ตร.เลิกพิธีมอบโล่วันตำรวจ หวั่นม็อบพันธมิตรบุกสตช. จำลองซัดบิ๊กจิ๋วโกหก ชี้ สล้างแผนขั้นที่ 2

ตร.เลิกพิธีมอบโล่วันตำรวจ

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร กล่าวถึงกรณีพันธมิตรจะเคลื่อนขบวนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ว่า จะไปชี้แจงโทษตำรวจที่สลายการชุมนุมว่าทำเช่นนี้ได้อย่างไร เพราะตำรวจเป็นลูกจ้างของประชาชน มีหน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ ไม่ใช่พิฆาตสันติราษฎร์ ซึ่งเป็นการไปชี้แจงโทษ เพื่อให้เขาปรับปรุงตัวใหม่ว่าทำเช่นนี้ไม่ได้
ด้าน พ.ต.อ.(หญิง) อรนุช ตู้วชิรกุล ผกก.ฝ่ายสารนิเทศ 2 กองบังคับการกองสารนิเทศ (บก.สท.) แถลงว่า ในวันที่ 13 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันตำรวจ ตร.จะจัดพิธีทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยนิมนต์พระสงฆ์ 147 รูป มาประกอบพิธี ทั้งนี้ ในปีนี้จะได้อุทิศส่วนกุศลให้พี่น้องประชาชนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์อันไม่พึงปรารถนาในวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาด้วย

" เดิมกำหนดให้มีพิธีวางพานพุ่มสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พิธีมอบโล่และเกียรติบัตรหลายรายการ แต่ขอยกเลิกให้เหลือเพียงทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ตำรวจและประชาชนที่เสียชีวิตเท่านั้น"พ.ต.อ.(หญิง) อรนุชกล่าว

"จำลอง" ซัด"บิ๊กจิ๋ว"โกหก

ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นัดชุมนุมที่ท้องสนามหลวง โดยจะจัดกิจกรรมรำลึกประชาธิปไตยระหว่างวันที่ 10-14 ตุลาคมนั้น ปรากฏว่าในช่วงเย็นวันที่ 10 ตุลาคม ไม่มีการชุมนุมของกลุ่ม นปช.แต่อย่างใด

ด้านการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 19.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร ปราศรัยว่า ได้อ่านบทสัมภาษณ์ของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ที่ระบุว่า มีการตกลงกับ พล.ต.จำลอง ว่าจะถอนข้อหากบฏให้กับแกนนำกลุ่มพันธมิตร หากกลุ่มพันธมิตรยอมย้ายออกจากทำเนียบภายในวันที่ 23 ตุลาคมนั้น ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง พล.อ.ชวลิตพูดโกหก ตนไม่เคยบอกว่าจะมีการย้ายออกจากทำเนียบรัฐบาลเพื่อแลกกับการยกเลิกข้อหากบฏ
"พล.อ.ชวลิตพูดโกหก และที่บอกว่าจะไปชุมนุมกันต่อที่บ้านพิษณุโลกนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เป็นเรื่องฝันไป เพราะไม่มีความจำเป็นอะไรที่พวกเราจะไปชุมนุมที่บ้านพิษณุโลก" พล.ต.จำลองกล่าว

"สุริยะใส" ชี้ "สล้าง"คือแผนขั้นที่2

ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตร แถลงที่เวทีมัฆวานรังสรรค์ กรณีที่ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรอง อ.ตร.ออกมาประกาศจะยึดทำเนียบรัฐบาลคืนว่า เป็นแผนขั้นที่ 2 หลังจากแผนขั้นที่ 1 ที่เหตุการณ์ในวันที่ 7 ตุลาคมไม่สำเร็จ จากการข่าวทราบว่า พล.ต.อ.สล้างอยากให้เกิดเหตุการณ์เหมือน 6 ตุลา 19 ที่มีการล้อมปราบนักศึกษา โดยจะมีการดีเดย์ในช่วงวันที่ 13-14 ตุลาคมนี้ ซึ่งจะมีการสนธิกำลังทั้งจากตำรวจในและนอกเครื่องแบบ มวลชนที่รัก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมตรี และกุ๊ยนอกรีตที่ต้องคดี ซึ่งยืนยันว่าพันธมิตรจะรักษาทำเนียบไว้เป็นพื้นที่การต่อสู้ เพื่อโค่นล้มรัฐบาลให้ถึงที่สุด โดยไม่เน้นความรุนแรง

นายสุริยะใสกล่าวว่า วันที่ 13 ตุลาคมนี้ กลุ่มพันธมิตรจะออกรณรงค์ใหญ่ในประเทศเพื่อเปิดโปงกรณี 7 ตุลาคม โดยแกนนำจะนำมวลชนเคลื่อนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงและเปิดโปงว่าใครใช้ความรุนแรงกับประชาชน โดยมีการจัดทำซีดีจำนวน 5 แสนแผ่น และหนังสือเกี่ยวกับความจริงของเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม 5 แสนเล่ม ภายใต้ชื่อ "7 ตุลาฯมหาวิปโยค" เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนด้วย

7แกนนำพันธมิตรเข้ามอบตัว

เวลา 09.45 น. แกนนำพันธมิตร 7 คน ประกอบด้วย นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสุริยะใส กตะศิลา นายอมร อมรรัตนานนท์ และนายเทอดภูมิ ใจดี ที่ศาลอุทธรณ์ให้เพิกถอนหมายจับในข้อหากบฏ ได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ในความผิดตามมาตรา 116 โดยกระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อคัดค้าน หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจ หรือใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และมาตรา 215 วรรค 3 มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือมีหน้าที่ส่งเสริม มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี โดยมีการ์ดพันธมิตรประมาณ 30 คน ติดตามมาให้ความคุ้มครอง จากนั้น พนักงานสอบสวนได้เข้าสอบปากคำที่ห้องประชุมชั้น 2 ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด

ใช้ตำแหน่ง3ส.ว.ประกันตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายสนธิ ซึ่งได้รับการประกันตัวและออกจากห้องสอบสวนเป็นคนแรก กลุ่มพันธมิตรที่ตามมาให้กำลังใจต่างปรบมือโห่ร้องด้วยความยินดี โดยนายสนธิกล่าวว่า ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี และทราบว่าที่ประชุมของตำรวจเมื่อคืนวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พยายามที่ยื่นข้อหากบฏให้แกนนำ ทั้งที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งแล้ว แต่ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. ไม่เห็นด้วย

ด้านนายสุริยะใสกล่าวว่า ตำรวจให้ประกันตัวโดยไม่มีเงื่อนไข โดยใช้ตำแหน่งของ 3 ส.ว. 3 คน ประกอบด้วย นายคำนูณ สิทธิสมาน นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา และนายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง ประกันตัว ซึ่งตำรวจตั้งหลักทรัพย์ประกันตัวคนละ 1 แสนบาท ส่วนนายสมเกียรติมีเอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครองอยู่แล้ว และพนักงานสอบสวนได้นัดให้แกนนำทั้ง 7 คน มารายงานตัวในวันที่ 24 ตุลาคมนี้

"โกวิท" ชี้ตร.อาชีพต้องคำสาป

พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าเยี่ยมอาการของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจว่า เห็นใจและสงสารเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมาก เมื่อมีม็อบ มีกลุ่มผู้ชุมนุม ตำรวจก็มีแต่ความทุกข์ความอึดอัด ซึ่งเข้าใจดี เพราะอยู่กับปัญหานี้มายาวนานตำรวจนั้นเป็นอาชีพที่น่าสงสาร ต้องคำสาป ทำความดีเหน็ดเหนื่อยเพื่อรักษาความสงบให้บ้านเมืองเสียสละทุกอย่าง แต่เมื่อเกิดการเจ็บป่วยสูญเสียในการปฏิบัติหน้าที่มักจะได้รับคำตำหนิติเตียน

"ผมขอเรียนพี่น้องประชาชนว่าได้โปรดให้ความเป็นธรรม ให้กำลังใจ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทำงานให้ส่วนรวม ขอให้ตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงให้รอบคอบ อะไรมันถูกมันผิด อะไรมันของจริงของปลอมที่หลอกลวงกันอยู่ มิฉะนั้นบ้านเมืองจะเดินต่อไปไม่ได้ ถ้าไม่เอาความดีความถูกต้องมาแก้ไข" พล.ต.อ.โกวิทกล่าว

บิ๊กบช.น.ไม่เลิกใช้แก๊สน้ำตา

ด้าน พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. ให้สัมภาษณ์ภายหลังกลุ่มพลังไทย IN USA และกลุ่มชาวไทยในสหภาพยุโรป นำดอกไม้มาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมมอบเงินสดจำนวนหนึ่งเพื่อใช้รักษาความสงบเรียบร้อย กรณีศาลปกครองสั่งไม่ให้ตำรวจกระทำรุนแรงต่อผู้ชุมนุมว่า ศาลปกครองใช้คำว่าหลักสากล ถามว่าใช้แก๊สน้ำตาได้หรือไม่ ถือว่าใช้ได้ แต่วิธีการใช้กับขั้นตอนการใช้เป็นอย่างไรต้องดำเนินการตามหลักสากล ถ้าตีความว่าการคุ้มครองตามหลักสากล ยังใช้ได้ แต่ขั้นตอนวิธีการใช้ เช่น จากเบา คือเจรจา คุยกับแกนนำ จากนั้นต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบโดยใช้เครื่องเปล่งเสียง จากนั้นใช้รถน้ำเตือนเพื่อฉีด ต่อมาอาจจะดันกันด้วยโล่ และสุดท้ายเคลียร์ด้วยแก๊ส ซึ่งหากมีเหตุการณ์ต้องสลายการชุมนุม ก็จะใช้แก๊สน้ำตาอีก แต่จะใช้ในขั้นตอนสุดท้าย

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์