดขัดหนาแน่นขยายออกไปเป็นบริเวณกว้าง ด้าน นปช .ตบเท้าเข้าให้กำลังใจตำรวจ แล้วไปแจ้งความดำเนินคดีกับ 9 ป.ป.ช. มีที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขณะที่ “สพรั่ง” สอน “ป๊อก” ปฏิวัติเพื่อชาติ ระบุต้องทำในสิ่งควรทำ เตือน “สมชาย” นึกถึงชาติมากกว่าญาติ ชี้วิกฤติชาติสงครามความดี-ชั่ว ไม่ใช่การเมือง ด้าน ผบ.ทร. ชี้ปฏิวัติไม่ได้ช่วยให้บ้านเมืองดีขึ้น วันเดียวกันศาลฎีกาฯ ออกกฎเหล็กเข้าฟังคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ ทำป่วนอาจโดนข้อหาละเมิดอำนาจศาล ส่วน “สล้าง” เชิญชวนร่วมกันแต่งขาวทำบุญมหากุศลเจริญพระพุทธมนต์กู้วิกฤติชาติที่ลานพระรูปทรงม้า 13.00 น. วันที่ 22 ต.ค.นี้ หวังยุติความขัดแย้ง ร่วมสร้างความร่มเย็นคนในชาติ ด้านทนายแม้ว ร้องศาลออกหมายเรียก “สนธิ” ฝ่าฝืนคำสั่งศาลปราศรัยพาดพิงแม้ว จ้างล้มสถาบันเบื้องสูง จนได้รับความเสียหาย

กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังคงเดินหน้าเรียกร้องความสนใจต่อไป ด้วยการจัดม็อบดาวกระจายออกไปในจุดที่มีนักธุรกิจและมีประชาชนหนาแน่น ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 ต.ค. กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ใช้วิธีดาวกระจายมาที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ย่านราชประสงค์ ฝั่งถนนราชดำริ เพื่อแจกหนังสือ และซีดีตำรวจฆ่าประชาชน ให้กับประชาชนที่มาทำงาน และมาชอปปิงย่านดังกล่าว ซึ่งรวมไปถึงห้างบิ๊กซี และเกษรพลาซ่าด้วย

ดาวกระจายเซ็นทรัลเวิลด์

กลุ่มพันธมิตรฯ พร้อมใจกันสวมเสื้อเหลือง เริ่มทยอยมาชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ต่าง ชูป้ายที่มีรูปภาพของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง โฆษก สตช. พล.ต.ท. สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. และ พล.ต.ต. อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ว่าเป็นผู้ทำร้ายประชาชน อีกส่วนหนึ่งได้ชูภาพ น.ส. อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือน้องโบว์ และ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือ สว.จ๊าบ การ์ดพันธมิตรฯ เป็นการยกย่องว่าเสียสละเพื่อชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชุมนุมครั้งนี้ได้ทำให้การจราจรในบริเวณแยกราชประสงค์ ทั้งถนนเพลินจิต ถนนพระรามที่ 1 ถนนราชดำริ แยกประตูน้ำ ถนนเพชรบุรี รถเริ่มติดขัดขยายวงกว้างออกไปเรื่อย ๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรต้องทำงานอย่างหนัก รวมทั้งการ์ดพันธมิตรฯก็ได้อำนวยการจราจรช่วย

“สมศักดิ์”มาควบคุมม็อบเอง

ต่อมาเวลา 10.00 น. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำได้เดินทางมาโดยรถหกล้อที่ดัดแปลงเป็นรถปราศรัยเดินทางมาสมทบพร้อมปราศรัยถึงเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. ว่า รัฐบาลโดย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฆ่าประชาชน โดยการยิงแก๊สน้ำตา ระเบิด ถือเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม

จนเวลา 10.15 น. นายสมศักดิ์ได้สั่ง ให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวน โดยเลี้ยวซ้ายไปตามถนนเพลินจิตขาเข้า มุ่งตรงไปผ่านห้างเซ็นทรัลชิดลม ไปที่สถานทูตอังกฤษ โดยเรียกร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหมดเดินบนถนน เพื่อปิดการจราจรทั้งหมดไม่ให้รถผ่านได้ โดยการเคลื่อนขบวนจะมีกลุ่มรถ จยย.นำหน้าก่อน จากนั้นจะเป็นการ์ด พันธมิตรฯจับมือเป็นหน้ากระดานและเดินไปพร้อมกัน โดยมีการหยุดการปราศรัยเป็นระยะ ๆ อีกส่วนหนึ่งจะเดินแจกซีดีและหนังสือให้กับ ผู้เดินถนน พนักงานบริษัท และผู้ใช้รถในถนนสุขุมวิทขาเข้า

ม็อบด่าตำรวจที่ดูการจราจร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลุ่มพันธมิตรฯเคลื่อนขบวนมาถึงบริเวณแยกเพลินจิต เพื่อจะเลี้ยวขวาเข้าถนนวิทยุ ซึ่งแยกดังกล่าวมี พล.ต.ต. โชคชัย ดีประเสริฐวิทย์ ผบก.น.5 พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผกก.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.รุ่งโรจน์ สายันประเสริฐ รองผกก.ป. นำกำลังตำรวจมาอำนวยการจราจรอยู่ กลุ่มผู้ชุมนุมได้ตะโกนด่าทอ และชี้ให้ดูรูปภาพเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. จนการ์ดพันธมิตรฯต้องเข้ามาห้ามปราม พร้อมกับแจกซีดีและหนังสือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแทน อย่างไรก็ตามไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด

จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนไปตามถนนวิทยุ ซึ่งเป็นจุดที่มีอาคารสำนักงาน จำนวนมาก ต่างพากันลงมาดูด้วยความสนใจ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาพักกลางวันพอดี จากนั้นกลุ่มพันธมิตรฯได้เคลื่อนขบวนผ่านสถานทูต สหรัฐ เลี้ยวขวาที่แยกสารสิน ที่จุดนี้ได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นอีก เมื่อมีรถตำรวจปราบจลาจลของ บก.น.5 มาจอดเพื่อรักษาความปลอดภัย ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ ต่างพากันโห่ร้องและตะโกนด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียงอื้ออึง แต่ไม่มีเหตุร้าย จากนั้นกลุ่มพันธมิตรฯได้เลี้ยวเข้าถนนหลังสวน และตรงไปถนนราชดำริ ก่อนจะสิ้นสุดที่ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 ก่อนจะแยกย้ายกันไป

เผยตำรวจถูกฝึกมาให้อดทน

พล.ต.ต.โชคชัย กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้รับการประสานงานจากกลุ่มพันธ มิตรฯมาก่อน แต่เจ้าหน้าที่ทราบความเคลื่อน ไหวโดยดูข่าวทางอินเทอร์เน็ต จะติดต่อแกน นำพันธมิตรฯก็ไม่สามารถติดต่อได้ เจ้าหน้าที่ก็ไม่รู้ว่าจะประสานงานช่องทางไหน จึงต้องสอบถามกับกลุ่มพันธมิตรฯตรงจุดที่มีการเดินขบวน ทำให้เกิดการโห่ฮาด่าทอดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้จัดกำลังตำรวจจราจรอย่างเต็มที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนในพื้นที่รับผิดชอบ และดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่ ส่วนการยั่วยุของกลุ่มพันธมิตรฯนั้น ไม่กังวลแต่ อย่างใด เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกฝึกฝนให้ทนต่อการยั่วยุ และที่ผ่านมาใช้ความอดทนมานานกว่า 100 วันแล้ว

“พิภพ”ระบุ 21 ต.ค.ไม่เคลื่อนที่

ส่วนที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบฯ เมื่อเวลา 10.00 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า กลุ่มคนที่สนับสนุนรัฐบาล ที่อาจจะเชื่อมโยงถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กำลังเตรียมการสร้างสถานการณ์รุนแรงปั่นป่วน ด้วยการข่มขู่ เพื่อไม่ให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอ่านคำพิพากษา คดีที่ดินรัชดาฯ ในวันที่ 21 ต.ค. ส่วนพันธ มิตรฯ นั้น ไม่ต้องการเพิ่มกระแสให้เกิดการเผชิญหน้า ดังนั้นจะปักหลักอยู่บริเวณทำเนียบฯ

นายพิภพ กล่าวอีกว่า ส่วนการเคลื่อนไหวดาวกระจายของพันธมิตรฯนั้น อยากเรียกร้องให้ตำรวจป้องกันไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า เพราะพันธมิตรฯ ก็ไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น เพราะทุกครั้งที่มีการเผชิญหน้าก็มาจากการเคลื่อน ไหวของกลุ่ม นปช. ดังนั้นเป็นหน้าที่ของตำรวจ ที่จะต้องกันกลุ่ม นปช. ไม่ให้ใช้ความรุนแรงกับพันธมิตรฯ แต่ตำรวจไม่ต้องมากันพันธมิตรฯเพราะเราไม่ใช้ความรุนแรง

ยืนยัน“สมชาย”ต้องออกทันที

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ขอเวลาในการทำงาน 2 เดือนกับ ผบ.ทบ.นั้น ทางพันธมิตรฯมองเรื่องนี้อย่างไร นายพิภพ กล่าวว่า เราไม่ทราบว่า คำขอนั้นเป็นจริงหรือไม่ เพราะนายกฯ รวมถึง ผบ.ทบ. ไม่เคยให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ แต่พันธมิตรฯเห็นว่านายกรัฐมนตรีมีความผิดทางกฎหมายและการเมือง ซึ่งนายกฯต้องรับผิดชอบ แม้จะหลีก เลี่ยงว่าไม่ได้สั่งการให้ตำรวจสลายการชุมนุม แต่ฐานะที่เป็นนายกฯก็ไม่ได้ยับยั้งให้ตำรวจยุติการฆ่าประชาชน จนทำให้มีคนตายไปต่อหน้าต่อตา นายกฯก็ควรรับผิดชอบด้วยการลาออกทันที ส่วนความรับผิดชอบทางกฎหมายนั้น ต้องเป็นไปตามกระบวนการศาลยุติธรรม นอกจากนี้การที่ ผบ.เหล่าทัพ ออกมาแถลงข่าวก็ไม่ได้มีเงื่อนไขให้เวลานายกฯ ทำงาน 2 เดือน อีกทั้ง ผบ.ทั้ง 3 เหล่าทัพ และพันธมิตรฯ เห็นตรงกันว่านายกฯ ควรรับผิดชอบทางการเมืองด้วยการลาออกทันที

นายพิภพ กล่าวต่อว่า หากทุกภาค ส่วนในสังคมรวมตัวออกมากดดันให้นายกฯ รับผิดชอบด้วยการลาออก เชื่อว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งนายกฯ จะลาออกเพื่อรับผิดชอบทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ตนไม่ทราบว่าแผนของ ผบ.3 เหล่าทัพ ที่กดดันให้นายกฯ ลาออกนั้นเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าจะมีแผนอื่น ๆ ออกมาอีก

ระบุ“สล้าง”ข่มขู่ประชาชน

นายพิภพ ยังกล่าวถึงการที่ พล.ต.อ. สล้าง บุญนาค อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อยึดทำเนียบฯคืนจากกลุ่มพันธ มิตรฯ ว่า ตนไม่ทราบว่า พล.ต.อ.สล้าง ใช้สิทธิอะไรมาข่มขู่ประชาชนที่ใช้สิทธิชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ เพราะ พล.ต.อ.สล้าง เป็นแค่ราษฎรธรรมดา ซึ่งการที่ สตช.อนุญาตให้ พล.ต.อ.สล้าง แถลงข่าวร่วมกับตำรวจในราชการคนอื่น ๆ นั้น ถือว่า สตช. ไม่มีความระมัดระวัง เป็นความบกพร่อง และตนไม่ทราบว่าการที่นายตำรวจที่เกษียณอายุราชการแล้ว ใช้สถานที่ของ สตช. แถลงข่าวเพื่อข่มขู่ประชาชน ถือเป็นนโยบายของ สตช. หรือไม่ ดังนั้น สตช. จะต้องออกมาชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะทำให้ศักดิ์ศรีของตำรวจลดลง แต่หาก สตช. ไม่ชี้แจงก็ถือว่า สตช. ร่วมมือในการข่มขู่ประชาชน

นปช.ตบเท้าให้กำลังใจตำรวจ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 11.00 น. นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นาย วิภูแถลง พัฒนภูมิไทย และนายชินวัตร หา บุญพาด แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จ การแห่งชาติ (นปช.รุ่น2) พร้อมแนวร่วมกว่า 100 คน นำดอกกุหลาบมามอบให้กำลังใจเจ้า หน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมทั้งยื่น หนังสือเรียกร้องให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. เร่งรัดดำเนินคดีกับแกนนำพันธมิตรฯและ ผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยมี พ.ต.อ.สุทธินาท สุดยอด รองเลขานุการตำรวจแห่งชาติ (รอง ลก.ตร.) เป็นผู้แทนรับมอบ

นายสมยศ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องเร่งรัดดำเนินการชี้แจงข้อเท็จจริง โดยนำหลักฐานออกตีแผ่ให้สังคมรับรู้ถึงพฤติกรรมป่าเถื่อนของพันธมิตรฯ พร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับแกนนำพันธ มิตรฯ และผู้เกี่ยวข้องในการกระทำผิดกฎหมาย อาญาและต่อรัฐธรรมนูญปี 2550 และหากผู้นำเหล่าทัพหรือทหารกลุ่มใดก่อการรัฐประหาร ตำรวจต้องออกมาต่อต้าน ต้องทำหน้าที่ปกป้อง ระบอบประชาธิปไตยโดยการเข้าจับกุมดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดกับกลุ่มผู้ก่อการรัฐประหารในฐานะกบฏ ซึ่งประชาชนคนไทยทั้งประเทศจะยืนหยัดอยู่ข้างตำรวจเพื่อทำหน้าที่รักษาระบอบประชาธิป ไตย พร้อมกันนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องเพิ่มขวัญกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในการรักษาความสงบเรียบร้อยในการจับกุมกลุ่มพันธมิตรฯ ผู้กระทำผิดกฎหมาย ด้วยการเพิ่มเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง และเลื่อนขั้นให้เหมาะสม

นปช.นัดไปชุมนุมที่วัดสระเกศ

ขณะเดียวกัน นปช. ได้เผยแพร่กำหนด การนัดหมายชุมนุมกันในวันที่ 21 ต.ค.นี้ ที่วัดสระเกศ เวลา 13.00 น. โดยระบุว่า เพื่อรายงานสถานการณ์ให้พระสงฆ์รับทราบสถานการณ์ทาง การเมืองและมีส่วนร่วมปกป้องประชาธิปไตย กำจัดมารศาสนาสันติอโศก ที่กำลังสมคบกับมารก่อการรัฐประหาร นอกจากนี้ยังระบุว่าในวันที่ 22 ต.ค.นี้ เวลา 10.00 น. กลุ่ม นปช.จะไปยื่น หนังสือต่อคณะกรรมาธิการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ให้สอบสวนเหตุความรุนแรงเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา จากนั้น นปช. จะเข้าพบประธานรัฐสภาและประธานวุฒิสภา ในวันที่ 23 ต.ค.นี้ เพื่อขอให้ร่วมกันปกป้องสถาบันรัฐสภาไม่ให้ทหารและกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาทำลาย ต่อมาใน วันที่ 24 ต.ค.นี้ จะยื่นหนังสือต่อผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อให้ยุติแผนรัฐประหารแทรกแซงการเมือง และ นปช. จะจัดชุมนุมใหญ่เพื่อซักซ้อมการต่อต้านรัฐประหารในวันที่ 25 ต.ค.นี้ เวลา 17.00- 23.00 น. ที่ท้องสนามหลวง

แจ้ง ป. ดำเนินคดี 9 ป.ป.ช.

ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.30 น. นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ประธานกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย พร้อมด้วย นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท แกนนำ นปช. และผู้สนับสนุนประมาณ 30 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ไพรินทร์ แจ่มจำรัส พงส.สบ3 กก.1 บก.ป.เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ 9 คณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยมี นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ เป็นประธานฯ ในความผิดฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน และกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน โดยตนไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145

นายสมยศ กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า ตนกล่าวโทษคณะกรรมการ ป.ป.ช.และขอให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ พิจารณาสำนวนคำไต่สวน เอกสาร คำวินิจฉัย หรือคำสั่งใด ๆ เนื่องจาก ป.ป.ช.ชุดนี้มีที่มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ขัดต่อบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่จะดำรงตำแหน่งได้นั้นต้องได้รับการโปรดเกล้าฯ เสียก่อน แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดนี้ไม่ได้เข้าเฝ้าฯรับการโปรดเกล้าฯ แต่ถูกแต่งตั้งขึ้นมาโดย คมช.ที่เข้ามายึดอำนาจในยุคนั้น ส่วนสาเหตุที่เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนโดยไม่ได้เข้ายื่นเรื่องต่อศาลในทันที เนื่องจากต้องการกระทำตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม โดยร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเสียก่อน เพื่อให้เจ้าพนักงานได้พิจารณาความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

“คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดนี้มีที่มาไม่ถูกต้อง และที่ผ่านมาก็มีการเลือกปฏิบัติโดยจะเห็นได้จากกรณีที่เคยมีการร้องเรียนให้ตรวจสอบเรื่องร่ำรวยผิดปกติของ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีต คตส. แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กลับดำเนินการอย่างล่าช้า ขณะที่การร้องทุกข์ของกลุ่มพันธมิตรฯ ให้ไต่สวนเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา กลับมีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนอย่างรวดเร็ว และตนอยากให้พนักงานสอบสวน บก.ป.ช่วยเร่งรัดพิจารณาสถานภาพของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้ง 9 คน และกรณีการรับเงินเดือนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดนี้ด้วย” ประธานกลุ่ม 24 มิถุนาฯกล่าว

“สล้าง”เชิญแต่งขาวฟังธรรม

ทางด้าน พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ในฐานะประธานกลุ่มพลังวิกฤติชาติ แถลงข่าวจัดงานทำบุญมหากุศลเจริญพระพุทธมนต์กู้วิกฤติชาติ ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า ในเวลา 13.00 น. วันที่ 22 ต.ค. ว่า เพื่อเสริมสร้างจิตสำนึกที่ดีต่อแผ่นดินหวังยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้น สร้างความร่มเย็นให้คนในชาติมีความสามัคคี โดยนิมนต์พระสงฆ์ 2 หมื่นรูปทั่วประเทศ บรรยายธรรม เจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตภาวนา และแผ่เมตตา จึงขอเชิญแต่งกายในชุดขาวร่วมงานโดยพร้อมเพรียงกัน

ทนาย“แม้ว”ร้องศาลจี้“สนธิ”

ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 11.00 น. นายวัชระ แสงประทุม ทนายความ ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายเรียก และกักขัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ โดยกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ฟ้องนายสนธิเป็นจำเลยต่อศาลแพ่ง เรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท และได้มีการไต่สวนฉุกเฉินห้ามไม่ให้ นายสนธิ จำเลยพูดให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ซึ่งศาลแพ่งได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 51

แต่เมื่อวันที่ 14-15 ต.ค. นายสนธิได้ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งห้ามชั่วคราวของศาล โดยนายสนธิได้กล่าวปราศรัยใช้ถ้อยคำรุนแรงว่า พ.ต.ท.ทักษิณใช้เงินจ้างให้ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ และจะเป็นประธานาธิบดี ทั้งที่ปัจจุบัน พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้อยู่ในประเทศไทย และได้ขอลี้ภัยในต่างประเทศแล้ว และเมื่อวันที่ 17 ต.ค. ทนายความได้แจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ดุสิต แล้ววันนี้จึงมายื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลแพ่งมีคำสั่งกรณีที่จำเลยไปให้ข่าวโดยขัดขืนคำสั่งศาล และตอนนี้กำลังจะฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายอีกประมาณ 300-500 ล้านบาท กรณีนายสนธิกล่าวหมิ่นประมาท นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่จำเลยได้พูดให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้รับความเสียหาย เช่น กรณีกล่าวหาว่ามีการจ่ายเงินให้กับทหาร ทั้งนี้ยืนยันว่าการฟ้องศาลดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิเพื่อปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณตามกฎหมาย

ศาลฎีกาออกกฎเหล็กฟังคดี

วันเดียวกัน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีหนังสือถึงสื่อมวลชนเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับการเข้าฟังคำพิพากษาคดีทุจริตที่ดินรัชดาภิเษกว่า คดีนี้เป็นที่สนใจของประชาชนและอาจมีประชาชนมาฟังคำพิพากษา คดีจำนวนมาก ศาลฎีกาฯจึงมีระเบียบว่าด้วยการรักษาความเรียบร้อยในศาล หรือบริเวณศาลและการเข้าฟังคำพิพากษา โดยมีสาระสำคัญดังนี้

เรื่องการเข้ามาในศาล ข้อ 4 บุคคลภายนอกที่จะเข้ามาในศาล หรือบริเวณศาล หรือห้องพิจารณาคดี ต้องแต่งกายสุภาพ และประพฤติตน ให้เรียบร้อย ห้ามส่งเสียงดัง เสพสุรา และของมึนเมาอย่างอื่นจนเป็นเหตุประพฤติวุ่นวาย หรือครองสติไม่ได้ หรือกระทำการอื่นใดอันก่อให้เกิดความไม่เรียบร้อยในศาล หรือบริเวณศาล ข้อ 5 ห้าม นำอาวุธทุกชนิดเข้ามาในบริเวณศาล ถ้ามีอาวุธติดตัวมาจะต้องเก็บ หรือฝากไว้ก่อนที่จะเข้ามาในศาล เว้นแต่เจ้าพนักงานตำรวจที่ได้รับอนุญาตจากศาล ข้อ 6 บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ข้าราชการตุลาการ หรือเจ้าหน้าที่ของศาลฎีกาฯ เมื่อมาติดต่อราชการและหมดภารกิจที่ต้องปฏิบัติแล้วให้ออกไปจากศาลหรือบริเวณศาล

เรื่อง การเข้าฟังการพิจารณาคดีของศาล ข้อ 8 ผู้ที่ประสงค์จะเข้าฟังการพิจารณาคดีของศาลต้องนำบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวข้าราชการ หรือบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐมาแลกบัตรที่แผนกประชาสัมพันธ์ของศาล ข้อ 9 ห้ามไม่ให้ผู้เข้าฟังการพิจารณาคดีของศาลแสดงกิริยาไม่เรียบร้อย หรือกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวน หรือขัดขวางการพิจารณาคดีของศาล ทั้งต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ศาลโดยเคร่งครัดด้วย จึงขอแจ้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปให้ทราบโดยทั่วกัน และให้ถือปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวโดยเคร่งครัด ผู้ฝ่าฝืนอาจมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามกฎหมาย

“มาร์ค”ห่วงตัดสินคดีที่รัชดาฯ

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงที่จะเกิดในวันที่ 21 ต.ค.ซึ่งมีการตัดสินคดีที่ดินรัชดาของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ตนห่วงว่าสถานการณ์จะตึงเครียดมากและมีความเสี่ยงสูง ถ้ายิ่งไม่มีการแสดงความรับผิดชอบใดจากรัฐบาลและรัฐบาลก็เหมือนกับให้ท้ายด้วย ก็อาจจะเป็นปัญหา ต่อข้อถามถึงกรณีที่นายตำรวจนอกราชการและนายทหารในราชการจะออกมาเคลื่อนไหว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คนที่อยู่ข้างนอกไม่เป็นไร ถ้าใช้สิทธิเสรีภาพในกรอบของกฎหมาย แต่ในส่วนของคนที่รับผิดชอบต่อบ้านเมือง ต้องช่วยกันแก้ไขไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น ดังนั้น ความรับผิดชอบทั้งหมดอยู่ที่ตัวนายกฯด้วย เพราะเป็นผู้ที่รู้เห็นกับหลาย ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นในขณะนี้ และไม่มีความพยายามที่จะระงับยับยั้ง

ปลัดมท.เชื่อ 2 ฝ่ายไม่ปะทะ

นายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานถึงการที่กลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่ม นปช.จะเกณฑ์คนเข้ากรุงเทพฯเพื่อรับฟังคำตัดสินคดีทุจริตจัดซื้อที่ดิน รัชดาของครอบครัวชินวัตร ในวันที่ 21 ต.ค. นี้ เพราะที่ผ่านมาได้มีการสั่งการครอบคลุมไปยังทุกจังหวัดแล้วให้ส่งผู้ใหญ่ที่ประชาชนเคารพนับถือไป ชี้แจงถึงข้อเสียที่จะเกิดขึ้น จึงมั่นใจว่าการปะทะ หรือเผชิญหน้ากันถึงขั้นแตกหักระหว่างผู้ชุมนุม 2 ฝ่ายจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดที่กระทรวงมหาดไทยดูแลได้ให้อำนวยความสะดวกด้านสถานที่หากประชาชนต้องการแสดงความคิดเห็นแล้ว

“พนัส”ซัดอภิสิทธิ์ชนฝืน ก.ม.

ที่สโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดีรังสิต ในการสัมมนาเรื่องวิกฤติและโอกาสประชาธิปไตยไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวอภิปรายช่วงหนึ่งว่า การที่ผู้นำกองทัพออกมาเรียกร้องให้นายกฯลาออก หากนายกฯรับ เท่ากับยอมรับกับโลกว่า ประเทศนี้ไม่เป็นประชาธิปไตยและไม่รู้ว่าใครมีบทบาทหน้าที่อะไร ล่าสุดคนกำลังลุ้นอยู่ว่านายกฯจะ ลาออกวันไหน และถ้าไม่ออก วันไหนจะมีรัฐประหาร ฉะนั้นแค่ผู้นำเหล่าทัพออกมาพูดก็สร้างความเสียหายแล้วการลาออกยุบสภา ไม่ได้แก้ปัญหา ยิ่งมีการยึดอำนาจยิ่งทำให้ประเทศเสียหาย การแก้ไขต้องดูที่ต้นเหตุ เมื่อมีคนไม่พอใจรัฐบาลก็ต้องทำไปตามกติกา ถ้าอยากเปลี่ยนระบบก็ต้องแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่ให้ทหารมายึดอำนาจ ส่วนที่ตนแปลกใจสุดคือนักวิชาการบางพวกที่บอกว่ายึดอำนาจโดยไม่มีการสูญเสียถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงโดยสันติ ตนคิดว่าการพูดแบบนี้แสดงว่าคนนั้นเพี้ยน

ด้านนายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตส.ว.ตาก กล่าวว่า การเมืองไทยวิกฤติยิ่งกว่าวิกฤติ อยู่ในระบอบกึ่ง ๆ ประชาธิปไตยกับอนาธิปไตย เพราะมีการใช้กฎหมาย 2 มาตรฐาน คนบางกลุ่มสามารถทำในสิ่งที่คนทั่วไปเห็นว่าผิดกฎหมายได้โดยไม่เกิดอะไรขึ้น แม้ศาลเองจะพิจารณาว่าผิดแล้วก็ตาม แต่กระบวนการยุติธรรมกลับทำอะไรไม่ได้ และยังเปิดให้คนคนนั้นทำต่อไปได้ ปัญหาในขณะนี้ ถ้าไม่ยึดหลักประชาธิปไตย คือการระงับยับยั้ง หาทางพูดจาให้เข้าใจกัน แก้ปัญหาร่วมกัน สะกดความโกรธและเกลียด ประเทศก็เดินต่อไปไม่ได้ ตนขอเสนอว่าให้ทุกฝ่ายถอนตัวกลับฐานที่ตั้งของตนเอง และช่วยกันคิดอ่านแก้ปัญหาที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน ไม่ใช่มาปะทะกันเหมือนบ้านเมืองป่าเถื่อน

“สพรั่ง”ระบุทหารปกป้องชาติ

พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตผู้ช่วยเลขาธิการ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ปฏิเสธข้อเสนอของ ผบ.เหล่าทัพที่เรียกร้องให้รับผิดชอบยุบสภา หรือลาออกจากตำแหน่งว่า ทหารทุกคนมีศักดิ์ศรีและเป้าหมาย มีเจตนารมณ์มุ่งมั่นที่จะต่อสู้ปกป้องในฐานะที่รับผิดชอบองค์กร กองทัพต้องปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ขณะที่นักการเมืองปกป้องพรรคของตนเอง ปกป้องฐานเสียงและคะแนนเสียง ส่วนทหารจะออกมายึดอำนาจอีกหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผลกระทบและเหตุผลของผู้รับผิดชอบ ว่ามีผลกระทบต่อความเสียหายของชาติบ้านเมืองหรือไม่ เหตุที่ไม่สงบเพราะคนเลวทำให้ไม่สงบ ดังนั้นจะหยุดเลยคงไม่ใช่ ต้องขจัดความเลวออกไปก่อน ความสงบจึงจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เมื่อการเมืองและการทหารขัดแย้งกันจะกระทบต่อประเทศชาติ ประชาชนต้องพิจารณาด้วยจิตที่นึกถึงส่วนรวม

“ยกตัวอย่างหากญาติประพฤติตัวไม่ดี เราต้องเป็นศัตรูกับญาติได้เพราะชาติต้องมาก่อนญาติ กองทัพกับการเมืองขัดแย้งกัน ด้วยปัญหาที่ยอมกันไม่ได้ เป็นธรรมดาที่ฝ่ายที่มีกำลังย่อมชนะเสมอ กำลังหมายถึงศักยภาพการต่อสู้ ไม่ใช่มีอาวุธหรือไม่มีอาวุธ เพราะการรบไม่จำเป็นต้องใช้ยุทโธปกรณ์ วันนี้ต้องดูว่าใครสู้กับใคร ต้องคำนึงถึงชาติเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อการเมืองกับการทหารเผชิญหน้า ต้องถามว่าฝ่ายใดเพื่อชาติศาสน์ กษัตริย์ ฝ่ายนั้นจะชนะ ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับเรื่องจำนวน แต่ขึ้นอยู่ที่เหตุผลความดี ขณะนี้เป็นสงครามระหว่างความดีกับความชั่ว ไม่ใช่เรื่องการเมือง” พล.อ.สพรั่ง กล่าว

ต้องทำในสิ่งที่ควรทำอย่ากลัว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางออกประเทศชาติจะจบอย่างไร พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า เหมือนคนไข้ไม่รู้จักรักษาโรค มัวแต่ห่วง อย่าไปผ่าตัดกลัวเจ็บ หากเราผ่าเลยก็จบ แต่ไม่ใช่ว่าจะไปทำแรง ๆ เพื่อให้จบ แต่ต้องทำในสิ่งที่ควรทำ ไม่ได้ประชดประชันใคร แต่คนที่ฟังอยู่ต้องรู้ว่าตนกำลังสื่ออะไรออกไป เมื่อถามว่า ปัญหาจะจบคล้ายเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า ไม่มีหรอกถ้าท้าทายกัน คิดว่าหนังม้วนเดียวจบ สถานการณ์อย่างนี้ทำให้เห็นชัดเจนว่าม้วนเดียวจบ ส่วนหากปฏิวัติอาจมีบาง กลุ่มออกมาต่อต้านให้เกิดปัญหานั้นตนว่า ในโลกนี้มีอะไรบ้างที่ไม่เลือกหนทางที่จำเป็นอย่างสหรัฐ ส่งทหารไปรบกับอิรัก และมีคนตายหลายพันคน ถ้าไม่ไปรบก็คงดี แต่ที่ไปรบเพราะจำเป็นเพื่อประโยชน์ของชาติ ส่วนทหารปฏิวัติคงจะบอกไม่ได้ว่าส่งผลดีหรือเสีย แต่ดูว่าจำเป็นหรือไม่จำเป็น หากทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศก็ต้องทำเพราะผลประโยชน์ของชาติสำคัญกว่า หากปล่อยให้อยู่อย่างนี้พังกันไปหมด ทุกคนจะมัวแต่เอาตัวรอด อย่าเลี้ยงไข้ อย่าตามใจคนไข้ ถ้าเป็นโรคอะไรต้องรักษาตามโรค และหากเป็นโรคร้ายก็ต้องรักษา

ไอเอ็นเอ็นปัดพลังกู้วิกฤติชาติ

สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกันสำนักข่าว ไอเอ็นเอ็น ได้ออกแถลงการณ์ว่าไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มพลังกู้วิกฤติชาติ ตามที่ได้มีกลุ่มบุคคลอ้างว่าเป็นกลุ่มพลังกู้วิกฤติชาติ ได้จัดทำและเผยแพร่ใบปลิว คู่มือหยุดการปฏิวัติ โดยมีข้อความบางส่วนอ้างอิง และมีลักษณะต้องการให้สาธารณชนเข้าใจว่า สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกันและสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น (INN) เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมขององค์กรดังกล่าว ในการต่อต้านการปฏิวัติ ด้วยการให้ประชาชนแจ้งความเคลื่อนไหวการปฏิวัติที่สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกันและสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น

สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน และสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น ขอยืนยันว่าเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มพลังกู้วิกฤติชาติ ตามที่ถูกกล่าวอ้าง และขอให้ผู้เกี่ยวข้องยุติการนำสถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน และสำนักข่าวไอเอ็นเอ็นเข้าไปเกี่ยวข้อง กับสถานการณ์ความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้น

ผบ.ทร.ชี้ปฏิวัติไม่ช่วยให้ดีขึ้น

พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การชุมนุมของพันธมิตรฯที่ใช้แผนดาวกระจายไปในพื้นที่ กทม.ว่า สถาน การณ์นี้ ผบ.เหล่าทัพ ไม่ได้ประชุมอะไร เพียงแต่ติดตามข่าวก็ทราบว่าทั้งพันธมิตรฯและ นปช.มีเจตจำนงไม่ใช้ความรุนแรง แต่การเคลื่อนไหวเพื่อแสดงความเห็นของพันธมิตรฯเท่านั้น คิดว่าคงรู้ว่าควรจะทำแค่ไหน คงจะไม่บานปลาย เมื่อถามว่า ผบ.เหล่าทัพ ถูกยุให้ปฏิวัติ หลังจับมือออกทีวีกดดันรัฐบาล พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า ทำอย่างนั้นคงไม่ดี พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ. ทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พูดในหลักการกว้าง ๆ ว่า เราดูแล้วถ้าสมมุติเอากำลังทหารออกมาปฏิวัติ ผลเสียกับประเทศชาติมีมาก โดยเฉพาะการบอยคอตจากต่างชาติซึ่งจะประสบปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ ทั้งนี้ประเทศไทยเป็นอย่างนี้มาตลอด ปี 2549 ก็ปฏิวัติ พอมาปี 2551 ก็จะปฏิวัติ แล้วอย่างนี้ใครจะมาเชื่อถือเรา ดังนั้นเรารู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ เราจะทำในสิ่งที่เกิดผลดีกับประเทศชาติ และประชาชนมากที่สุด เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เขาไม่อยากให้ทำ

“วันนี้เราต้องมาร่วมมือกัน เพราะตบมือข้างเดียวไม่ดัง ทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้าหากัน ผมมองโลกในแง่ดี เหมือนกับพี่น้องในครอบครัวเดียวกัน ถ้าทะเลาะหรือความคิดเห็นไม่ตรงกัน สามารถทำได้แต่จะให้ครอบครัวมีความสุขต้องมาพูดคุยกันถือเป็นหลักการง่าย ๆ การแก้ปัญหาของบ้านเมืองต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย ทหารมีหน้าที่ตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญกำหนด เราไปยุ่งวุ่นวายมากไม่ดี เหมือนที่ ผบ.ทบ. พูดว่าถ้าควบคุมไม่ ได้จริง เราคงจะต้องช่วยกัน ทหารก็จะช่วยได้ใน ขอบเขตที่ทำได้ พยายามห้ามปรามไม่ให้เกิดการทะเลาะจนถึงขั้นเสียเลือดเนื้อ เพราะเรามีบทเรียนมาแล้วเป็นเรื่องไม่ดีที่คนในชาติต้องมาสูญเสียบาดเจ็บกัน” ผบ.ทร.กล่าว.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์