อนุพงษ์ลั่นไม่มีปฏิวัติเป็นห่วงใช้ความรุนแรง

(29ส.ค.) นายสมัคร สุนทนเวช นายกฯ กล่าวถึงการเข้าปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ว่า ยังรับผิดชอบตามที่สั่งไว้ รายงานสุดท้ายยังดำเนินการที่สั่งไว้ แต่ปฏิบัติการเคลียร์เป็นการทำตามคำสั่งศาลและสุดท้ายตำรวจก็จะขอร้องให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ซึ่งกำลังขอร้องกันอยู่ ขณะนี้เหลือชุมนุมที่บริเวณสนามด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้าเท่านั้น

ต่อข้อถามที่ว่า มีการรตรวจพบอาวุธของพันธมิตรฯเช่นขวดใส่น้ำมัน นายกฯ กล่าวว่า เขาเก็บหมดตามคำสั่งศาล ถามว่า จะจับกุมแกนนำทั้งหมดวันนี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อย่างอื่นอย่าเพิ่งให้ตนตอบเพราะเพิ่งมานั่งในดีเอสไอ

ด้านนายสิรวัต จันทรัฐ อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวว่า แม้แกนนำพันธมิตรฯ จะยื่นคำร้องขอทุเลาคำสั่งบังคับคดีของศาลแพ่ง และศาลรับคำร้องของจำเลยไว้พิจารณา แต่ขณะนี้ศาลยังไม่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงหมายบังคับคดีที่ให้รื้อถอนเวทีการชุมนุมปราศรัยออกจากทำเนียบรัฐบาลทันที กรมบังคับคดี จึงต้องดำเนินการตามหมายศาล จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงระหว่างนี้กระบวนการบังคับคดีต้องดำเนินการต่อไป หากเจ้าหน้าที่บังคับคดีเพิกเฉยไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาล ก็จะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

นายประพันธ์ คูนมี ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวบนเวที่ปราศรัย ว่า ได้รับมอบจาก 5 แกนนำให้มาชี้แจงกรณีดังกล่าวว่าพันธมิตรตั้งข้อสังเกตว่าศาลแพ่งจะพิพากษา เฉพาะข้อพิพาทระหว่างเอกชนกับเอกชนแต่กรณีนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลฟ้องร้องกับประชาชน ฉะนั้นจึงต้องถามว่าจะเป็นการใช้อำนาจโดยเหมาะสมหรือไม่ นอกจากนี้หากพิจารณาข้อกฎหมายแล้ว ศาลแพ่งไม่มีอำนาจในการสั่งให้ประชาชนที่มาชุมนุมออกไปนอกพื้นที่ เนื่องจากประชาชนไม่ได้อยู่ในฐานะบริวารของผู้ใด

ดังนั้นการบังคับคดีลักษณะนี้จึงไม่สามารถบังคับได้ เพราะขณะนี้ทนายพันธมิตรได้ยื่นอุทรณ์ เพื่อขอบรรเทาการบังคับคำสั่งของศาล ซึ่งล่าสุดศาลแพ่งได้รับคำร้องของพันธมิตรแล้ว รวมทั้งไปยื่นไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาควบคู่ไปด้วย อย่างไรก็ตาม ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้กำลังสลายกลุ่มผู้ชุมนุมก็จะถือว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเสียเอง

ก่อนหน้านั้น เวลา 10.50 น. ที่เชิงสะพานมัฆวานฯตำรวจได้ผลักดันผู้ชุมนุม และมีการใช้กำลังสลายเบื้องต้น เพื่อเข้าสู่ทำเนียบฯที่บริเวณประตู 7 เลียบคลองผดุงกรุงเกษม โดยมีการใช้แก๊สน้ำตาระดับหนึ่ง แต่ผู้ชุมนุมได้นำร่มมาเพื่อป้องกัน แต่ก็ไม่สามารถทานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีมากกว่าได้

พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 นำกำลังเจ้าหน้าตำรวจเข้าคุมพื้นที่โดยรอบทำเนียบฯเรียบร้อยแล้ว โดยมีการรื้อเต๊นท์ทุกเต๊นท์ ผ้าใบกันฝนที่อยู่อยู่รอบริมรั้ว และแจ้งให้ประชาชนออกจากพื้นที่จะอนุญาตเพียงสื่อมวลชนที่ปฏิบัติหน้าที่ โดยได้มีการตรวจค้นอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ก็ตรึงกำลังอยู่รอบนอกทำเนียบหนาแน่น ทั้งด้านถ.พิษณุโลก ราชดำเนินนอก ตัดแยกมิสกวัน ลานพระบรมรูปทรงม้า และสะพานชมัยมรุเชษฐ นอกจากนี้ยังประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงตลอดเวลาว่าขอให้ประชาชนขนย้ายสิ่งของออกจากพื้นที่ เนื่องจากตำรวจต้องทำตามหน้า หลังศาลแพ่งมีคำสั่ง

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำ ขึ้นเวทีปราศรัยว้า ให้ระดมผู้ชุมนุนพันธมิตรให้มานั่งบริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้าให้แน่น โดยพล.ต.จำลองย้ำว่าพวกเรามารออยู่ที่ทำเนียบหลายวันแล้วจะนั่งอยู่เฉยๆทำไม เรามากู้ชาติขอให้มานั่งรวมตัวจุดนี้ เพราะตำรวจได้เริ่มทยอยเข้ามาบริเวณรอบทำเนียบทุกจุดแล้ว

นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำ กล่าวว่า ถ้าตำรวจสลายการชุมนุม ให้พี่น้องพันธมิตรพร้อมใจลุกขึ้นรวมตัวที่ตึกไทยคู่ฟ้า ตรึงกำลังให้แน่นหนาและขอให้พี่น้องในจุดต่างๆ ทั้งที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ สนามม้านางเลิ้ง รีบเดินเข้ามาในทำเนียบรัฐบาลให้เร็วที่สุด ขอให้ทุกคนช่วยกันปกป้องประชาธิปไตยและต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของชาติ บ้านเมือง พระมหากษัตริย์ อีกทั้งหน่วยรักษาความปลอดภัยทั้งด้านหน้าและด้านหลังเราพร้อมจะต่อสู้กับนักการเมือง ถึงวันนี้จะได้หรือจะเสียขอให้พี่น้องพันธมิตรฯอย่ากลัว และห้ามกลับบ้าน

ศาลแพ่งรับคำอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว

ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลแพ่งมีคำสั่งรับคำอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และคำขอทุเลาการบังคับคดีตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ที่ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยื่นต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา

โดยศาลแพ่ง มีคำสั่งให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยนายลอยเลื่อน บุนนาค รองเลขาธิการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โจทก์ ส่งคำคัดค้านอุทธรณ์ภายใน 15 วัน เพื่อเตรียมส่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา ทั้งนี้คำขอทุเลาการบังคับคดีในคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวนั้น ต้องรอจนกว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่ง

"อนุพงษ์"ลั่นไม่มีปฏิวัติเป็นห่วงใช้ความรุนแรง

ที่กระทรวงกลาโหม วันที่ 29 ส.ค. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมสภากลาโหมว่า มีความเป็นห่วงสถานการณ์การบ้านเมืองไม่อยากให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประชาชน ที่เขาไม่ได้มีอาวุธอะไร

เมื่อถามว่า เหล่าทัพได้มีการเสนอแนะอะไรต่อที่ประชุมสภากลาโหม บ้าง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่มีวาระการประชุมในเรื่องนี้ ส่วนกระแสข่าวที่ประชาชนหวั่นวิตกว่าจะเกิดการปฏิวัติ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ในเรื่องของกำลังที่มาจากการฝึก ได้แจ้งเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสื่อก็เสนอไปแล้วเช่นกัน ส่วนเหตุการณ์ คาดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถดำเนินการได้เพียงแต่ว่าอยากให้ดำเนินการโดยที่ไม่มีความรุนแรง

เมื่อถามว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการร้องขอกำลังจากกองทัพให้ไปช่วยหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ต้องอยู่ที่รัฐบาล รัฐบาลจะเป็นผู้สั่งการ เพราะตนไม่สามารถที่จะไปดำเนินการอะไรได้ ส่วนในเรื่องการปฏิวัติ ยืนยันได้ว่าไม่มี เพราะการปฏิวัติไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้

เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ประชาชนจะเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก ทางทหารจะให้ความช่วยเหลือในเรื่องนี้อย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกับการสั่งการของรัฐบาล เพราะเราไม่สามารถเอาทหารออกมาได้ ทั้งนี้ ยืนยันใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ น่าจะมีความเหมาะสม และพอเพียงที่จะรักษาสถานการณ์ให้เรียบร้อยได้

ถามว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการถอนกำลังออกจากบริเวณสถานที่การชุมนุมแล้ว พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่อย่างไรก็เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเมื่อตอนบ่ายได้เรียนผ่านไปถึง ผบ.ตร. ว่า น่าจะไม่ใช้มาตรการรุนแรง

เมื่อถามว่า ในที่ประชุมสภากลาโหมแสดงว่านายกฯ ไม่ได้ขอความคิดเห็นกับผบ.เหล่าทัพ กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีวาระ ในส่วนของผู้ที่มาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่ว่า กลุ่มดังกล่าวน่าจะลดความรุนแรงในการปฏิบัติการลง และหาทางออกเพื่อประเทศชาติร่วมกัน อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายด้วย ถ้ายึดถือตามกฎหมายและตามที่ศาลสั่ง เหตุการณ์ต่างๆ ก็จะคลี่คลายลงไปได้ โดยเฉพาะคนที่เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์และอาจจะได้รับการกระทบกระทั่งจากการปฏิบัติงาน

ทั้งนี้ ทางกองทัพประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่สหภาพการบินไทย และ รถไฟ ที่ประกาศหยุด ซึ่งประเด็นนี้ทางรัฐบาลจะแก้ไข เราคงไม่อยากให้เกิด เราไม่อยากให้มีผลแบบนั้น เพราะจะมีผลกระทบไปทุกมิติ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มปัญหาส่วนสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

เมื่อถามว่า ควรจะ นำพรก.ฉุกเฉิน หรือ พรบ.ด้านความมั่นคงมาใช้ หากตำรวจไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การจะใช้หรือไม่ใช้เป็นเรื่องของทางรัฐบาล แต่ขณะนี้ ตนเห็นว่า ยังไม่ถึงขั้นที่น่าจะต้องใช้ ถ้าไม่มีความวุ่นวายเกิดขึ้น การที่ทหารออกมา บางทีมันก็ไม่เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ ภาพลักษณ์ที่ออกไปทั่วโลก บางทีมันอาจจะไม่ดี ดังนั้น มาช่วยกัน ร่วมมือกันทั้ง 2 ฝ่ายได้แก้ไขปัญหาร่วมกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องทำตามหน้าที่ของเขา แต่ก็อย่าให้รุนแรงนัก ส่วนทางฝ่ายชุมนุมก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และลดความรุนแรงลง

"อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า เราคนไทยด้วยกัน และเป็นปัญหาภายในประเทศไทย ถ้าบอกว่าแค่นี้ แล้วมันไม่มีทางที่จะแก้ ผมคิดว่า มันคงไม่ได้ มันจะต้องแก้ให้ได้ ทั้งนี้หากมีการพูดคุยกันได้คงดี แต่ถ้าหากไม่พูดคุยกัน ก็ควรหาทางออกของตัวเองกัน" ผบ.ทบ. กล่าว

ถามว่า ถึงเวลานี้ ทุกฝ่ายควรคำนึงถึงสถาบัน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ถ้าทุกคนระลึกถึงก็คงจะเรียบร้อย

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์