ตามด่าถึงในวัด นายกฯสมชาย

หลังจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนครศรีธรรมราช ออกมาขู่จะปิดสนามบิน ไม่ให้นายสมชายวงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เดินทางกลับ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านเกิดนั้น

“สมชาย” ขอทำงานปัดพูดการเมือง  

เมื่อวันที่ 27 ก.ย. เวลา 09.30 น. ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปกราบไหว้ บรรพบุรุษที่ จ.นครศรีธรรมราช ถึงข้อเสนอของ 24 อธิการบดีมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ที่เสนอให้นายกรัฐมนตรีประกาศวาระแห่งชาติในการแก้ไขวิกฤติของชาติ โดยการตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการเมืองการปกครองว่าอยากจะพูดเรื่องทำงานให้เยอะๆก่อน ไม่อยากพูดเรื่องการเมือง เพราะถ้าพูดการเมืองแล้วเดี๋ยวไม่มีเวลาทำงานเป็นความเห็นที่ทุกฝ่ายพูดจาปราศรัยหาทางออกกัน แต่ ต้องยึดมั่นในหลักประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่วนใครจะเห็นแตกต่างกัน ก็เป็นไปตามหลักประชาธิปไตย เมื่อถามว่าจะตั้งคณะกรรมการอิสระฯตามข้อเสนอหรือไม่ นายสมชายตอบว่า เดี๋ยวไปดูก่อนมันเป็นอย่างไร เมื่อถามว่า เตรียมรับมือกับม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่มาดักรออย่างไร นายสมชายตอบว่า ไม่ได้เตรียมอะไร ตนจะกลับไปบ้าน ไปเยี่ยมประชาชน 


เจอดีหญิงกลางคนตะโกนใส่ขายชาติ

ต่อมาเวลา 11.30 น. คณะของนายสมชาย ประกอบด้วย ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี โดยมีนายวินัย บัวประดิษฐ์ ผวจ.สุราษฎร์ธานี พร้อม พล.ต.ท.ธานี ทวิชศรี ผบช.ภาค8 และชาวบ้านจาก จ.นครศรีธรรมราช และกลุ่มสมาชิกสหกรณ์ ตะปานเมืองใหม่ อ.พุนพิน ไปร่วมต้อนรับกว่า 200 คนแต่เป็นที่น่าสังเกตว่าไม่มีคนในครอบครัวของนายสมชายติดตามมาด้วย ขณะที่นายสมชายกำลังเดินทักทายกับชาวบ้านที่ไปรอต้อนรับภายในอาคารท่าอากาศยาน ได้มีหญิงวัยกลางคนหน้าตาดีผมสั้นแต่งกายภูมิฐาน สวมเสื้อยืดสีดำทับด้วยเสื้อสูทสีดำ แฝงตัวในกลุ่มชาวบ้านเดินพุ่งตรงจะเข้าไปประชิดตัวนายสมชาย แต่ไม่สามารถเข้าถึงตัวได้ จึงล้วงมือตบพลาสติกที่ใช้กันในที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ออกจากเสื้อสูทออกมาตบใส่ผ่านหน้านายสมชายไปอย่างกระชั้นชิด ก่อนจะถูกตำรวจกันไว้ ซึ่งหญิงคนดังกล่าวยังได้ตะโกนใส่นายสมชายว่า “สมชายขายชาติๆ” พร้อมกับเขย่ามือตบไปด้วย แล้วรีบเดินเลี่ยงออกไปทันที เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปห้าม โดยมีชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนไล่ตามหลังว่า “คนใต้แท้ๆไม่น่าทำเช่นนี้” ท่ามกลางความตกใจของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และตำรวจรักษาความปลอดภัย ที่ไม่คาดว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น โดยนายสมชายมีสีหน้าตกใจและสลดเล็กน้อย แต่ก็ยังยิ้มทักทายชาวบ้านต่อได้

พันธมิตรนครฯปิดถนนกั้นขบวนรถ

จากนั้นขบวนรถของนายสมชาย ประมาณ 15 คัน เตรียมจะเดินทางออกจากสนามบินเพื่อไปยัง จ.นครศรีธรรมราช แต่มีกลุ่มพันธมิตรฯนครศรีธรรมราช ประมาณ 70 คน นำโดยนายสำราญ วิโรจน์ นายอารมณ์ ไกรวงศ์ นายประวีณ จุลภักดี ได้พาผู้ชุมนุมนั่งปิดช่องทางเข้าออกสนามบิน ริมถนนสายเอเชีย ไม่ให้ขบวนรถของนายสมชายออกไปได้ ทำให้รถผู้โดยสารที่จะออกจากสนามบินติดเป็นแถวยาวเหยียดกว่า 1 กม. ขณะที่ผู้โดยสารที่จะไปขึ้นเครื่องบิน ก็ไม่สามารถนำรถยนต์เข้าไปได้ ต้องลงเดินหิ้วกระเป๋าสัมภาระกันพะรุงพะรัง ทำให้ พล.ต.ท. ธานี ต้องสั่งเปลี่ยนแผนรักษาความปลอดภัย โดยให้ขบวนรถทั้งหมดเคลื่อนขบวนข้ามรันเวย์ ตัดเข้าค่ายทหารอากาศกองบิน 7 อ้อมไปออกถนนสายเอเชีย ด้านหน้ากองบิน 7 พอกลุ่มพันธมิตรฯเห็นขบวนรถนายสมชายผ่านไปได้ ประมาณ 7-8 คัน ได้พากันตะโกนโห่ไล่ และวิ่งกรูจากจุดเดิมไปนั่งและนอนปิดขวางถนนเอาไว้ ไม่ให้ขบวนรถติดตามนายสมชายที่เหลือ ประกอบด้วยรถของนายวินัยบัวประดิษฐ์ ผวจ.สุราษฎร์ธานี รถหัวหน้าส่วนราชการและรถตำรวจปิดท้ายขบวนเคลื่อนไปได้ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องลากและกันตัวผู้ชุมนุมออกจากถนนอย่างทุลักทุเล จนรถทั้งหมดผ่านไปได้ จึงเปิดเส้นทางเข้าออกสนามบินได้ตามปกติ ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯได้ย้ายไปชุมนุมต่อที่สะพานนริศ ริมเขื่อนแม่น้ำตาปี เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดชุดเฝ้ารักษาการณ์ถนนทางเข้าสนามบินไว้

เดินสายสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมืองนครฯ  

ต่อมาเวลา 12.00 น. คณะของนายสมชายเดินทางมาถึงวัดธาตุน้อย อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช โดยมีนายวิชม ทองสงค์ ผวจ.นครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สัณฐาน ชยะนนท์ รอง ผบช.ภ. 8 พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยชาวบ้าน จาก ต.ช้างกลาง อ.ช้างกลาง และจาก อ.ฉวาง ประมาณ 500 คน มาให้การต้อนรับ โดยชาวบ้านส่วนหนึ่งได้ถือแผ่นป้ายโปสเตอร์มีข้อความว่า “ยินดีต้อนรับนายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และขอให้นายกฯสมชาย ทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง” หลังจากทักทายเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่และชาวบ้านที่มารอต้อนรับแล้ว นายสมชายได้เข้าไปกราบนมัสการเจ้าอาวาสวัดธาตุน้อยในศาลาโรงธรรม โดยเจ้าอาวาสได้มอบพระรูปเหมือนพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ เกจิอาจารย์ชื่อดัง อดีตเจ้าอาวาสวัดธาตุน้อยให้เป็นที่ระลึก จากนั้น จึงขึ้นไปกราบสรีระของหลวงพ่อคล้ายวาจาสิทธิ์ ที่บรรจุไว้ในโลงแก้ว และประดิษฐานไว้ในเจดีย์วัดธาตุน้อย เสร็จแล้วจึงเดินทักทายกับชาวบ้านอีกครั้ง ก่อนจะขึ้นรถตู้เพื่อเดินทางต่อไปยังวัดสวนขัน ต.สวนขัน อ.ฉวาง ซึ่งเป็นวัดที่พ่อท่านคล้ายเคยเป็นเจ้าอาวาส และเป็นบ้านเกิดของนายกฯด้วย


ส.ส.ปชป.โชว์สปิริตรอรับนายกฯ 

ทันทีที่เดินทางถึงวัดสวนขัน ได้มีชาวบ้านจาก อ.ช้างกลาง และ อ.ฉวาง นับหมื่นคนมารอต้อนรับ ท่ามกลางการอารักขาคุ้มกันความปลอดภัยจากตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ สารวัตรทหาร อาสาสมัครกองปราบอาสา จนท.อปพร. ตชด.ชุดเก็บกู้ระเบิดและตำรวจสันติบาล กว่า 100 นาย คุ้มกันทั้งในวัดและนอกวัดอย่างเข้มงวด มีการตรวจตราวัตถุระเบิดและสิ่งของที่จะมอบให้กับนายสมชาย เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น นายสมชายได้เดินตรงเข้าไปกราบนมัสการพระครูกิตติวิมล เจ้าอาวาสวัดสวนขัน และกราบนายศรีจันทร์ พุ่มพวง อายุ 91 ปี อดีตครูใหญ่โรงเรียนวัดสวนขัน ครูที่เคยสอนหนังสือนายกฯ ตั้งแต่ชั้น ป.1-ป.4 จากนั้น ได้ร่วมรับประทานอาหารกับชาวบ้านด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง โดยไม่มีกลุ่มพันธมิตรฯตามมาก่อกวน ขณะเดียวกันนายชินวรณ์ บุณยะเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาร่วมต้อนรับนายสมชายด้วย เพราะเป็นคนพื้นที่เดียวกัน ซึ่งนายกฯได้เดินเข้าไปจับมือพร้อมกับกล่าวขอบคุณนายชินวรณ์  

เปรยอบอุ่นใจได้กลับบ้านเกิด

จากนั้น นายสมชายได้เข้ากราบไหว้พระพุทธรูปที่ประดิษฐาน ในศาลาชินวัตร-วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในวัด แล้วเข้ากราบไหว้รูปเหมือนพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ ณ ศาลาอนุสรณ์ 120 ปี และร่วมปลูกต้นขัน ติดชื่อผู้ปลูกโดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภริยา ไว้ในบริเวณวัด ทั้งนี้ นายสมชายได้กล่าวผ่านเครื่องขยายเสียงกับชาวบ้านด้วยภาษาท้องถิ่นว่า รู้สึกดีใจที่ได้มาเยี่ยมบ้านเกิดและอบอุ่นใจที่ได้รับการต้อนรับ จะตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างสุดความสามารถ ขอบคุณทุกท่านที่มาให้การต้อนรับในวันนี้ เมื่อมาที่วัดสวนขันก็นึกถึงสมัยเป็นเด็กนักเรียน ทุกทีเคยวิ่งเล่นในวัดสมัยเด็กๆมีความรู้สึกว่าเป็นกันเอง ถึงแม้จะเป็นนายกฯก็ตาม แต่ก็ไม่เคยมีความรู้สึกว่าห่างเหินกับที่นี่เลย วันนี้ดีใจมากที่ได้ไหว้พ่อท่านคล้าย ถ้ามีโอกาสก็จะมาอีก มีอะไรให้ทางรัฐบาลช่วยเหลือขอให้แจ้งทางกำนันผู้ใหญ่บ้านหรือ ส.ส.ในพื้นที่ได้เลย 

ประกาศลั่นดูปัญหาใต้ด้วยตัวเอง

ต่อมานายสมชายให้สัมภาษณ์ว่า ที่เดินทางมา จ.นครศรีธรรมราช เพราะต้องการมาเยี่ยมชาวนครศรีธรรมราชหลังได้เป็นนายกฯ ส่วนเรื่องการพัฒนาจังหวัดนั้นต้องทำเหมือนกันทุกจังหวัด ไม่เฉพาะที่นครศรีธรรมราชแห่งเดียว ตนจะดูแลการพัฒนาให้ทั่วทั้งประเทศเหมือนกันหมด เราไม่เลือกปฏิบัติว่าถ้าไม่มี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลแล้วจะไม่มีการพัฒนา ไม่ใช่ ไม่ต้องห่วงเลย เมื่อถามว่าจะลงไปดูแลปัญหาภาคใต้หรือไม่ นายสมชายตอบว่า ต้องลงไปดูแน่นอน ยังไงก็ต้องไปเพราะอีกปัญหาหนึ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญดูแลอย่างเต็มที่ ไม่ต้องห่วง ตนลงไปดูด้วยตัวเองอย่างแน่นอน


เจอพันธมิตรฯ ตามรังควานถึงในวัด

จากนั้นเวลา 14.30 น. คณะของนายสมชายได้เดินทาง ไปนมัสการพระบรมธาตุเจดีย์ ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมืองนครศรีธรรมราช โดยมีกลุ่มพลังมวลชนชาวนครศรีธรรมราชนับพันคนให้การต้อนรับจนแน่นวัด ท่ามกลางการอารักขาของตำรวจ ทหารทั้งในและนอกเครื่องแบบนับ 100 นายอย่างเข้มงวด โดยมีกลุ่มพันธมิตรฯกว่า 100 คน มายืนตะโกนด่าว่านายสมชายตลอดเวลา ทำให้ประชาชนที่มาต้อนรับนายสมชาย รู้สึกสงสารบางคนถึงกับร่ำไห้ จากนั้นนายสมชายและคณะได้เข้ากราบนมัสการพระเทพวินยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร และเข้ากราบพระบรมธาตุเจดีย์ และถวายผ้าห่มพระบรมธาตุเจดีย์ ณ วิหารทรงม้า ก่อนเดินทางไปที่สวนสาธารณะศรีธรรมโศกราช เพื่อสักการบูชาพระเจ้าศรีธรรมโศกราช โดยมีนายสมนึก เกตุชาติ นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช นำกลุ่มพลังมวลชนนับพันคนมาคอยต้อนรับอย่างเต็มที่ จากนั้นคณะของนายสมชายได้เดินทางไปยังสนามบินท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชเพื่อเตรียมขึ้นเครื่องบินกลับ กทม. โดยยกเลิกกำหนดการเข้าสักการะศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช เพราะมีพันธมิตรฯ กลุ่มหนึ่งชุมนุมก่อกวนอยู่ตลอดเวลา 

ดัน “นิรันดร์” นั่งเลขาฯ มท.1

ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองภายในพรรค พลังประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชาชนว่า แกนนำพรรค นำโดยนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรค ได้เตรียมนัดประชุม เพื่อพิจารณาบุคคลขึ้นเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี เลขานุการฯ ผู้ช่วยเลขานุการฯ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี โดยตำแหน่งที่น่าสนใจคือ เลขานุการ รมว.มหาดไทย เพราะมีบทบาทต่อการทำงานการเมือง ซึ่งขณะนี้แกนนำพรรคได้ทาบทามนายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ ที่เพิ่งไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และเป็นคนใกล้ชิดนายยงยุทธมาดำรงตำแหน่งเพื่อประสานกับ ส.ส. และทำงานมวลชนในพื้นที่เตรียม พร้อมรับการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึง ที่สำคัญเป็นการสลายขั้วอำนาจการเมืองของกลุ่มเพื่อนเนวินด้วย เพราะในรัฐบาลสมัคร ที่ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เป็น รมว.มหาดไทยนั้น นายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน ได้ส่งนายศุภชัย ใจสมุทร มาเป็นเลขานุการ รมว.มหาดไทย  

วางตัวเป็นมือประสานสิบทิศ 

นายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ขึ้นอยู่ที่แกนนำของพรรค และ รมว. มหาดไทย ซึ่งอาจมองว่า รมว.มหาดไทยไม่เคยเป็น ส.ส. มาก่อน จึงให้ผู้มีประสบการณ์เป็น ส.ส.มากไปช่วยงาน ทั้งนี้ ขอให้มีการแต่งตั้งก่อน แล้วจะทำหน้าที่ประสานงานระหว่าง รมว.มหาดไทย กับ ส.ส.ทั้งสภา รวมถึง ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้ทำหน้าที่ประสานระหว่างรัฐมนตรีพรรคพลังประชาชน กับ ส.ส.พลังประชาชนและสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว เพราะไม่ ต้องการให้รัฐมนตรีกับ ส.ส.ห่างกันมากเหมือนที่ผ่านมา จนเกิดช่องว่างไม่เข้าใจกัน ทั้งที่รัฐมนตรีมีภารกิจมาก ขณะที่ ส.ส.มีปัญหาในพื้นที่ จะต้องแก้ไขโดยผ่านรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนั้น หากมีคนเคยเป็น ส.ส.มานาน เป็นผู้ประสาน คอยดูแลปัญหาที่ ส.ส.เสนอขึ้นมา จะเป็นเรื่องดี ช่องว่างดังกล่าวจะหมดไป เนื่องจากช่วงที่นายเนวิน มีอำนาจทำให้เกิดปัญหาการแบ่งขั้ว ถ้าไม่ใช่ ส.ส.ฝ่ายตัวเองมาขอให้ดูแลปัญหาในพื้นที่ ก็ไม่ดูแล

เผย “สมชาย” ทุ่มแก้วิกฤติชาติ 

นายนิรันดร์กล่าวว่า ถ้ามีโอกาสไปทำหน้าที่ดังกล่าวต้องมีจิตสำนึกว่าคนไทยทุกคนเป็นพวกเดียวกัน ต้องดูแลประชาชนทั่วประเทศให้สอดคล้องกับคำว่า “บำบัดทุกข์บำรุงสุข” ทั้งหมดเป็นแนวนโยบายของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี แม้จะถูกมองว่าเป็นคนไม่ทันเกม แต่เมื่อไปคุยกับท่านถือเป็นมีแนวนโยบายที่ดีมาก ที่จะประสานกับทุกหน่วยงาน ประสานกับ ส.ส. ทุกกลุ่มให้ได้รับความเท่าเทียมกัน ไม่เลือกภาค ไม่เลือกพรรค ไม่เลือกบุคคล โดยนายกฯบอกว่าจะทุ่มเทชีวิตและสติ ปัญญาที่มีกับทุกคน  สิ่งเหล่านี้สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่จะแถลงต่อสภาในเรื่องความปรองดองและสมานฉันท์ เมื่อถามว่า การแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆจะเสร็จเรียบร้อยเมื่อใด นายนิรันดร์ตอบว่า คงภายในสัปดาห์ นี้ ขณะนี้แกนนำพรรคกำลังพิจารณากันอยู่ มีทั้งคนที่เคยเป็นเลขาฯอยู่แล้ว บางตำแหน่งอาจสลับกันบ้าง 


กลุ่มภาคกลางจ้องฉะนโยบายรัฐบาล

ด้านว่าที่ ร.ต.สุเมธ ฤทธาคนี ส.ส.ปทุมธานี พรรคพลังประชาชน โฆษกกลุ่มภาคกลางสรอรรถ-สุชาติ ให้ สัมภาษณ์กรณีกลุ่มภาคกลางฯเตรียมการอภิปรายนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 8-9 ต.ค.นี้ว่า ช่วงต้นสัปดาห์นี้จะหารือกัน โดยพยายามศึกษานโยบายของรัฐบาลว่า จุดไหนขัดข้องก็จะท้วงติงกันไป ถ้านโยบายดีก็ต้องส่งเสริม เพื่อให้รัฐบาลนำนโยบายไปบริหารประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อถามว่าเมื่อเห็นร่างนโยบายรัฐบาลแล้ว กลุ่มจะเรียกประชุมเพื่อวางแผนเตรียมการอภิปรายเมื่อใด ว่าที่ ร.ต.สุเมธตอบว่า ความจริงเรามีการหารือกันเป็นระยะมาตลอด เพื่อให้นโยบายขับเคลื่อนไปข้างหน้าให้ดีที่สุด ไม่ใช่มาเข้าใจผิดคิดว่าเราเพิ่งมาเริ่มหารือกัน ทั้งนี้ อย่าไปเรียกว่าการตรวจสอบนโยบายรัฐบาล แต่เป็นการเสนอแนะให้นโยบายดีขึ้น 

โยนบาป “ลุงชัย” ทำสภาล่ม

เมื่อถามถึงกรณีที่ประชุมสภาล่ม 2 ครั้งแล้วเกิดจากสาเหตุใด เพราะส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่กลุ่มต่างๆที่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี จึงไม่ยอมเข้าร่วมประชุม ว่าที่ ร.ต. สุเมธตอบว่า สภาล่มครั้งที่ผ่านมาเกิดความคลาดเคลื่อนในเรื่องเวลาการประชุม ปกติวันพฤหัสบดีจะมีการประชุมสภาในเวลา 13.30 น. แต่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ มีดำริในเย็นวันพุธให้มีการประชุมสภาฯเวลา 11.00 น. ทำให้ ส.ส.ที่มีงานอยู่ตลอดเวลา เมื่อสั่งเลื่อนเวลาการประชุมสภาฯกะทันหัน ทำให้ ส.ส.มาร่วมประชุมไม่ทัน ถือเป็นความบังเอิญต่างหากที่มีการสั่งเลื่อนเวลาการประชุม เมื่อถามว่า การประชุมสภาครั้งต่อไป องค์ประชุมจะไม่ ล่มแน่นอนใช่หรือไม่ ว่าที่ ร.ต.สุเมธตอบว่า ไม่มีปัญหา 

ปัดกลุ่ม 16 คืนชีพการเมือง

เมื่อถามว่าขณะนี้มีกระแสข่าวกลุ่ม 16 กำลังรวมตัวกันเพื่อเคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้งกลุ่มนายสรอรรถ กลิ่นประทุม กลุ่มนายเนวิน ชิดชอบ กลุ่มนายสุชาติ ตันเจริญ ว่าที่ ร.ต.สุเมธตอบว่า ถ้าจะบอกว่าเป็นการรวมตัวกันเพื่อเคลื่อนไหวทางการเมือง คงไม่ใช่ประเด็น เพราะปกติ ส.ส.กลุ่มนายสรอรรถมีการพูดคุยเรื่องการเมืองอยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องบังเอิญต่างหาก ที่เหมือนจันทรคราส มันมาเคลื่อนไหวตรงกันพอดี เมื่อถามว่ากลุ่มนายสรอรรถได้หารือกันหรือยัง เพื่อเตรียมพร้อมกรณีพรรคพลังประชาชนถูกยุบ และจะไปอยู่พรรคเพื่อไทยที่แกนนำของพรรคได้ตั้งไว้แล้ว ว่าที่ ร.ต.สุเมธตอบว่า เรื่องนี้จะให้ คำตอบได้เมื่อถึงเวลานั้น 

เมินกลุ่มอกหักซักฟอกนโยบาย

นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้อเสนอของกลุ่มอธิการบดี 24 สถาบันถือเป็นข้อเสนอที่ดี ส่วนตัวมองว่าข้อเสนอดังกล่าวก็เหมือนกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะได้ให้อำนาจคณะกรรมการอิสระชุดนี้ในการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยให้คนกลางมาเป็นประธานในการยกร่าง และสุดท้ายแล้ว เมื่อได้ข้อสรุปออกมาต้องนำไปสู่กระบวนการลงประชามติ แต่จะคลี่คลายวิกฤติทางการเมืองได้หรือไม่ ต้องขอดูรายละเอียดทั้งหมดก่อน ส่วนกรณีที่ ส.ส.กลุ่มภาคกลาง พรรคพลังประชาชน ของนายสรอรรถ กลิ่นประทุม เตรียมจะตั้งทีมอภิปรายนโยบายรัฐบาลที่จะแถลง ต่อรัฐสภานั้น ถือเป็นเรื่องดี และพร้อมสนับสนุนให้ทำ เพราะเป็นสิทธิของ ส.ส.ที่สามารถแสดงความเห็นได้อย่างเต็มที่ ถ้าทำด้วยใจบริสุทธิ์ก็ทำได้ อย่าไปมองว่า เป็นการทำเพราะต้องการล้างแค้นที่พลาดหวังจากการเป็นรัฐมนตรี

“จำลอง” ปัดไม่เกี่ยวคนนครฯ ไล่นายกฯ

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ได้ติดตามการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯในภาคใต้โดยตลอด ขณะนี้ไม่ได้มีการปิดล้อมคณะของนายสมชาย ที่เดินทางกลับบ้านที่ จ.นครศรีธรรมราช เขาบอกเพียงว่าไปต้อนรับเท่านั้น  ซึ่งความคิดริเริ่มของพันธมิตรฯในจังหวัดต่างๆเป็นความริเริ่มของเขาเอง เราไปคัดค้านไปทำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น และไม่ได้ขึ้นอยู่กับพันธมิตรฯส่วนกลาง ความคิดจะไปรวมตัวต้อนรับนายกฯเป็นการเตรียมการมาก่อน ไม่ใช่อยู่ดีๆบอกแล้วจะไปเลย แต่มีการเตรียมการและแจ้งพันธมิตรฯที่ทำเนียบฯ ให้ประกาศทางเอเอสทีวี ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรฯต่างจังหวัด เยาวชน สหภาพแรงงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรา แต่มีความคิดเห็นตรงกับเรา 

“สมศักดิ์” ชี้นายกฯ ลงไปยั่วยุคนนครฯ 

นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า เป็นคนนครศรีธรรมราชเช่นกัน ไม่เห็นว่าคนนครฯ จะตื่นเต้นกับเรื่องนี้ เพราะเรื่องการเมืองคนใต้เข้าใจระบบดีว่าอะไรเป็นอะไร การลงไปของนายกฯเป็นการยั่วยุให้คนนครฯขึ้นมาชุมนุมที่กรุงเทพฯมากกว่า อย่างนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็ไม่รู้จะไปทำไม ดังนั้นการยุติปัญหาต่างๆในทางทฤษฎี การบริหารจัดการผู้บริหารต้องเป็นคนแก้ปัญหา รัฐบาลต้องแก้ปัญหาตามกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ แต่ที่ผ่านมารัฐบาลสร้างปัญหาทั้งนั้น หากลาออกทุกอย่างก็จบ ก็ไม่ยอม ทำผิดไม่รู้กี่คดีก็ยังทุรนทุรายไป ขนาดรู้ว่าอยู่อีกไม่กี่นาทีไม่กี่ชั่วโมง ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่ออะไร จะคอยกินคอยงาบโครงการ 5 นาทีก็ยังเอา 

“เทพไท” โต้ไม่เกี่ยวกลุ่มไล่นายกฯ

ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่มีกระแสข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลังการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯนครศรีธรรมราช ให้ต่อต้าน การเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ว่าขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง น่าจะเป็นความเข้าใจผิดของตำรวจที่รายงานไป เนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา กรมพัฒนาสังคมได้นำงบประมาณมาช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 150 คน คนละ 1,000 บาท จึงได้เชิญตนในฐานะ ส.ส.พื้นที่เป็นประธาน ยืนยันว่าไม่มี ส.ส.ของพรรคคนใดเข้าไปเกี่ยวข้อง ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯนครศรีธรรมราช เป็นเรื่องของประชาชนที่บริสุทธิ์ ซึ่งอยากเรียกร้องถึงนายกฯในฐานะคนนครฯ  ว่าควรทบทวนรายการความจริงวันนี้ ที่ปลุกระดมให้คนทั้งประเทศเกลียดชังคนนครศรีธรรมราช และยังยั่วยุให้คนนครฯแตกแยกกันเอง ทำลายบ้านเกิดของตัวเอง คนพวกนี้แค่อาศัยแผ่นดินนครฯเกิดเท่านั้น 

“อภิสิทธิ์” เชียร์ตั้ง กก.กลางคลี่วิกฤติ 

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีอธิการบดี 24 สถาบัน เสนอแนวคิดตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการเมืองว่า ทุกฝ่ายควรทำให้เกิดเป้าหมายร่วมกันว่าจะมาช่วยปฏิรูปการเมือง  และ ต้องยอมรับว่า ขณะนี้เกิดความไม่พอใจสภาพการเมืองปัจจุบันเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากมีกลไกที่ทำให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ทำให้เกิดความเชื่อมโยงงานของสภาที่กำลังศึกษาเรื่องรัฐธรรมนูญ จึงน่าเป็นทางออกที่ดี ส่วนกลุ่มพันธมิตรฯจะหยุดการชุมนุมหรือไม่ คงต้องมีการหารือร่วมกับทุกฝ่ายก่อนว่ามีเป้าหมายและรูปแบบ  กรอบเวลาและเงื่อนไขคืออะไร ซึ่งจะได้เป็นเครื่องมือในการนำไปเจรจากับฝ่ายต่างๆ ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ควรเป็นเจ้าภาพหรือไม่ เพราะดูเหมือนว่ารัฐบาลเมินเฉยกับข้อเสนอ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ใครจะเป็นเจ้าภาพไม่ใช่เงื่อนไขสำคัญ แต่ต้องดูที่เจตนารมณ์ทางการเมือง หากกระบวนการปฏิรูปการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมสนับสนุน ส่วนใครจะเป็นเจ้าภาพ หรือมีรูปแบบเหมือน ส.ส.ร. ก็ค่อยมาว่ากันอีกที ดังนั้นแนวทางนี้จะเป็นการช่วยคลี่คลายสถานการณ์ การเมืองได้ แต่ที่สำคัญทุกฝ่ายต้องมีการร่วมมือและจริงใจในการทำงาน 

ตั้งเงื่อนไขห้ามรัฐบาลแก้ รธน. 

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาการปฏิรูปได้ทำมาหลายสมัย แต่เป็นการแก้ปัญหาหนึ่งไปเจออีกปัญหาหนึ่ง ทำให้โครงสร้างรัฐธรรมนูญเปลี่ยนไปมา จึงต้องใช้ การเรียนรู้จากในอดีตมาเป็นตัวนำ ซึ่งฝ่ายค้านไม่ขัดข้องกับกระบวนการปฏิรูปการเมือง เมื่อถามว่า การปฏิรูปการเมืองถูกมองว่า นักการเมืองทำเพื่อตัวเอง นายอภิสิทธิ์ตอบว่า อย่าไปมองในแง่ลบ ในการปฏิรูปการเมืองปี 40 ก็มีการกลัวเรื่องนี้มากว่านักการเมืองจะทำไม่สำเร็จ แต่ ในที่สุดก็ไม่มีปัญหา ทั้งหมดอยู่ที่เหตุผล เนื้อหาสาระของข้อเสนอ ขณะนี้อยากให้ทุกฝ่ายมาตกลงในหลักการว่า จะใช้กระบวนการปฏิรูปการเมือง นำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในระหว่างนี้ต้องตกลงกันว่า จะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตัวเอง โดยในหลักการทุกฝ่ายต้องเร่งให้ ความเห็นชอบ จากนั้นค่อยมาคุยในรายละเอียด ซึ่งเวลาไม่น่าจะเป็นปัญหา อย่าเพิ่งไปตั้งธง เพราะจะยิ่งทำให้ หยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นความขัดแย้ง อยากให้ทุกฝ่ายได้แสวงหาจุดร่วม ส่วนรายละเอียดค่อยมาว่ากันทีหลัง อยากให้ดึงคนนอกมาร่วมด้วยจะเป็นผลดียิ่งขึ้น 

ปชป.ซัดนายกฯตั้ง ครม.ยี้ยั้วเยี้ย

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมา ยอมรับว่า ทำหน้าที่ด้วยความยากลำบากท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจ การเมืองและสังคมนั้น ควรไปถามนายกฯมากกว่าว่าเป็นเพราะฝีมือใคร ทั้งที่รู้ว่ามีวิกฤติหลายด้าน แต่ ก็ยังตั้งรัฐบาลแบบไม่เกรงใจประชาชน ตั้งยี้ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด แทนที่จะแก้ปัญหาแต่กลับเพิ่มปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น นายกฯพูดเองว่ามีอำนาจเด็ดขาดแต่ก็ไม่ทำ จึงไม่ แน่ใจในคำประกาศของนายกฯ ที่ให้รัฐมนตรีทุกคนทุ่มเททำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศ และประชาชน จะเป็นจริงหรือไม่ เพราะรัฐมนตรีแต่ละคนล้วนเป็นคนกลุ่มเดียวกันกับรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช หรือรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงไม่มีความเชื่อมั่นและมองไม่เห็นว่าจะทำตามที่ประกาศได้อย่างไร 

จวก ส.ส.รัฐบาลตัวดีทำสภาฯล่ม 

นายองอาจกล่าวต่อว่า ส่วนเหตุสภาล่มหลายครั้งในช่วงหลัง ตอนนี้ก็โทษกันไปโทษกันมา ซึ่งเรื่ององค์ ประชุมเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล ที่ผ่านมา ส.ส.ที่เข้าประชุมและอภิปรายส่วนใหญ่เป็น ส.ส.ฝ่ายค้าน ส่วนที่ไม่เข้าประชุมก็ยังเป็นกลุ่มเดิมๆ ดังนั้นรัฐบาลจะมาเรียกร้องให้ฝ่ายค้านรับผิดชอบด้วยคงไม่ถูกต้อง เพราะรัฐบาลมีเสียงข้างมากอยู่แล้ว แม้ไม่มี ส.ส.ฝ่ายค้านอยู่เลย ก็สามารถเปิดประชุมได้อยู่แล้ว อย่ามาอ้างว่านายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ สั่งเลื่อนเวลาประชุมทำให้มาไม่ทัน ทีเวลาเลื่อนประชุมเพื่อโหวตนายกฯก็เห็นมากันหนาแน่น ต้องยอมรับความจริงว่าเหตุที่สภาล่มส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ส.ส.รัฐบาลไม่มีความรับผิดชอบ และมีปัญหาการแย่งตำแหน่งกันภายในรัฐบาล อยากให้นายกฯบริหารส.ส.ให้ทำงานในสภาฯมากกว่าไปเดินตามรัฐมนตรี และควรกำชับให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับญัตติและกระทู้มาร่วมประชุมสภาฯเพื่อรับฟังความเห็นในที่ประชุม 

ติงนายกฯอย่าทำลายองค์กรยุติธรรม

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในส่วนของสถาบันนิติบัญญัติปรากฏชัดว่า สภาผู้แทนราษฎรถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรองทั้งภายในพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้เกิดปัญหาสภาฯล่ม ในส่วนสถาบันตุลาการได้มีกระบวนการทำลายความน่าเชื่อถือ ทั้งจากนอกประเทศโดยอดีตนายกรัฐมนตรี และในประเทศโดยการใช้สื่อของรัฐเป็นเครื่องมือ รวมไปถึงความพยายามคว่ำกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถาบันตุลาการในสภาฯ สิ่งเหล่านี้เห็นได้ชัดว่ากระบวนการที่จะปกป้องความน่าเชื่อถือของสถาบันตุลาการ กลับได้รับความนิ่งเฉยจากรัฐบาลชุดนี้ ดังนั้นในฐานะที่นายกฯซึ่งเติบโตมาจากสายยุติธรรม หากไม่สามารถตอบข้อสงสัยและพิสูจน์ตัวเองได้ว่าจะปกป้องกระบวนการยุติธรรมและสถาบันตุลาการ คิดว่าสังคมจะไม่มีทางให้อภัยท่านที่มีส่วนทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม

ชท.หนุนข้อเสนอ 24 อธิการบดี

นายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าเป็นความปรารถนาดีของนักวิชาการที่มีความเป็นกลาง ที่เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาวิกฤติ เพราะขณะนี้สังคมไทยแยกเป็น 3 เส้า คือ 1. ฝ่ายรัฐบาล 2. ฝ่ายค้าน และ 3. กลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งต่างก็มีนักวิชาการ พรรคพวกของแต่ละฝ่าย ดังนั้น การเสนอจุดเปลี่ยนนี้ ทุก ภาคส่วนน่าจะรับฟัง  เพราะเป็นเจตนารมณ์ดี  ไม่มีผลประโยชน์ ใดๆทับซ้อน  หรือมุ่งหวังเข้าข้างฝ่ายใด  ซึ่งพรรคชาติไทย เห็นด้วยว่าเป็นทางออกที่ดี  เพราะถ้าจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ต่อไป จะเกิดปัญหาขึ้นมาอีกจากกลุ่มพันธมิตรฯ ทั้งนี้จะนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุม พรรควันที่ 30 ก.ย. เพื่อรับฟังความเห็นของที่ประชุมพรรค เมื่อได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการแล้ว จะดำเนินการต่อไป อย่างไรก็มาว่ากันอีกที 

มฌ.รับลูกหารือที่ประชุมพรรค

นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคได้หารือถึงแนวทางแก้ไขปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นในเวลานี้  ดังนั้น  ไม่ว่ากลุ่มใดเสนอ แนวทาง ความเห็นในการแก้ไขปัญหาการเมือง หรือการลดโทนของแต่ละฝ่ายที่เห็นต่างกันให้ลดลงถือเป็นเรื่องดี แต่เราต้องกลับมาสำรวจดูว่า  การเมืองของเราก้าวไปไกล แค่ไหน หรือจะเสนออะไรที่มันแหวกแนวไปจากกฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนดก็ไม่ไหว  ส่วนข้อเสนอของ 24 อธิการบดี นั้น  ทางพรรคคงนำมาหารือในที่ประชุมพรรคอีกครั้ง  เพราะเป็นข้อเสนอที่มีประโยชน์ต่อบ้านเมือง

ส.ว.เสนอตัว กก.ปฏิรูปการเมือง

นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ส.ว.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ข้อเสนอของ 24 อธิการบดีนั้นเห็นด้วยบางส่วน โดย เฉพาะจุดมุ่งหมายที่ต้องการยุติความขัดแย้ง และรักษาประชาธิปไตย แต่การนำเสนอครั้งนี้ มีจุดด้อยอยู่หลายประเด็น เช่น การนำเสนอเพียงการปฏิรูปการเมือง ซึ่งอาจทำให้จุดมุ่งหมายประสบความสำเร็จได้ยาก เพราะสาเหตุของปัญหาการเมืองเชื่อมโยงมาจากปัญหาโครงสร้างทางสังคมที่ไม่สมดุล  เศรษฐกิจไม่เป็นธรรม  ความล้มเหลว ของการศึกษา ถ้าจะปฏิรูปเพื่อออกจากวิกฤติของสังคมและการเมืองอย่างแท้จริง  ควรมุ่งปฏิรูปสังคมให้รอบด้าน อีกทั้งการแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระมาปฏิรูปการเมืองนั้น  ถ้าให้นายกฯแต่งตั้งคนเดียวเบ็ดเสร็จ  ไม่น่าจะถูกต้อง นายกฯควรเป็นเพียงผู้เสนอมาให้รัฐสภาแต่งตั้ง จะได้การยอมรับมากกว่า ทั้งนี้อยากเสนอคณะกรรมการ 7 คน มาทำหน้าที่ปฏิรูปการเมืองได้แก่ นพ.ประเวศ วะศี นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นายอุทัย พิมพ์ใจชน นายอานันท์ ปันยารชุน นายโคทม อารียา นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล นายธีรยุทธ บุญมี และให้ 7 คนนี้เสนอรัฐบาลและรัฐสภาแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระต่อไป

“เสรี” ชี้ใช้เวลาแก้ปัญหาเกิน 120 วัน 

นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า เป็นแนวคิดที่ดีเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง  อยู่ที่ว่านายกฯจะเห็นด้วยหรือไม่  หากเห็นด้วยก็ดำเนินการไปตามขั้นตอน  ส่วนรายละเอียดต่างๆต้องมาคุยกันอีกครั้ง  เชื่อว่าคงเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว เพราะคงใช้เวลาดำเนินการตามขั้นตอนเกิน 120 วันแน่นอน หากจะใช้แนวทางนี้ได้  ทุกฝ่ายต้องยอมรับและดำเนินการร่วมกันอย่างจริงจัง  ซึ่งสิ่งที่ศึกษามาก็อาจเป็นทางออกเพื่อการปฏิรูปการเมืองในอนาคตได้  อย่างไรก็ตาม  ปัญหาความขัดแย้งและความแตกแยกขณะนี้ถือเป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องรีบแก้ไข โดยเฉพาะรัฐบาลภายใต้การนำของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี จะต้องรีบหาทางออกในเรื่องนี้โดยเร็ว

นายกฯ ลั่นจะไปพบชาวบ้านทั่วประเทศ

ต่อมาเวลา 18.30 น. ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ภาย หลังเดินทางกลับว่า ที่มีข่าวว่ามีผู้ชุมนุมต่อต้านไปรอจำนวนมากนั้น ไม่ทราบว่ามีหรือไม่เพราะเห็นแต่คนที่มารอต้อนรับ ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนตัวก็เป็นคนที่นั่น กลับไปเยี่ยมพี่น้องประชาชน ไปถามสารทุกข์สุกดิบและไหว้พระที่วัดมหาธาตุด้วย ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี อบอุ่นและสบายใจ เมื่อถามว่าเตรียมลงพื้นที่จังหวัดอื่นในภาคใต้เพื่อสร้างความเข้าใจด้วยหรือไม่ นายสมชายตอบว่า จะไปทั่วทุกจังหวัด ไม่เฉพาะภาคใต้ ขอไปดูก่อนว่าภาคไหนควรไปบ้าง เมื่อถามว่าชาวใต้ฝากอะไรถึงนายกฯเป็นพิเศษหรือไม่ นายสมชายตอบว่า ไม่ได้ฝากอะไรเป็นพิเศษ พวกเขาดีใจที่คนบ้านเดียวกันได้มาทำหน้าที่ตรงนี้ จึงบอกว่าให้ช่วยกันดูแล ไม่ทอดทิ้งกัน เมื่อถามว่ามีกำหนดการจะเดินทางไปใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อใด นายกฯตอบว่า ต้องรอแถลงนโยบายให้เสร็จก่อน 

มั่นใจสภาฯไม่ล่มวันแถลงนโยบาย 

ผู้สื่อข่าวถามว่าในการแถลงนโยบาย เป็นห่วงหรือไม่ว่า ส.ส.จะไม่เข้าร่วมประชุมและอาจทำให้องค์ประชุมต้องล่มอีก นายสมชายตอบว่า คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าในพรรคพลังประชาชนจะไม่มี ส.ส.โดดร่ม นายสมชายตอบว่า ความจริงหน้าที่ของ ส.ส.คือเข้าประชุมสภา คิดว่าทุกคนจะทำหน้าที่ของตัวเอง ตนไม่ก้าวก่ายอะไร เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมอภิปราย 5 รัฐมนตรีที่ขาดคุณสมบัติ นายสมชาย ตอบว่า ไม่ทราบ ต้องแล้วแต่สมาชิกรัฐสภาจะอภิปรายอะไร เราก้าวก่ายไม่ได้ 

เลขาฯ เต้นแจงคนไล่นายกฯ จัดฉาก 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ เลขานุการส่วนตัวนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวกรณีที่มีหญิงวัยกลางคนมาตะโกนด่านายกฯ ว่า “ขายชาติ” นั้น เป็นเพียงการจัดฉาก เพื่อรอให้ผู้สื่อข่าวทำข่าวเท่านั้น ไม่ได้มีม็อบมาสร้างความวุ่นวายแต่อย่างใด ที่สนามบินสุราษฎร์ธานี จะมีทางเข้าออก 2 ทาง ทีมรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี ได้เลือกทางออกสู่กองบิน 53 สุราษฎร์ธานี ไม่ได้ออกทางถนนลูกรัง เหมือนที่สถานีโทรทัศน์บางช่องออกข่าวไป ได้โทรศัพท์ไปชี้แจงกับทางสถานีโทรทัศน์เหล่านั้นแล้ว


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์