ชี้อสังหาฯครึ่งปีหลังอาการโคม่า

นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยว่า

แม้ว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สถานการณ์ของที่อยู่อาศัยสร้างใหม่จะยังขายดี โดยเห็นได้จากในการจัดงานมหกรรมเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยมียอดซื้อจำนวนมาก เนื่องจากเกรงกันว่า หลังจากนี้ไปราคาวัสดุก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น ดังนั้นผู้ที่ตั้งใจซื้ออยู่แล้วจึงรีบตัดสินใจ แต่ทั้งนี้ยอมรับว่าในช่วงครึ่งปีนี้ หลังสถานการณ์ของที่อยู่อาศัยสร้างใหม่ ที่ต้นทุนปรับเพิ่มขึ้นตามราคาค่าวัสดุก่อสร้างใหม่ จะได้รับผลกระทบทำให้ขายยากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่จะซื้อบ้านในช่วงนี้คงต้องเร่งตัดสินใจซื้อบ้าน แต่ทั้งนี้รัฐบาลยืนยันว่าจะติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่เฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่รวมถึงอุตสาหกรรมอื่น ๆ ด้วย

ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะพยายามดูแลผู้ต้องการซื้อบ้านหลังแรก
 
เพื่อไม่ให้มีภาระมากเกินไป ส่วนแนวทางการให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ออกพันธบัตร 5,000 ล้านบาท อายุ 5-7 ปี เพื่อนำเงินไปปล่อยกู้ช่วยเหลือผู้ซื้อบ้านรายย่อย ดอกเบี้ย 5% นั้น หากประชาชนสนใจจำนวนมากอาจจะพิจารณาแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติม ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังได้สนับสนุนการให้วงเงินออกพันธบัตร เพื่อให้ ธอส. นำมาปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 5,000 ล้านบาท จากที่ขอมา 10,000 ล้านบาท ส่วนจะออกมาตรการเพิ่มหรือไม่นั้น คงต้องประเมินต่อไป

“ในระยะสั้นการซื้อขายอสังหาฯยังอยู่ในเกณฑ์ดีครึ่งปีแรก ถือเป็นโอกาสทองของผู้ซื้อบ้านที่ราคายังไม่สูง แต่ระยะกลางและระยะยาว บ้านที่ออกมาจะมีราคาแพงขึ้นตามราคาวัสดุก่อสร้างที่ผูกพันกับเงินเฟ้อ และราคาน้ำมัน โดยรัฐบาลจะจับตาราคาและการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นพิเศษ และดูแลไม่ให้มีการขึ้นราคาวัสดุก่อสร้างเกินจำเป็น ทั้งนี้ซึ่งที่ผ่านมาเห็นว่ารายการสินค้าบางอย่างปรับตัวขึ้นเหมาะสม แต่บางอย่างก็แพงเกินไป ที่สำคัญต้องปล่อยให้กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง ดูแลไม่ให้มีการขึ้นราคาอย่างไม่มีที่มาที่ไป”

ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นภาวะที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้

และล่าสุดราคาขึ้นไปที่ 145-146 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ดังนั้นรัฐบาลจะติดตามอย่างใกล้ชิดซึ่งรัฐบาลยังไม่ออกมาตรการใด ๆ เพิ่มเติม แต่การติดตามข้อมูลและสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก และยืนยันจะส่งเสริมดูแลให้ประชาชนมีบ้านหลังแรกอย่างครอบคลุมและทั่วถึงมากที่สุด.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์