แผ่นดินสุดท้ายวัฒนา อัศวเหม

"วัฒนา" ดิ้นสุดฤทธิ์เพื่อหนีอาญาแผ่นดิน ผืนดินเดียวที่เขามีอิทธิพลและหลบซ่อนอย่างปลอดภัยคือ กัมพูชา และเพื่อนรักอย่าง "พัด สุภาภา" ก็คือตัวช่วยให้หนีได้ตลอดรอดฝั่ง

ท่ามกลางกระแสข่าวลือหนาหูเมื่อมีผู้พบเห็นเฮลิคอปเตอร์ (ฮ.) บินมาลงบนดาดฟ้ากาสิโนแกรนด์ไดมอนด์ ต.ปอยเปต อ.โอวโจวโรว จ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชาว่า "วัฒนา อัศวเหม" ผู้กว้างขวางเมืองปากน้ำ อดีต รมช.มหาดไทย และประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน จำเลยในคดีทุจริตคลองด่าน ใช้หลบหนีออกจากฐานที่มั่นของตัวเอง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร "คม ชัด ลึก" จะพาไปตรวจสอบ ?

นับตั้งแต่วัฒนาหลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาในคดีทุจริตที่ดินคลองด่านครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2551 และหายตัวไปเป็นปริศนานับแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีใครพบเห็นอีก ยกเว้นคนกลุ่มหนึ่งเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

คนกลุ่มหนึ่งที่ว่านี้ล้วนเป็นคนใกล้ชิดเจ้าพ่อปากน้ำ อดีตนักการเมืองไทยผู้ชอบแสวงโชคจากการพนัน นักธุรกิจการพนันของกัมพูชา และบรรดาบิ๊กๆ ในรัฐบาลกัมพูชาที่มีสายสัมพันธ์อันดีกันมายาวนานอย่าง พล.อ.เตีย บัน รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม

 อย่างไรก็ตาม ในจำนวนผู้ใกล้ชิดสนิทสนมนี้ชื่อของ "พัด สุภาภา" นักธุรกิจไทยเชื้อสายกัมพูชามีชื่อโดดเด่นเป็นที่สุด ที่รับรู้เห็นความเคลื่อนไหวของวัฒนา อัศวเหม มาตลอดทุกระยะ !?! จากการข่าวของทางการไทยพบว่า ภายหลังหลบหนีไม่ไปฟังคำสั่งศาลครั้งแรก วัฒนาหลบอยู่ในบ่อนกาสิโนแกรนด์ไดมอนด์มาโดยตลอด โดยเก็บตัวอยู่ในห้องวีไอพีเจ้าของบ่อน กระทั่งมีสายข่าวตำรวจตามไปพบเห็นเลยมีข่าวออกมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง นำมาสู่การตรวจสอบ โดยเจ้าหน้าที่ทางการของไทยได้แฝงตัวเข้าไปตรวจสอบที่แกรนด์ไดมอนด์ แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว

วัฒนาไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอก สายสัมพันธ์กับบรรดาบิ๊กๆ ของกัมพูชาช่วยให้เขาหลบลี้หนีภัยอยู่ในประเทศแห่งนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ก่อนการเข้าตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ของไทยอย่างลับๆ วัฒนาเองก็เล็ดลอดออกมาจากกาสิโนของเขาเอง ขึ้นรถออกจากปอยเปตมุ่งหน้าเข้ากรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชาทันทีเช่นกัน การเดินทางกินเวลานานกว่า 7 ชั่วโมงจบลงด้วยการเข้าไปหลบพักอยู่ที่ รร.พนมเปญ ที่อดีตนักการเมืองขั้วนายใหญ่มีหุ้นส่วนอยู่ด้วย จึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ไทยพบแต่ความว่างเปล่า

ขณะที่ทางการไทยหาข่าวเกี่ยวกับผู้กว้างขวางเมืองปากน้ำ ทางกลับกันเขาเองก็อาศัยมือไม้ของเพื่อนสนิทใช้เจ้าหน้าที่กัมพูชาตรวจสอบความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ไทยในกัมพูชาเช่นเดียวกัน

ดังนั้น เมื่อการตรวจตราสร่างซาลง วัฒนาจึงเคลื่อนไหวอีกครั้ง แต่แทนที่จะกลับไปที่แกรนด์ไดมอนด์เลยเขากลับแวะพักอยู่กับลูกน้องบิ๊กกัมพูชาบริเวณโตนเลสาบ (Tonle Sap) เพื่อรอให้สถานการณ์เรียบร้อยพอเป็นที่วางใจเสียก่อน โตนเลสาบ (โตนเล-ทะเล, สาบ-น้ำจืด) เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่เกิดจากแม่น้ำโขงขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีแม่น้ำโขงไหลผ่านเป็นระยะทางยาว 500 กิโลเมตร ก่อนเข้าสู่เวียดนามลงสู่ทะเลจีนใต้ อยู่ห่างกรุงพนมเปญไปราวๆ 100 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ห้าจังหวัด ได้แก่ กำปงธม กำปงซะนัง โพธิสัตว์ พระตะบอง และเสียมราฐ สองริมน้ำเต็มไปด้วยชุมชนผู้อยู่อาศัยหนาแน่น

หลังจากนั้นไม่นานเมื่อสถานการณ์เป็นที่แน่ใจได้ว่าปลอดภัย วัฒนาก็เคลื่อนไหวกลับไปแกรนด์ไดมอนด์อีกคำรบหนึ่ง

เป็นการกลับไปเพื่อดูแลธุรกิจกาสิโนแหล่งรายได้หลักของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "จี-คลับ" หรือการเล่นบัคคาร่าออนไลน์กำลังไปได้ด้วยดี ธุรกิจออนไลน์นี้ทำเงินให้ไม่น้อย จึงต้องกลับไปดูแลในภาพรวม จากวันที่ 9 กรกฎาคม-18 สิงหาคม เป็นเวลาเดือนเศษก็ถึงเวลาที่ศาลจะอ่านคำพิพากษาอีกครั้ง และแน่นอนว่าเจ้าพ่อคลองด่านก็ตระหนักดีถึงคำพิพากษาที่จะออกมา ด้วยคดีลักษณะนี้มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วถึง 2 คดี ทั้งคดีทุจริตบ่อขยะเขาไม้แก้วของ "สมชาย คุณปลื้ม" หรือกำนันเป๊าะ และเพิ่งผ่านพ้นไปใหม่หมาดๆ ก็ทุจริตที่ดินรัชดาฯ ของ "คุณหญิงอ้อ พจมาน ชินวัตร"

เจ้าพ่อปากน้ำพยายามหาทางออกด้วยการหันหน้าปรึกษากับ "พัด สุภาภา" ผู้กว้างขวางบนเกาะกง สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าการจะอยู่ที่แกรนด์ไดมอนด์ไม่น่าจะปลอดภัย

แม้ว่าไทยกับกัมพูชาจะไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่หากรัฐบาลไทยประสานขอความร่วมมือไปยังรัฐบาลกัมพูชาก็อาจจะสร้างความลำบากใจให้แก่บรรดาบิ๊กในรัฐบาล ท้ายที่สุดก็ได้ข้อสรุปคือน่าจะย้ายมาอยู่ที่เกาะกงแทน ด้วยยุทธศาสตร์เหมาะสมมีทางเข้าออกเพียงทางเดียว หากเจ้าหน้าที่ของไทยจะผ่านเข้ามาก็คงจะสังเกตเห็นได้ไม่ยาก ขณะเดียวกันก็มีทางออกสู่น่านน้ำสากลได้ทันที ดังนั้น วัฒนาจึงขอให้พัดส่งเฮลิคอปเตอร์มารับที่แกรนด์ไดมอนด์ มุ่งหน้าไปเกาะกงที่ซึ่งเพื่อนสนิทต่างเชื้อชาติกรุยทางไว้ให้แล้ว

และนี่คือบทวิเคราะห์ด้านการข่าวของไทยต่อกรณีของเจ้าพ่อคลองด่าน "วัฒนา อัศวเหม" !?!