พธม.แจกซีดีเซ็นทรัลเวิลด์


ผู้ร่วมชุมนุมช็อกสิ้นใจคาทำเนียบ
         
วันนี้พันธมิตรฯดาวกระจายอีกครั้ง แจกซีดี-หนังสือประจานเหตุ 7 ตุลา 2 แสนชุดที่เซ็นทรัลเวิลด์ แฉผลตรวจชิ้นส่วนระเบิดเป็นชนิดเอ็ม 79 ไม่ใช่แค่แก๊สน้ำตา ย้ำ เคลื่อนไหวไม่บุกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ-ไม่กดดันศาลฎีกาฯ วันตัดสินคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ ขณะที่นายกฯ สมชาย วอนทุกฝ่ายอยู่อย่างสงบ โฆษกทัพบก ระบุ อนุพงษ์ ห่วงคดีหมิ่นเบื้องสูง มีคนผิดต้องเร่งจัดการ ยัน ไม่มีปฏิวัติ-รัฐประหาร ขณะที่รัฐจี้สื่อในเครือรายงานข่าวเป็นกลางสร้างสรรค์ไม่เว่อร์ เอแบคโพลวัดความนิยม พปช.-ปชป.-พธม. สวนดุสิตโพล เผย 10 พฤติกรรมคนไทยหลังเหตุ 7 ตุลา สมศักดิ์ ระบุ ระดมแนวคิดทำการเมืองใหม่อีกรอบ เผย ลุงวัย 59 ปีมาร่วมชุมนุมแล้วตายกะทันหัน ผลสอบกัปตันจักรี ยังไม่สรุป ปชป.โวย คกก.เยียวยาเอา 3 เหตุการณ์มารวมกันไม่เหมาะสม


นัดดาวกระจายเซ็นทรัลเวิลด์


ความเคลื่อนไหวการชุมนุมขับไล่รัฐบาลที่มีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้นเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ต.ค. ที่ห้องผู้สื่อข่าว ทำเนียบรัฐบาล นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ ได้แถลงข่าวถึงกรณีการเดินทางไปแจกหนังสือตำรวจฆ่าประชาชน 2 แสนเล่มและซีดีเหตุการณ์ 7 ต.ค. 51 ที่หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ พลาซ่า ในวันที่ 20 ต.ค.นี้ว่า จะนัดรวมพลกันเวลา 10.00 น. ที่หน้าห้างและจะเดินไปในย่านนั้นให้ประชาชน ได้รู้ความจริง
 
ทั้งนี้จะได้พิสูจน์ว่าเครื่องยิงแก๊สน้ำตาของจีนเป็นเรื่องเหลวไหล เพราะการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยืนยันชัดเจนว่าส่วนประกอบที่เป็นชิ้น  เล็ก ๆ ที่พบในบาดแผลของผู้บาดเจ็บเป็นชิ้นส่วนของระเบิดเอ็ม 79 แน่นอน การที่พิสูจน์โดยนำแก๊สน้ำตาไปยิงเป็นเรื่องที่บิดเบือน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรัฐบาลต้องรับผิดชอบ ซึ่งในการเคลื่อนขบวนจะไม่มีการไปที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย


ระดมสมองคิดการเมืองใหม่

 
ส่วนเรื่องที่มีพันธมิตรฯ บางส่วนจะไปให้กำลังใจกัปตันการบินไทยที่ถูกปลดไปเป็นผู้ช่วยกัปตัน กรณีที่ไม่ให้ ส.ส.พลังประชาชนขึ้นเครื่องนั้น ในวันที่ 20 ต.ค.นี้ยังไม่มีการเคลื่อนขบวนไปอย่างแน่นอน ส่วนในวันที่ 21 ต.ค.นี้ ที่ศาลฎีกาแผนกอาญาทางการเมืองที่จะอ่านคำพิพากษาคดีที่ดินรัชดาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พันธมิตรฯ จะไม่มีการเคลื่อนขบวนไปกดดันศาลอย่างแน่นอน ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า กลุ่ม นปช. จะไปกดดันศาลก็เท่ากับว่าไม่มีความเคารพ
 
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงเรื่องการเมืองใหม่ที่มีการระดมความคิดเห็นเมื่อวันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมาว่า ที่ประชุมมีการพูดเรื่องการศึกษา โดยเน้นให้มีการเรียนฟรีและจะเน้นให้มีการปฏิบัติ 70% วิชาการ 30% เพื่อจบมาจะได้มีงานทำและลดต้นทุนการศึกษา อีกประเด็นคือเรื่องรัฐวิสาหกิจ เห็นว่ารัฐวิสาหกิจน่าจะเป็นกลไกในการกระจายรายได้ช่วยแก้ปัญหาความยากจน ขจัดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยจะจัดตั้งเป็นกระทรวงรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะนำรายได้รัฐวิสาหกิจที่มีกำไรไปเจือจุนให้กับรัฐวิสาหกิจที่บริการให้กับประชาชน ส่วนในภาคเกษตรจะให้มีการรวมกลุ่มเป็นสหภาพหรือสหพันธ์ แนวความคิดดังกล่าวจะนำเสนอหลังจากรัฐบาลออกไปแล้ว
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีหลักฐานตำรวจทำร้าย ประชาชนเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ นายพิภพ กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการประกาศบนเวทีให้คนที่มีภาพถ่าย วิดีโอ หรือภาพจากโทรศัพท์มือถือในเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. ขอให้ส่งสำเนามาที่พันธมิตรฯ จะไปจัดทำซีดีชุดใหม่แจกจ่ายให้กับประชาชนและจะนำไปสู้คดีต่อไป


คนร่วมชุมนุมตายกะทันหัน


ต่อมาเวลา 15.30 น. นายวีระ สมความคิด ได้ขึ้นเวทีประกาศให้กับผู้ชุมนุมทราบว่านายสมเลิศ เกษมสุขประการ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 151 ซอยจันทน์ 32 เขตสาทร กรุงเทพฯ 1 ในผู้ร่วมชุมนุม ได้เสียชีวิต โดยขณะที่นายสมเลิศ กำลังรอตรวจร่างกายที่เต็นท์พยาบาลของ พันธมิตรฯ กองทัพธรรม มีอาการแน่นหน้าอกและล้มลง แพทย์และพยาบาลได้ช่วยกันนำส่งรพ.วชิระ โดยแพทย์ได้ช่วยกันปั๊มหัวใจ แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้จึงขอให้ทุกคนยืนไว้อาลัยเป็นเวลา 1 นาที


นายกฯวอนทุกฝ่ายอยู่อย่างสงบ

 
นายสมชาย นายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม กล่าวถึงการจะไปชุมนุมของพันธมิตรฯที่หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ และกลุ่ม นปช. จะไปหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า ตนไม่อยากให้มี ปัญหามาก ขณะนี้ทุกฝ่ายติดตามแต่เรื่องการเมือง ทำให้การทำงานเร่งไม่ได้เต็มที่ ความจริงตนมีโปรแกรมการทำงานหลายเรื่อง และอยากขอร้องให้ทุกฝ่ายเห็นแก่ความสงบของบ้านเมือง อย่าได้ทำอะไรที่ทำให้เกิดความไม่สงบ การชุมนุม ของใครต่อใคร ตนก็พูดหลายครั้งแล้วว่า ถ้าเป็นไปตามกฎหมายก็ทำได้ และขอให้ระวังให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย วันนี้อยากให้ทุกฝ่ายช่วยบ้านเมือง ไม่อยากให้ทำอะไรที่บ้านเมืองและประชาชนถูกกระทบกระเทือน


แจ้งสื่อรายงานข่าวเป็นกลาง

 
นายสุพล ฟองงาม รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ และ อสมท เปิดเผยว่า จากบรรยากาศบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง และความแตกแยกทางความคิดในขณะนี้ตนได้มอบนโยบาย ให้กับอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และ ผอ.อสมท พยายามเสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมา สร้างความเป็นธรรม ไม่แบ่งฝ่ายแบ่งพวกเพื่อช่วยกันสร้างบรรยากาศความสมานฉันท์ ที่สำคัญการเสนอข่าวสารข้อมูลทุกด้านต้องเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ไม่ควรเสนอข่าวความรุนแรงที่เกิดขึ้นในแต่ละเหตุ การณ์มากเกินไป และหากมีผู้ใหญ่ของบ้านเมืองไม่ว่าฝ่ายใดก็ตามเสนอทางออกที่เป็นกลาง เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งก็ต้องพยายามนำเสนอให้มากที่สุด


ผบ.ทบ.ห่วงคดีหมิ่นเบื้องสูง

 
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการแสดงท่าทีของนายกรัฐมนตรีที่จะทำงานต่อไปว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พูดชัดเจนแล้ว คงไม่ต้องขยายความอะไร และการที่นายกฯชี้แจงกับประชาชนโดยรวมถือเป็นสิทธิหน้าที่ที่จะทำได้ อย่างไรก็ตามกองทัพบกมีความเป็นห่วงในเรื่องการชุมนุมของเวทีท้องสนามหลวง โดยกองทัพบกส่งเจ้าหน้าที่ติดตามการชุมนุมและพบเรื่องที่ไม่สบายใจ มีการกระทำที่หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชา นุภาพ ซึ่งกองทัพบกประสานกับตำรวจให้ดำเนินการอย่างเฉียบขาด ทั้งนี้มีการติดตามการชุมนุมทุกเวที แต่เรื่องนี้ พล.อ.อนุพงษ์ มีความเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง


ย้ำไม่ปฏิวัติ-ทุกฝ่ายต้องคิดให้หนัก

 
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า การชุมนุมของ นปช.ในวันที่ 20 ต.ค.นี้ เป็นสิทธิที่เคลื่อนไหวได้ หากเกิดการปะทะกันทางตำรวจและกองทัพมีหน่วยงานที่เข้าไประงับเหตุอยู่แล้ว ทั้งนี้ในเรื่องสถานการณ์ทางการเมืองนั้นแต่ละฝ่ายต้องคิดให้หนักหากจะทำอะไร เมื่อถามว่ามีหลายฝ่ายระบุว่า ผบ.เหล่าทัพ ล้ำเส้นทางการเมือง พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ข้อเสนอของ ผบ.เหล่าทัพ เป็นเพียงความเห็นหนึ่งของคนไทย และเมื่อถามว่าฝ่ายการเมืองกังวลว่า การออกมาของ ผบ.เหล่าทัพจะเป็นการเตือนเพื่อนำไปสู่การรัฐ ประหาร พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า การรัฐประหารไม่ใช่แนวทางการแก้ปัญหา แต่การออกมาแสดงความเห็นของ ผบ.เหล่าทัพเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม ผบ.ทบ.ย้ำเสมอว่าไม่อยากพูดเรื่องการปฏิวัติ และที่ผ่านมาก็แสดงจุดยืนชัดเจนตลอด


สอบกัปตันจักรียังไม่ได้ข้อยุติ

 
ร.ท.อภินันทน์ สุมนะเศรณี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลสอบกัปตันจักรี จงศิริ  ที่ปฏิเสธไม่ให้ 3 ส.ส.พรรคพลังประชาชนขึ้นเครื่องบิน ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน คาดว่าจะได้ข้อสรุปผลการสอบสวนประมาณสิ้น ต.ค.นี้ ซึ่งแนวทางการลงโทษมีหลายทาง ตั้งแต่การหยุดบินชั่วคราว จนถึงการถอดออกจากกัปตันควบคุมเครื่อง เป็นผู้ช่วยนักบินแทน โดยกรณีกัปตันจักรีจะเป็นกรณีใดยังไม่สามารถสรุปได้ เพราะต้องรอผลจากคณะกรรมการสอบสวนก่อน ซึ่งขณะนี้กัปตันคนดังกล่าวยังไม่มีตารางบิน โดยอยู่ระหว่างการทดสอบบินกับซุปเปอร์ไวเซอร์อยู่


ปชป.จี้ให้ดูกล้องวงจรปิด

 
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กรุงเทพฯ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองการสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกระแสข่าว กัปตันจักรีจะถูกลดชั้นว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเพราะอยู่ระหว่างการสอบสวน ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่มี 2 กระแสข่าว คือ 1.มีส.ส.พลังประชาชน ขึ้นเครื่องไปแล้วมีผู้โดยสารที่นั่งอยู่ในเครื่องบินเป็นพันธมิตรฯหลายคน ทำให้เกิดความไม่พอใจ ซึ่งกัปตันจักรี ได้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ ส่วนอีกกระแสข่าวหนึ่งคือกัปตันจักรี เห็นชื่อผู้โดยสารว่าเป็น ส.ส.พลังประชาชน จึงได้ไปเชิญให้ออกจากเครื่อง ซึ่งข้อเท็จจริงตรงนี้บริษัทการบินไทย สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้จากกล้องวงจรปิดว่าเหตุการณ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร


ค้านคกก.เยียวยารวม 3 เหตุ

 
นายบุญยอด กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรม การเยียวยาและช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหาย กรณีเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 51 ที่มีนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ เตรียมจะนำเหตุการณ์อื่นมาร่วมพิจารณาในคราวเดียวกัน คือ เหตุการณ์ในวันที่ 29 ส.ค. 51 และเหตุการณ์วันที่ 2 ก.ย. 51 ว่า ตนไม่เห็นด้วยที่จะมีการรวบรวมเหตุการณ์ทั้ง 3 เหตุการณ์ ที่ต้องได้รับการเยียวยา เพราะมีผู้บาดเจ็บรวม 612 คน ผู้เสียชีวิต 3 คน ทั้งนี้การเยียวยาเห็นด้วยที่อาจจะมีการยกเว้นให้กับผู้เสียชีวิตในวันที่ 2 ก.ย. 51 แต่คนเจ็บควรไปเรียกร้องกับคนของพรรคพลังประชาชนที่คุม นปช. มาก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม ถ้าคณะกรรมการฯ จะต้องนำเหตุการณ์อื่น ๆ มาร่วมก็ขอเสนอให้มีการนำเหตุการณ์ปะทะกันที่ จ.อุดรธานี มาร่วมพิจารณาด้วย


วัดความนิยมพปช.-ปชป.-พธม.

 
ดร.นพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยเอแบค โพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเรื่องสำรวจฐานสนับสนุนของ กลุ่มคนคอการเมือง ต่อพรรคการเมืองและกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หลังเกิดเหตุปะทะ 7 ตุลาคม กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้ติดตามข่าวสารการเมืองใกล้ชิด (ทุกวัน/เกือบทุกวัน) ใน 18 จังหวัด ผลสำรวจพบว่า คะแนนความสง่างามและความชอบธรรมของรัฐบาลอยู่ที่ 4.37 จากคะแนนเต็ม 10 ถือว่าค่อนข้างน้อย ความพอใจต่อท่าทีของนายสมชาย เฉลี่ยอยู่ที่ 4.60 จากคะแนนเต็ม 10 ถือว่าค่อนข้างน้อย
 
กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 43.8 สนับสนุนพรรค ประชาธิปัตย์ ร้อยละ 39.5 สนับสนุนพรรคพลังประชาชน เมื่อจำแนกออกตามช่วงอายุ พบกลุ่มตัวอย่างอายุ 20-39 ปี ส่วนใหญ่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มอาชีพนักเรียนนักศึกษาร้อยละ 51.0 สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์มากที่สุด ขณะที่พรรคพลังประชาชน ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มอาชีพใช้แรงงานและเกษตรกรมากถึงร้อยละ 55.8 ส่วนอายุผู้สนับสนุนพรรคพลังประชาชนมีมากในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 34.0 สนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ ร้อยละ 34.8 ไม่สนับสนุน และร้อยละ 31.2 ขออยู่ตรงกลาง เมื่อจำแนกออกตามภูมิภาค พบว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ได้รับการสนับสนุนมากที่สุดในภาคใต้ คือ ร้อยละ 61.9 กลุ่มไม่สนับสนุนพันธมิตรฯ มีมากที่สุดในภาคเหนือ


10 พฤติกรรมคนไทยหลัง 7 ตุลา

 
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง 10 พฤติกรรมที่คนไทยเปลี่ยนไป จากผลกระทบเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 51 พบว่า 10 พฤติกรรมของคนไทยที่เปลี่ยนแปลงไปอันดับที่ 1 ร้อยละ 21.49 มีความสนใจข่าวการเมือง ความขัดแย้งระหว่างพันธมิตรฯ กับรัฐบาลมากขึ้น อันดับ 2 ร้อยละ 21.14 สนใจข่าวเศรษฐกิจ ราคาสินค้า น้ำมัน หุ้น มากขึ้น อันดับ 3 ร้อยละ 11.84 มีความหนักใจเรื่องปัญหาบ้านเมือง หาทางออกยาก อันดับ 4 ร้อยละ 11.12 เครียดจากปัญหาบ้านเมือง เศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น
 
อันดับ 5 ร้อยละ 8.62 ต้องระมัดระวังคำพูด การแสดงออกทางการเมือง เพราะไม่รู้ฝ่ายใดเป็นฝ่ายใด อันดับ 6 ร้อยละ 8.19 ต้องใช้ชีวิตประหยัดมากขึ้น อันดับ 7 ร้อยละ 6.64 ทำบุญบ่อยขึ้นและมีการอธิษฐานขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้บ้านเมืองร่มเย็น หยุดขัดแย้ง อันดับ 8 ร้อยละ 4.51 สนใจหมอดู โดยเฉพาะการทำนายชะตาบ้านเมืองเพิ่มมากขึ้น อันดับ 9 ร้อยละ 3.79 ห่วงลูกหลานจะอยู่กันอย่างลำบาก และอันดับ 10 ร้อยละ 2.66 ไม่ใช้ชีวิตอย่างประมาท มีความระมัดระวังตัวมากขึ้น ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง


หยันคกก.สอบเหตุสลายชุมนุม

 
เวลา 19.00 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช. ว่าช่วงนี้มีความผิดปกติ พบว่ามีการจัดเตรียมการชุมนุมตั้งแต่วันที่ 20-25 ต.ค. กระจายไปยังพื้นที่  ต่าง ๆ โดยมีเจตนาหวังผลให้เกิดการปะทะกับกลุ่มพันธมิตรฯ ดังนั้น ในช่วงนี้ทางพันธมิตรฯ จะต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า โดยยึดยุทธศาสตร์ไม่เผชิญหน้าและไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน ส่วนเรื่องของคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ของคณะกรรมการสิทธิฯ ได้ข้อสรุปแล้วว่าเป็นการ กระทำของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจ พันธมิตรฯ จึงไม่คาดหวังในผลการสอบสวนของคณะกรรมการ 4 ชุดที่รัฐบาลตั้งขึ้นมา
 
นายสุริยะใส กล่าวว่า สถานการณ์ในตอนนี้เป็นช่วงโค้งสุดท้าย โดยเฉพาะในวันที่ 21 ต.ค.ที่มีการตัดสินคดี พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ อาจมีสงครามกลางเมือง หรือสงครามประชาชนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา รัฐบาลอยู่ในสภาวะอำนาจรัฐล้มละลาย ไม่สามารถบริหารแผ่นดินได้ หากสมชายยังดื้ออยู่ ผลกระทบจะเกิดต่อชาติมากขึ้น ส่วนที่มองว่าอาจเกิดการรัฐประหาร ตนมองว่ากองทัพมาไกลกว่าที่จะนิ่งเฉย ตนคิดว่ากองทัพควรที่จะกล้าคิดในกรอบที่ไกลกว่าเดิม เมื่อถามว่า คิดว่านายสมชายต้องลาออกอย่างเดียวใช่หรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวว่าการยุบสภาไม่ใช่การแก้ไขปัญหา และอย่านำผลการเลือกตั้ง มาแก้ปัญหาเหมือนวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ฉะนั้น นายสมชายควรลาออกเพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน เปิดทางให้ทุกฝ่ายเข้ามาบริหารจัดการ.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์