ประมวลภาพพธม.ล้อมรัฐสภา

หลังจากช่วงค่ำของวันที่ 6 ต.ค. กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคลื่อนขบวนไปปักหลักชุมนุมหน้ารัฐสภา

หวังกดดันรัฐบาลในการแถลงนโยบาย วันที่ 7 ต.ค. โดยเหตุการณ์ช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจตัดสินใจยิงแก๊สน้ำตา เพื่อสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณด้านข้างรัฐสภา ถ.ราชวิถี เพื่อเปิดทางบริเวณหน้าประตูเข้าออกรัฐสภา ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) และส.ส.ได้ประชุมแถลงนโยบาย

เวลา 06.20 น. ที่รัฐสภา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ที่มาปักหลักชุมนุมหน้าอาคารรัฐสภา ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมแตกกระจายไปกันคนละทิศละทาง ขณะที่แกนนำพันธมิตรฯรุ่น 2 นำโดยนายศิริชัย ไม้งาม แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 ได้ปลุกระดมให้ผู้ชุมนุมปักหลักต่อไป และเรียกกลุ่มผู้ชุมนุมที่ทำเนียบเข้ามาสมทบ ขณะที่หน้าทำเนียบรัฐบาล นายสนธิ ลิ้มทองกุล เตรียมจัดขนคนขบวนละ 500 คน เข้าไปสมทบที่รัฐสภา พร้อมประกาศขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันปักหลักชุมนุมต่อ

เวลา 07.00 น. ศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ กทม. เร่งให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บ หลังตำรวจใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม เบื้องต้นนายสาวิทย์ แก้วหวาน แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ รุ่น 2 เผยว่า มีผู้ชุมนุมข้อเท้าขาดจากการถูกระเบิด ทราบชื่อภายหลังคือนายปัญญา พูลแก้ว และนายกิตตินนท์ แก่นสาร ผู้สื่อข่าว จส.100 บาดเจ็บบริเวณแผ่นหลัง

เวลา 07.40 น. กลุ่มพันธมิตรฯ ยังปักหลักชุมนุมหน้ารัฐสภา ถ.อู่ทองใน ท่ามกลางการคุ้มกันของนักรบศรีวิชัย หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาเข้าสลายการชุมนุมบริเวณ ถ.ราชวิถี

เวลา 07.45 น. ตำรวจนครบาล สนธิกำลังตำรวจภูธร จำนวน 30 กองร้อย รักษาความปลอดภัยเข้มอาคารรัฐสภาและทำเนียบรัฐบาล

เวลา 08.00 น. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เรียกประชุมด่วน ถกท่าทีใหม่ว่าจะร่วมเข้าประชุมแถลงนโยบายหรือไม่

เวลา 08.15 น. หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ส่งผลให้มีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บจำนวน 70 คน ส่วนใหญ่ถูกนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลวชิระพยาบาล 42 ราย และบางส่วนถูกส่งไปรักษายังโรงพยาบาลรามาธิบดี 22 ราย และโรงพยาบาลราชวิถี 1 ราย ขณะที่แพทย์ผู้รักษา เปิดเผยว่า สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ ได้พระราชทานเงินสดจำนวน 1 แสนบาท ให้โรงพยาบาลวชิระพยาบาลเพื่อรักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และให้ทางโรงพยาบาลแจ้งยอดค่ารักษาไปที่สำนักราชเลขาธิการ

เวลา 08.30 น. รัฐสภา ถูกตัดน้ำตัดไฟครั้งที่ 1

เวลา 08.35 น. กระทรวงการต่างประเทศ เตรียมรวบรวมข้อเท็จจริง และรอฟังคำแถลงของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งโทรเลขไปยังสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก หากมีการสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เวลา 08.50 น. ปลัด กทม.เรียกประชุมด่วน ผอ.เขตในพื้นที่ใกล้เคียงรัฐสภาและทำเนียบฯ เพื่อประเมินติดตามสถานการณ์การชุมนุมอย่างใกล้ชิด 

เวลา 09.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเคลียร์พื้นที่เปิดทางให้นายกรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร และสมาชิกวุฒิสภา เข้าอาคารรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายต่อรัฐสภา สมาชิกรัฐสภาเริ่มทยอยเข้าร่วมประชุม 'ชัย' ขยายเวลาหนึ่งชั่วโมง รอให้ครบองค์ประชุม


เวลา 09.40 น.
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าสภา พร้อมปฏิเสธให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น


เวลา 10.00 น.
พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ไม่เข้าร่วมประชุมแถลงนโยบายของรัฐบาล เหตุขาดความชอบธรรมเนื่องจากใช้กำลังสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และขอระงับร่วมเจรจา 4 ฝ่ายจนกว่าจะมีการชี้แจงที่ชัดเจน


เวลา 10.50 น.
ผบ.ทบ. เรียกประชุมด่วน 5 เสือทบ. ติดตามและประเมินสถานการณ์ความวุ่นวาย


เวลา 11.40 น.
ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ยิงแก๊สน้ำตากว่า 10 นัด เข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ทำให้ประชาชนที่มาชุมนุมเกิดความโมโหอย่างมาก จึงใช้ดอกไม้ไฟจุดยิงโต้ตอบเช่นกัน


เวลา 12.00 น.
กลุ่มพันธมิตรฯ เข้าปิดล้อมอาคารรัฐสภาอีกครั้ง โดยใช้กุญแจขนาดใหญ่ล็อคประตูทางเข้า-ออก ฝั่งถ.ราชวิถี จากนั้นใช้แผงเหล็กกั้น แล้วนำโซ่มาล่ามและล็อคกุญแจอีกหลายชั้นเพื่อไม่ให้ ส.ส.และส.ว.ที่อยู่ภายในอาคารออกมาได้ ด้านการชุมนุมที่หน้า บช.น. มีรายงานว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ได้นำสิ่งปฏิกูลมาเทราดไว้ด้านหน้า บช.น. ทำให้ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วบริเวณ


เวลา 12.40 น.
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ นำทีมประชาชนจำนวนหนึ่งเดินเท้าจากทำเนียบฯ ฝ่าด่านตำรวจ มาถึงหน้ารัฐสภาได้
 


เวลา 13.00 น. แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวถึงกรณีผู้ได้รับบาดเจ็บขาขาด จากการสลายการชุมนุมของตำรวจว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ เนื่องจากเป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจ แต่จากภาพข่าว เป็นที่แน่ชัดว่า ไม่ได้เกิดจากแก๊สน้ำตาอย่างแน่นอน จะต้องเกิดจากแรงระเบิดจากระเบิดชนิดใดชนิดหนึ่ง ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ อย่างไรก็ตาม กรณีที่พันธมิตรฯต้องการให้ตนเข้าไปตรวจสอบนั้น เห็นว่าควรรอให้สถานการณ์สุกงอมกว่านี้ โดยให้แพทย์นิติเวชของตำรวจเข้าไปตรวจสอบ และจะต้องผ่านการอนุญาตจากต้นสังกัดคือกระทรวงยุติธรรมก่อน ทั้งนี้ เชื่อว่าแพทย์จากนิติเวช มีความสามารถที่จะตรวจสอบได้ ระหว่างนี้ขอให้เก็บภาพอย่างละเอียดของบาดแผลเอาไว้ เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ


เวลา 13.40 น.
บรรยากาศการชุมนุมของพันธมิตรฯ หลังเข้ายึดพื้นที่ ถ.ราชวิถี กลับคืนจากการเข้าสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ได้อีกครั้ง โดยมีเจ้าหน้าที่ประมาณ 500 นายติดอยู่ในวงล้อม ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้ยกแผงกั้นเหล็กจำนวนมากมาปิดกั้นประตู 3 หรือซุ้มประตูเทวฤทธิ์ ฝั่ง ถ.ราชวิถี ตัด ถ.พิชัย และคล้องโซ่ล็อคประตู จากนั้นช่วยกันดันรถขังผู้ต้องหาของสถานีตำรวจนครบาลมาขวางประตูทางออก ในขณะที่ด้านในรัฐสภา ไฟได้ดับลงอีกครั้ง


ในขณะที่ หลังการประชุมแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาได้สิ้นสุดลง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ก็ยังไม่สามารถออกจากอาคารรัฐสภาได้
 


เวลา 14.00 น. พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ให้นายทหารคนสนิทนำจดหมายลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีไปยื่นแก่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ก่อนมีการแถลงนโยบายรัฐบาล


เวลา 14.25 น.
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นปราศรัยเวทีทำเนียบฯ ประกาศรัฐบาลต้องประกาศยุบสภาภายใน 18.00 น. หากยังดึงดัน จะเห็นปฏิบัติการจากพันธมิตรฯ ขั้นเด็ดขาด


เวลา 15.00 น.
กลุ่มพันธมิตรฯ ยึดรถกระบะเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคันที่นำมาปิด ถ.นครราชสีมา หน้ามหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต พร้อมทั้งขนยางรถยนต์สกัดแนวกั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรงทางแยกขึ้นสะพานซังฮี้ จำนวนหลายกองร้อย


เวลา 15.30 น.
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี นั่งเฮลิคอปเตอร์ตำรวจมาที่กองทัพไทย เรียกผู้บัญชาการเหล่าทัพประชุมประเมินสถานการณ์การชุมนุมพันธมิตรฯ


เวลา 15.40 น.
เกิดเหตุระเบิดบริเวณหน้าพรรคชาติไทย จุดที่ระเบิดเป็นรถจี๊ปเชโรกี เบื้องต้นพบหญิงสาวดับ 1


เวลา 16.00 น.
กลุ่มพันธมิตรฯ ยอมให้เจ้าหน้าที่ประจำรัฐสภา ออกจากรัฐสภาแล้ว แต่ต้องแสดงบัตรก่อนออก ซึ่งจะมีการ์ดพันธมิตรฯ คอยตรวจตรา แต่ยังไม่ยอมให้ ส.ส.และ ส.ว.ออก 

เวลา 16.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เจ้าหน้าที่ตำรวจนำรั้วลวดหนามมาปิดล้อมกั้นประตูรั้ว หวั่นพันธมิตรฯ บุกอีกรอบ ประชาสัมพันธ์เจ้าหน้าที่ตำรวจใน บช.น เข้า-ออกประตูด้านหลังฝั่งถนนพิษณุโลก เพียงด้านเดียว


เวลา 16.50 น.
เจ้าหน้าที่ตำรวจระดมยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ หน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จนถอยร่นไปหน้าประตูสภาฝั่งถนนราชวิถีแล้ว โดยพันธมิตรฯ กลุ่มหนึ่งหลบเข้าไปยังอาคารเอนกประสงค์ ฝั่งตรงข้ามรั้ว มรภ.สวนดุสิต ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องบุกเข้าไปกดดันให้ออกมาจากอาคารดังกล่าว
 


สำหรับรายชื่อผู้บาดเจ็บ 'รพ.ราชวิถี' 4 คน เป็นผู้บาดเจ็บที่ได้รับการรักษาและสามารถกลับบ้านได้แล้ว

1.นางโสภา มณีฉาย อายุ 57 ปี ถูกแก็สน้ำตา
2.น.ส.โสพิศ นุ่นสุวรรณ์ อายุ 44 ถูกแก็สน้ำตา
3.นายพิพัฒน์ จรุงวงศ์เสถียร อายุ 44 ปี มีแผลถลอก
4.นายเอกพจน์ จอมพล อายุ 20 ปี มีอาการลมชัก

รายชื่อผู้บาดเจ็บ 'รพ.รามาธิบดี' 18 คน เป็นผู้บาดเจ็บที่ได้รับการรักษาและสามารถกลับบ้านได้แล้ว

1.ด.ญ.สิตานันท์ ธนรัตขกุล อายุ 13 ปี
2.น.ส.ฟ้าพรายดาว ชุมมงคล อายุ 31 ปี
3.นายวงศ์ทอง เขียมวงุศ์ อายุ 37 ปี
4.นายบรรจง รสหอม อายุ 37 ปี
5.นายภูกาญจน์ ตังคะ อายุ 37 ปี
6.น.ส.แสงเพ็ญ แสงพุ่ม อายุ 39 ปี
7.นางภูริตา ศุภรินทร์ อายุ 40 ปี
8..นายดนัย ดั่งคุณธรรม อายุ 47 ปี
9..นายประสิทธิ ดุทโประภากร อายุ 42 ปี
10.นายพงษ์พิบูลย์ มั่นคง อายุ 42 ปี
11..นายอนุรักษ์ มะติกัน อายุ 45 ปี
12.นางจันทินี แซ่ซอ อายุ 51 ปี
13.นายธนพล อิ่มพงษ์ อายุ 55 ปี
14.นายสุขุม เกิดเอี่ยม อายุ 63 ปี
15.นายดุสิต แซ่อื้อ อายุ 28 ปี มีอาการแน่นหน้าอก
16.นายสิทธิชัย สุขสวัสดิ อายุ 41 ปี บาดเจ็บที่ข้อศอก

สำหรับผู้ป่วยที่ยังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล มีจำนวน 4 ราย โดย 2 รายมีอาการหนัก

17.นายสุชิน แสนนรินทร์ อายุ 43 ปี บาดเจ็บที่ข้อมือขวา ต้องตัดนิ้วทิ้งบางนิ้ว
18.นายมิถุนา อุ่นแก้ว อายุ 45 ปี บาดเจ็บข้อเท้าขวา ต้องผ่าตัดเท้าทิ้ง


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์