หมอรามาฟันธงแก๊สน้ำตาบึ้มฆ่าน้องโบว์ตกใกล้ตัวระเบิดใส่

ผลชันสูตร "น้องโบว์" ตายเพราะระเบิดแรงดันต่ำ ยันผู้ตายไม่ได้พกระเบิดมาเอง "หมอพรทิพย์" ตรวจจุดเกิดเหตุ พบสารระเบิดหน้า บช.น.-ข้างรถเชอโรกี แต่ไม่พบที่จุดแขน-ขาขาด กก.สิทธิฯ ลั่น รู้ผลใน 1-2 วัน เหยื่อขาขาด-มือขาดรุมโต้ ตร.ใส่ร้าย

ความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีตำรวจสลายการชุมนุมหน้ารัฐสภาของรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน โดยนายสมชายระบุว่า กำลังทาบทามประธานกรรมการอยู่ และจะให้อิสระแก่กรรมการชุดนี้อย่างเต็มที่

 นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงบ่อฝ้าย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถึงความคืบหน้าในการสรรหาบุคคลที่จะมาเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างตำรวจ และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา ว่า ตนกำลังพยายามเฟ้นหาคนกลางที่ไม่ใช่คนของรัฐบาล หรือคนที่รัฐบาลจะควบคุมได้ ขณะนี้กำลังทาบทามอยู่ แต่ยังไม่อยากเปิดเผย เพราะบางคนก็ว่าง บางคนก็ไม่สะดวก จึงอยากให้พร้อมก่อนแล้วจะบอกทีเดียว ทั้งนี้ ไม่ได้กำหนดว่าคณะกรรมการจะมีทั้งหมดกี่คน เพราะจะให้คนที่มาเป็นประธานเป็นผู้พิจารณาเองว่าควรมีกรรมการกี่คน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อกลุ่มผู้สื่อข่าวพยายามจะสอบถามเพิ่มเติมในประเด็นดังกล่าว นายสมชายก็ไม่ยอมตอบคำถาม และรีบเดินหลบผู้สื่อข่าวเข้าไปในอาคารท่าอากาศยานดอนเมืองทันที

"สมศักดิ์"เสนอชื่อ"หมอพรทิพย์"เป็น ปธ.

 นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการทาบทามคนกลางที่จะเข้ามาตรวจสอบว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังทาบทามอยู่ แต่ในที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ได้เสนอในที่ประชุมว่า พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งที่ประชุมก็เห็นสอดคล้องว่าเป็นบุคคลที่สังคมให้ความเชื่อถือ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มภาควิชาการ ผู้เชี่ยวชาญวัตถุระเบิด หรือลักษณะการตาย เมื่อระดมคนเหล่านี้มาเป็นคณะกรรมการกลางโดยไม่มีฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายการเมืองก็น่าจะมีความชอบธรรม 

กก.สิทธิฯ ลั่น พิสูจน์ความจริงได้ใน 1-2 วัน

 วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายสุรสีห์ โกศลนาวิน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้จัดให้มีการประชุมร่วมกับ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ และ ศ.นพ.วิรัติ พาณิชย์พงษ์ ส.ว.สรรหาและอดีตหัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมอัยการ และผู้แทนกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เพื่อร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีสลายการชุมนุมว่า การบาดเจ็บและเสียชีวิตของผู้ชุมนุมเกิดจากสาเหตุใด

 นายสุรสีห์แถลงว่า คณะอนุกรรมการชุดนี้จะเร่งสืบค้นข้อเท็จจริง โดยคาดว่าจะใช้เวลา 1-2 วัน จะสรุปได้ว่ามีการใช้วัตถุระเบิดในที่เกิดเหตุหรือไม่ หรือเป็นการใช้แก๊สน้ำตาอย่างเดียว โดยจะแยกทีม พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ลงไปตรวจสอบเก็บพยานหลักฐานจากที่เกิดเหตุทุกจุด ทั้งกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) หน้ารัฐสภา และพื้นที่ใกล้เคียง โดยจะทำงานร่วมกับทีมนิติเวชของตำรวจ ขณะที่ทีมของ ศ.นพ.วิรัติ จะไปเก็บข้อมูลการชันสูตรศพ และผู้บาดเจ็บตามโรงพยาบาล และจะแถลงอย่างละเอียดประกอบภาพที่โรงพยาบาลรามาธิบดี

"น้องโบว์"ตายเพราะระเบิดแรงดันต่ำ

 ต่อมา เวลา 16.30 น. ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี นายสุรสีห์ โกศลนาวิน ประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง 7 ตุลาคม พล.อ.ต.วิชาญ เปี้ยวนิ่ม หัวหน้าหน่วยนิติเวช คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี นพ.อากาศ พัฒนเรืองใจ หัวหน้ากลุ่มงานพยาธิวิทยา โรงพยาบาลราชวิถี ศ.นพ.วิรัติ พาณิชย์พงษ์ อดีตหัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ศ.นพ.ธันย์ สุภัทรพันธ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี ร่วมแถลงผลพิสูจน์ข้อเท็จจริง

 พล.อ.ต.วิชาญ ระบุว่า ผลชันสูตรศพ น.ส.อังคณา สรุปว่า บาดแผลเกิดขึ้นจากของแข็งที่มีความร้อนมากระทบ เพราะมีรอยไหม้ และมีการหักของซี่โครง ปอด ตับ ม้ามแตก แสดงว่าถูกวัตถุที่มีแรงดันมากมากระทบ จึงเป็นไปได้ว่าวัตถุดังกล่าวจะเป็นระเบิด ส่วนจะเป็นระเบิดชนิดใดคงต้องรอผลพิสูจน์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพราะคราบเขม่าที่ติดบาดแผลตามร่างกายสามารถชี้ได้ว่าเกิดจากระเบิดประเภทใด เบื้องต้นสันนิษฐานว่า เกิดจากวัตถุระเบิดแรงดันต่ำ ไม่ถึงกับเป็นวัตถุสงครามอยู่ระยะใกล้ตัว ไม่ประชิดลำตัว เพราะพิจารณาบาดแผล พบว่ามีการกระจายไปทั่ว แต่ไม่รุนแรง อีกทั้งซี่โครงที่ร้าว หากเป็นระเบิดที่อำนาจทำลายสูงกระดูกจะแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กๆ ไม่หัก

 "ลักษณะแผลไม่เรียบ แสดงว่าเกิดจากความแข็ง มีรอยไหม้แสดงว่าวัตถุมีความร้อน ตับและม้ามแตกแสดงว่าวัตถุมีแรงอัด ซึ่งเข้ากับลักษณะของระเบิดมากที่สุด และเกิดการระเบิดในระยะใกล้ตัว ไม่ติดกับลำตัว เนื่องจากแผลร้าวเป็นแนวยาว หากระเบิดในระยะติดตัวร่างผู้เสียชีวิตจะต้องแตกเป็นชิ้นเล็กๆมากกว่านี้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้เสียชีวิตจะพกวัตถุระเบิดไว้ประชิดติดตัว น่าจะเป็นการที่วัตถุมากระทบโดนตัว และกระเด็นตกใกล้ตัวก่อนจะเกิดการระเบิดมากกว่า" พล.อ.ต.วิชาญ กล่าว

 ศ.นพ.ธันย์ กล่าวถึงกรณีนายชิงชัย อุดมเจริญกิจ หรือ "ตี๋" ที่มีการระบุว่ามือขวาขาด และมือข้างซ้ายถือวัตถุระเบิดไว้ว่า วัตถุที่พบเป็นเนื้อพลาสติกคล้ายกรอบพระ ลักษณะเป็นครึ่งวงกลม นูน ใส ผิวเรียบ ประกบกันเป็นก้อนกลม โดยมีสายหนังคล้องไว้ ภายในมีวัตถุสีคล้ำๆ คล้ายพระ หรือหินไม้อยู่ในกำมือ และไม่ได้เป็นวัตถุระเบิดตามที่มีการตั้งข้อสังเกต

 นพ.อากาศ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้บาดเจ็บที่มารักษาที่โรงพยาบาลราชวิถีมี 2 ราย รายแรกเป็นชายอายุ 36 ปี มีลักษณะบาดแผลกระจายเป็นจุดๆ ทั่วลำตัว เป็นลักษณะถูกวัตถุที่มีแรงระเบิด ทำให้เกิดการทำลายเนื้อเยื่อลึกเข้าไปถึงผิวชั้นใน ไขมันใต้ผิวหนัง 2-3 ซม. ส่วนอีกรายเป็นหญิง อายุ 46 ปี ได้รับบาดเจ็บที่กะโหลกศีรษะ สมองด้านกลาง ซ้าย และท้ายทอยถูกทำลายทั้งหมด ข้อมือมีแผลฉีก ลักษณะถูกวัตถุที่มีแรงระเบิดพุ่งเข้าชน ทั้งยังมีพลาสติกลักษณะทรงกระบอก เส้นผ่าศูนย์กลาง 2 ซม.ฝังในแผลข้อมือ ทั้ง 2 รายสรุปได้ว่า แผลทั้งหมดเกิดจากวัตถุที่มีลักษณะเช่นเดียวกับระเบิด และไม่มีทางเป็นไปได้ที่ผู้บาดเจ็บจะพกระเบิดมาเองแล้วเกิดระเบิดทำลายบริเวณใบหน้าและศีรษะ

 นพ.สุรศักดิ์กล่าวว่า โรงพยาบาลรามาธิบดีรักษาผู้บาดเจ็บ 77 ราย สาหัส 2 ราย รายแรกมีบาดแผลที่เท้าขวา มีการแตกของเนื้อเยื่อตั้งแต่ผิวหนังถึงกล้ามเนื้อกระดูกจนต้องตัดขาตั้งแต่ใต้เขาทิ้ง อีก 1 ราย มีบาดแผล 2 ส่วน คือ ที่หน้าอกและต้นคอ มีการแตกละเอียดของหลอดลมส่วนต้นเลยไปถึงกระเดือกต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และมือขวายังมีแผลฉีกขาด ทั้งนิ้ว และกระดูกสูญเสียอย่างมาก ต้องตัดทิ้ง ผลสรุปบาดแผล 2 ราย สรุปว่า เกิดจากแรงระเบิด

 นพ.สุรศักดิ์กล่าวถึงกรณีชายขาขาดหน้ารัฐสภา ซึ่งถูกกล่าวหาว่าพิการมาแต่กำเนิดว่า "ผู้บาดเจ็บรายที่มีบาดแผลที่เท้าขวา มีการฉีกของเนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อ และผิวหนังกระดูกแตก อยู่ในสภาพเละแหลกละเอียด แพทย์จึงต้องตัดขาในระดับใต้เข่าออกไป จากบาดแผลที่แพทย์ทำการรักษานั้น ผู้บาดเจ็บไม่ได้พิการมาก่อนอย่างแน่นอน เพราะพบว่ายังมีบางส่วนของนิ้วเท้าด้วย"

 ศ.นพ.วิรัติระบุว่า เมื่อดูบาดแผลผู้บาดเจ็บ รวมถึงผู้เสียชีวิตที่เกิดจากแรงกระทบและผิวหนังไหม้เกรียม อวัยวะภายในฉีกขาด สันนิษฐานได้ว่าคงเป็นแก๊สน้ำตาคุณภาพต่ำที่ระเบิดได้ ต่างจากของสหรัฐที่เมื่อตกพื้นแล้วจะมีเพียงควันแก๊ส ไม่ทำอันตรายต่อร่างกาย

 "จากนี้คงต้องตรวจสอบว่า ผู้นำแก๊สน้ำตาคุณภาพต่ำมาใช้ รวมถึงผู้สั่ง มีความเชี่ยวชาญ และทราบหรือไม่ว่า แก๊สน้ำตาชนิดนี้สามารถทำอันตรายผู้ชุมนุมถึงขั้นบาดเจ็บ สูญเสียอวัยวะ จนกระทั่งเสียชีวิตได้" ศ.นพ.วิรัติกล่าว

 ส่วนกรณีของ น.ส.อังคณา ศ.นพ.วิรัติระบุว่า ก็น่าจะเข้าข่ายแก๊สน้ำตาคุณภาพต่ำระเบิดแต่ยังไม่ 100% จะต้องส่งเสื้อผ้าหรือชิ้นเนื้อไปตรวจนิติวิทยาศาสตร์ว่ามีสารเคมีที่ใช้ในการผลิตแก๊สน้ำตาหรือไม่ ถ้ามีก็ยืนยันได้

พบสารระเบิดหน้า บช.น.-ข้างรถเชอโรกี

 ขณะที่อีกจุด พล.ต.ดนัยธร วงศ์ไทย ผู้บัญชาการสำนักนิติวิทยาศาสตร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ พร้อมทีมงาน ได้ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ โดยแบ่งทีมงานเป็น 3 ชุด คือ 1.หน้ารัฐสภา บริเวณเขาดิน 2.แยกพิชัย หน้าประตูปราสาทเทวฤทธิ์ และ 3.หน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)

 พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ระบุว่า แม้การลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุจะล่วงเลยวันเกิดเหตุมาแล้วหลายวัน แต่ก็ไม่มีผลต่อการตรวจพิสูจน์ เพราะการระเบิดจะหลงเหลือในที่เกิดเหตุนาน 2 ปี แม้จะมีการชำระล้างผิวถนนหรือมีฝนตก และยังมีร่องรอยเขม่าสีดำติดอยู่ตามกำแพง ทั้งนี้ ทีมงานนิติวิทยาศาสตร์จะตรวจสอบ 3 ประเด็น คือ 1.แก๊สน้ำตาจะทำให้แขนขาขาดได้หรือไม่ 2.แขนและขาขาดเพราะสาเหตุใด ซึ่งจะต้องสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ ผู้บาดเจ็บ รวมถึงหลักฐานที่เกิดเหตุ และ 3.หากบาดเจ็บจากแรงระเบิด จะต้องตรวจสอบว่าเป็นระเบิดชนิดใด

 ต่อมา พญ.คุณหญิงพรทิพย์ แถลงผลการตรวจสอบที่เกิดเหตุหน้า บช.น. ว่า จากการใช้เครื่องจีที 200 ซึ่งเป็นเครื่องตรวจหาสารเคมีประกอบระเบิดไม่พบสารเคมีที่ใช้ประกอบระเบิดจากที่เกิดเหตุ ตามร่างกาย และเสื้อผ้าของผู้บาดเจ็บ ส่วน นายชิงชัย อุดมเจริญกิจ ซึ่งได้รับบาดเจ็บมือขาด ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าบาดเจ็บจากสาเหตุใด เพราะบริเวณที่เกิดเหตุไม่พบสารประกอบระเบิด หลังจากนี้ประมาณ 1 สัปดาห์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จะสาธิตการใช้แก๊สน้ำตาทุกประเภทของ สตช. เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับสารเคมีที่พบในจุดเกิดเหตุ

 พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าวอีกว่า ในการตรวจสอบที่เกิดเหตุและผู้บาดเจ็บ จะให้ความสำคัญกับบาดแผล ถ้าเป็นแผลจากระเบิด ลักษณะบาดแผลจะเหวอะ มีสะเก็ดระเบิดติดตามตัว และมีสารระเบิด ซึ่งเป็นละอองเคมีติดอยู่ตามร่างกายและเสื้อผ้า สำหรับศพผู้ตายสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ยังไม่ได้ตรวจพิสูจน์ เพราะศพถูกนำไปทำพิธีทางศาสนาแล้ว ส่วนเสื้อผ้ากองพิสูจน์หลักฐานจะทำการตรวจพิสูจน์

 จากนั้นเวลา 17.00 น. พญ.คุณหญิงพรทิพย์ได้แถลงผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุอีกครั้งว่า จากการตรวจสอบโดยใช้เครื่องจีที 200 พบสารระเบิดบริเวณหน้า บช.น. แต่ไม่ใช่จุดที่พบศพ หรือบริเวณที่มีผู้บาดเจ็บขาขาด หรือมือขาด ส่วนบริเวณหน้ารัฐสภา ซึ่งมีผู้บาดเจ็บขาขาดไม่พบสารระเบิด ส่วนจุดที่ 3 คือ บริเวณที่มีการพบศพข้างรถจี๊ปเชอโรกี ก็พบสารระเบิดเช่นกัน

 เมื่อถามว่า ได้ตรวจสอบสารระเบิดจากผู้บาดเจ็บมือขาดหน้า บช.น.หรือไม่ พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าวว่า ไม่ได้ตรวจสอบผู้บาดเจ็บ แต่จากการตรวจสอบผู้บาดเจ็บรายอื่นที่อยู่ใกล้เคียงกับคนที่มือขาดไม่เจอสารระเบิด ส่วนบาดแผลที่มีรูยังไม่ยืนยันว่ามีระเบิดหรือไม่

เหยื่อขาขาดหน้าสภาโต้ครบ 32 ตั้งแต่เกิด

 นายมิถุนา อุ่นแก้ว อายุ 26 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บขาขวาขาดจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมหน้ารัฐสภา กล่าวตอบโต้การตั้งข้อสังเกตของฝ่ายตำรวจ ที่บอกว่าเขาขาขาดมาแต่กำเนิดว่า ตนเป็นคน จ.ระยอง และไม่ได้พิการขาขาดมาแต่กำเนิด แต่มีอวัยวะครบ 32 จนกระทั่งเมื่อเข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา ในฐานะการ์ดพันธมิตร หลังจากตำรวจยิงแก๊สน้ำตาทำให้เกิดควันฟุ้งกระจาย เท้าขวาเหมือนไปเหยียบอะไรบางอย่างทำให้เกิดเสียงบึ้ม และเท้าขวาก็ขาดกระเด็นหายไปพร้อมรองเท้าผ้าใบที่สวมใส่

เมียชิงชัย จวก ตร.ใส่ร้ายสามีกำระเบิด

 น.ส.เมตตา อุปนัย อายุ 41 ปี ภรรยานายชิงชัย หรือ "ตี๋"  ซึ่งได้รับบาดเจ็บมือขาด และถูกตำรวจกล่าวหาว่า กำระเบิดที่มือซ้าย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เป็นการใส่ร้าย เพราะ นพ.ดิลก ภาคกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นแพทย์ที่อยู่ในเหตุการณ์ และนำตัวนายชิงชัยส่งโรงพยาบาลยืนยันว่า วัตถุที่อยู่มือซ้ายที่กำไว้เป็นพวงกุญแจ ไม่ใช่ระเบิด และพร้อมที่จะเป็นพยานด้วย

"จำลอง" ไม่รับ กก.ฝ่ายรัฐบาล

 พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า เรื่องนี้เป็นความจำเป็นที่จะต้องทำ แต่ต้องไม่ใช่คนของรัฐบาล เพราะถ้าเป็นคนของรัฐบาลก็จะเข้าข้างรัฐบาล และตำรวจทำให้การสอบสวนผิดเพี้ยนไป ส่วนกรณี นพ.ประเวศ เสนอชื่อ นายคณิต มาเป็นประธานคณะกรรมการ ตนก็เห็นว่าน่าจะเหมาะสม

"คณิต"ปฏิเสธ ชี้"หมอประเวศ"เหมาะกว่า

 นายคณิต ณ นคร คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และอดีตอัยการสูงสุด กล่าวถึงข้อเสนอ นพ.ประเวศ ที่เสนอให้เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า โดยกล่าวปฏิเสธ  เพราะไม่มีเวลา และเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องแบกความรับผิดชอบสูงมาก

 "ผมไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้ จึงรู้สึกแปลกใจที่ นพ.ประเวศ เสนอชื่อ แต่ส่วนตัวคิดว่า นพ.ประเวศ น่าจะทำหน้าที่นี้ได้ เพราะเคยเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบเหตุการณ์ลักษณะนี้ในจังหวัดชายแดนใต้มาแล้วในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" นายคณิตกล่าว

ปชป.ยื่น ป.ป.ช.สอบนายกฯ-ตร.สลายม็อบ

 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า คิดว่าควรให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำเรื่องนี้ เพราะเป็นผู้ที่จะต้องสอบได้อยู่แล้วว่ามีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ พูดตรงๆ คืออำนาจหน้าที่ตามกฎหมายมีค่อนข้างกว้างขวางพอที่จะได้ข้อเท็จจริงหลายอย่าง

 "คนที่รัฐบาลจะตั้งขึ้นถึงจัดการอย่างไรก็อยู่ภายใต้นายสมชาย ซึ่งขณะนี้ต้องถูกกล่าวหาอย่างแน่นอน ถ้าคนที่ถูกตั้งขึ้นมายังต้องรายงานต่อนายสมชาย จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะสามารถเอาความจริงต่างๆ ออกมาได้ นอกจากนายสมชายจะลาออกไป" นายอภิสิทธิ์กล่าว

 ต่อมา นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้มายื่นหนังสือถึง นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. ผ่าน นายชูศักดิ์ ปริปุญโญ ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. ให้ไต่สวนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. และพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. กับพวก ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

 นพ.บุรณัชย์ระบุว่า การกระทำของนายสมชายกับพวกอยู่ในฐานะตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน ถือเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการโดยชัดแจ้ง จึงอยากให้ ป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อส่งสำนวนให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองดำเนินการ

นักวิชาการเตือน กก.กลางสังคมต้องยอมรับ

 รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมกลางว่า น่าจะเป็นทางที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าตอนนี้ แต่ขั้นตอนกระบวนการในการสรรหาคนกลางที่เป็นที่ยอมรับและมีความน่าเชื่อถือแท้จริงนั้นถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อให้สังคมหมดข้อกังขาต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนข้อเสนอให้ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ เข้ามาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการกลางนั้น โดยส่วนตัวแล้วเห็นด้วย แต่คณะกรรมการกลางต้องมีผู้ที่มีความเชี่ยวชาญหลายภาคส่วนเข้ามาร่วมกันหาข้อเท็จจริงด้วย


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์