วาสนาเปิดใจที่เมืองจันทบุรีแย้ม เตรียมออกหนังสือจันทร์-อังคารนี้

คม-ชัด-ลึก

"วาสนา" ให้สัมภาษณ์เปิดใจต่อสื่อมวลชนนานเกือบสองชั่วโมงที่เมืองจันทบุรี ระบุคิดเล่นการเมือง หลัง 2 พรรคใหญ่ตามจีบแต่แจกไม่เป็น จึงเบนเข็มสมัคร กกต. ถูกตำหนิทั้งสังกัด ปชป.-ทรท.ภายหลัง ยืนยันตั้งใจจัดเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม แต่ จนท.ไม่เพียงพอ ไม่มีหลักฐานเอาผิดลงมติไม่ได้ แจงต้องอยู่ต่อจัดเลือกตั้งท้องถิ่นมิ.ย.-ส.ค.กว่า 300 แห่ง แย้มจันทร์-อังคารที่จะถึงให้รอดูหนังสือที่กำลังจะพิมพ์ออกมา

วันที่ 4 มิ.ย.ที่พญากัมพุชรีสอร์ท จ.จันทบุรี พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เปิดใจให้สัมภาษณต่อสื่อมวลชนว่า ที่ต้องมาสมัครเป็น กกต.นั้นก็เพราะกลัวว่าจะเหงา และการมาสมัครก็เป็นวันสุดท้ายในการเปิดรับสมัคร และตนก็ได้รับการสรรหามาด้วยคะแนนเสียง 9 จาก 12 เสียงซึ่งก็มาเป็นคนแรกจนกระทั่งเข้าสู่กระบวนการคัดสรรจากวุฒิสภาก็ได้รับเลือกเป็นอันดับหนึ่งด้วยคะแนนสูงถึง 133 เสียง


พล.ต.อ.วาสนากล่าวว่า ขณะที่มีการสรรหาก็มีเสียงครหาว่าตนเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะขณะนั้นพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล เพราะตนผ่านการเป็นเลขา ปปง.ในสมัยนั้น แต่เมื่อผ่านการสรรหาจาก ส.ว. ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนของพรรคไทยรักไทย แต่ตนก็เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ได้เข้ามาเป็น กกต. และตั้งใจว่าจะเข้ามาจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมและเที่ยงธรรม ทำให้การเลือกตั้งสะอาดที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่เมื่อเข้ามาปฏิบัติจริง ๆ ตนยอมรับว่าทำไม่ได้ เนื่องจาก กกต.มีเจ้าหน้าที่และบุคคลากรจำนวนน้อยไม่มีแขนขาที่พร้อมในการปฏิบัติหน้าที่

ดังนั้น การที่จะรวบรวมหาพยานและหลักฐานที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง จึงไม่สามารถทำได้ ทำให้ไม่สามารถเอาผิดกับผู้สมัคร ส.ส.ได้ เพราะทั้งฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้องต่างนำพยานมายันกันในคำร้อง กกต.จึงไม่สามารถที่จะลงมติได้ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนก็ไม่เคยแสวงหาคนกลางมาเป็นพยาน ขนาดกฎหมายที่ระบุให้ กกต.พิจารณาลงมติเพียงแค่ เชื่อได้ว่า ก็ยังไม่ค่อยจะหาหลักฐานมาได้การพิจารณาคดียากกว่าคีดอาญาอีก เพราะไม่มีอำนาจบังคับให้มาด้วย เพราะถ้าเป็นตำรวจออกหมายเรียกไม่มาก็สามารถออกหมายจับ แต่นี่ไม่ได้

"พูดก็พูดเถอะนักการเมืองอาจจะกลัวกกต.ชุดแรกแต่ปัจจุบันรัฐธรรมนูญใช้มา 9 ปี ก็รู้ทางหนีทีไล่กัน เหมือนคนร้ายที่รู้ว่าจะลักทรัพย์พื้นที่ไหนถึงจะปลอดภัย" พล.ต.อ.วาสนา กล่าว

ทั้งนี้หลังจากที่ออกจาก ปปง.ตอนแรกก็คิดอยากจะเล่นการเมืองเพราะสนใจและมีพรรคใหญ่ทั้ง 2 พรรค มาทาบทาม ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเมื่อครั้งการเลือกตั้งวันที่ 6 ก.พ.2544 ซึ่งที่ผ่านมาตนเคยทำหน้าที่อยู่ในสภา เคยรู้จัก ส.ส.และนักการเมืองระดับแกนนำเป็นจำนวนมาก เพราะตั้งแต่เป็นนายตำรวจที่ต้องประสานการตอบกระทู้การร่างกฎหมายของกรมตำรวจ และสมัยก่อนต้องมาชี้แจงในการประชุม กตร. ตั้งแต่ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ไล่มาก็มีโอกาสสัมผัสนายกรัฐมนตรีแทบทุกคน แต่เป็นการรู้จักในหน้าที่การทำงานไม่ใช่เป็นการรู้จักส่วนตัว

เมื่อมาคิดดูแล้วถ้าจะลงสมัคร ส.ส.หรือ ส.ว.ที่ จ.จันทบุรี ก็คงไม่ได้เพราะไม่เคยลงไปสัมผัสประชาชนในพื้นที่เลยแม้แต่น้อยและไม่เคยให้อะไรเขา ถ้าจะเป็น ส.ส.หรือ สว.ด้วยการแจกคงไม่เป็นหรอก และถ้าไม่แจกลงสมัครไปก็คงแพ้ เรื่องนี้คนที่สมัคร ส.ส.และ สว.คงรู้ดี ทั้งนี้คนต่างจังหวัดคิดว่าคนดีคือคนที่เข้าถึงประชาชนต้องไปงานศพ งานบวช แม้แต่ไปช่วยประกันตัวตี 2-3 ก็ต้องไป แต่มีสักกี่คนที่เข้ามาเป็นจะรู้ว่าต้องทำหน้าที่อะไร คนในพื้นที่ที่เป็นข้าราชการระดับสูง ทั้งนายพล ผู้ว่าราชการจังหวัดจึงไม่ได้รับการเลือกตั้ง


พล.ต.อ.วาสนา ยังกล่าวถึงกรณีที่เคยระบุบ่อย ๆ ว่า เบื่อและอยากจะลาออกว่า วันนี้ก็เบื่อเต็มแก่ แต่ที่อยู่เพราะถ้า กกต.ออก การเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะมาถึงนี้กว่า 300 แห่ง ช่วงเดือน มิ.ย.-ส.ค.ใครจะมาทำ สั่งเลื่อนออกไปก็ไม่ได้ส่วนกรณีที่ศาลบอกว่าหากลาออกทั้งหมดแล้วสามารถสรรหา กกต.ได้รวดเร็วนั้นเรื่องนี้ขออนุญาต ไม่พูดถึงศาล ไม่ขอไปยุ่ง ขอตอบอย่างนี้

"แต่อยากจะบอกว่า การสรรหากกต.ใช้เวลาในช่วงที่ตนเข้ามารับตำแหน่งนั้นกว่าจะได้ต้องใช้เวลาถึง 6 เดือน ลองไปดูกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 141 ให้ดีที่ระบุว่า กกต.จะพ้นจากตำแหน่งเพราะอะไรบ้าง ในวรรค 2 ก็บอกว่า ให้กกต.เท่าที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ได้ พรบ.กกต.มาตราก็เขียนถึงองค์ประชุม 4 ใน 5 คือเป็นสัดส่วน แล้ววันนี้มาพูดอะไรกันอยู่ไม่เข้าใจ" พล.ต.อ.วาสนา กล่าว


เมื่อถามว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.2549 ไม่ชอบธรรม ทำไมถึงยังไม่ลาออกกัน พล.ต.อ.วาสนา กล่าวว่า คำว่าไม่ชอบธรรมเป็นคำที่พูดง่ายมาก ลองไปอ่านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญให้ละเอียดมีตรงไหนที่บอกว่า กกต.ผิด มีคะแนนโนโหวตมาก แล้ว กกต.ผิดหรือ แล้วคนที่ไปประชาสัมพันธ์ไม่ให้ลงคะแนนให้ใครไม่ผิดหรือ ทำไมไม่คิดบ้าง

"บอกการจัดคูหาแบบหันหน้าหันหลังแล้วผิด ปัดโธ่ ต่างประเทศก็จัดคูหาแบบนี้ทำไมไม่ผิดกฎบัตรสหประชาชาติ อย่าลืมคูหากว้างแค่ 50 ซม. ยืนก็บังมิดแล้ว แต่ตนพูดไปก็โกรธอีก ถามว่าปกติเห็นหรือไม่ ขอโทษไปเสือกทำไม ถ้าไม่สอดก็ไม่เห็น ถ้าจะเอาจริง ๆ ทั้งหันหลังหันหน้าก็ไม่ลับ แต่เชื่อตนไม่เห็นหรอกถ้าไม่ส่องเข้าไปก็ไม่เห็น นอกจากนี้ที่บอกว่าตนช่วยพรรคโน้นพรรคนี้ ให้มีการเลือกตั้งเร็วขึ้น ก็ตนมีเวลา 30 วัน กฎหมายเขียนไว้อย่างนั้นตนมีเวลามากกว่านี้ที่ไหน" ประธาน กกต.กล่าว


เมื่อถามว่าไม่เคยเห็น กกต. ชุดไหน มีความเสี่ยงต่ออำนาจตุลาการเท่า กกต.ชุดนี้ ทั้งกรณีที่ศาลออกมาเตือนหลายครั้ง พล.ต.อ. วาสนา ย้ำว่า อย่าลืมว่าตนอายุ 65 ปี ก็ตระหนักในความรับผิดชอบและหน้าที่ ตนผ่านการสรรหามีที่ไปที่มา ถ้าเห็นว่าไม่ถูกต้องก็ยื่นถอดถอนตามกระบวนการ หรือถ้าปัจจุบันเห็นว่าผิดก็ไปฟ้อง ซึ่งการถูกฟ้องก็เสี่ยงทั้งนั้น แต่มั่นใจว่าตนไม่ผิด

"ผมได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งผมมีหน้าที่ ถ้าผมออกก็เชื่อว่าอีก 2 คน ก็จะออก แต่ยังต้องจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น 300 แห่ง หากจัดไม่ได้ภาพรวมของประเทศต้องเสีย และหากว่าจะออกก็ต้องทำทุกอย่างให้คนที่มาอยู่ใหม่สามารถสานงานต่อได้จะต้องไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศแน่นอน" ประธาน กกต.กล่าว

เมื่อถามว่า หากมีการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไปในวันที่ 15 ต.ค. นี้ อาจมีปัญหา เนื่องจากศาลระบุว่ามี กกต. แค่ 3 คน จัดการเลือกตั้งไม่ได้ พล.ต.อ.วาสนา กล่าวว่า ใครมีอำนาจก็วินิจฉัยมา กฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 141 ก็บอกไปแล้ว กฎหมายเลือกตั้ง มาตรา 8 ก็ระบุไว้ ถ้ายังบอกว่าตนผิดก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว

เมื่อถามต่อว่า กกต.ยังอยู่เพื่อรอพิสูจน์ตัวเองหรือไม่ ประธานกกต. กล่าวว่า อยู่หรือไม่อยู่ก็พิสูจน์ได้แต่ที่อยู่ก็เพราะห่วงมีเรื่องค้าง เช่น การประกาศรับรองส.ว.ที่เหลือ 91 คน ซึ่งหากมีการเลือกตั้งส.ว.ใหม่ ต้องใช้เวลาอีกเป็นเดือน ซึ่งก็ได้บอกไปแล้วว่าตอนสรรหาตนเป็น กกต. ต้องใช้เวลาถึง 6 เดือน แต่กรณีนี้เป็นเหตุการณ์พิเศษ ก็ยังเชื่อว่าต้องใช้เวลา 1 เดือนขึ้นไป แต่ก็มีปัญหาว่า ส.ว.จะเปิดสภา เพื่อสรรหา กกต.ได้หรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายทั้งนั้น

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าถ้ามี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งแล้วกกต.จะลาออกได้หรือไม่ พล.ต.อ.วาสนา นิ่งไปพักหนึ่งก่อนตอบว่า ออกได้ตลอด ห้ามไม่ได้หรอก คนจะตายจะลาออก จะห้ามได้หรือ แต่ถ้าออกหมดก็จะยุ่ง ในส่วนของตนกำลังเร่งรัดงานที่ตนรับผิดชอบให้เสร็จโดยเร็ว แล้วจะตัดสินใจ ไม่ได้คิดถึงเหตุการณ์ข้างหน้า แต่ห่วงเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่นจะทำอย่างไร

เมื่อถามว่า ทำไมไม่เดินไปหาศาลเพื่อขอคำปรึกษาเรื่องนี้ ประธาน กกต. กล่าวว่า ศาลเป็นผู้ใหญ่กว่าตน ไม่เคยเรียกหาแล้วตนจะไปได้อย่างไร หากไปขอเข้าพบแล้วไม่ให้พบจะทำอย่างไร ขอให้รอดูวันจันทร์-วันอังคารนี้แล้วกัน และคืนนี้ ( 3 มิ.ย.) กลับไปตนจะไปพิมพ์หนังสือต่อให้เสร็จ

เมื่อถามว่าพิมพ์หนังสืออะไร พล.ต.อ.วาสนา กล่าวทันทีว่า พิมพ์หนังสือคอยดูวันจันทร์ หรือวันอังคารอย่างช้า

เมื่อถามต่อว่า เคยคิดในแง่การเสียสละด้วยการลาออกหรือไม่ พล.ต.อ.วาสนา กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องเสียสละ ตนไม่ขออยู่จนตายคาเก้าอี้ กกต.หรอก อยู่มา 7 ปีเงินเดือนไม่ได้เลื่อนเลยสักขั้น เหนื่อยแทบตาย ตนได้รับการโปรดเกล้าก็สำนึกในหน้าที่ ต้องแก้ไขงานก่อนจึงจะอำลา ทั้งนี้สมมุติว่าตอนนี้จะออกจริง ๆ เพื่อนตนได้ชวนไปทำงานด้วย ให้เงินเดือนมากกว่าที่นี่ 2 เท่า มีรถพร้อมคนขับ ไม่สบายกว่าหรือ

เชื่อว่าตนออกกรรมการอีก 2 ท่านก็ต้องออกเหมือนกันแน่นอนงานที่ค้างคุณก็ทราบ มีทั้งงานบริหารและงานสืบสวน ตอนนี้งานสืบสวนกลายเป็นเรื่องใหญ่ ชุดเก่าทิ้งค้างไว้ 500 สำนวน ตนไม่ใช่ ค.ควาย รู้ว่าจะไปวันไหน แต่หากให้ตัดตอนก็ต้องไม่เสียหายและกระทบต่อประเทศ รู้ว่าทุกคนอยากให้ตนออกตนก็ลูกมีพ่อมีแม่ ตนเป็นตำรวจตอนอายุ 27 ปี ทั้งที่คนอื่นเป็นตอนอายุ 22 ปี ที่ขึ้นมาขนาดนี้ ถามว่าตนเคยหาอะไรให้นายหรือไม่ ตนเงินเดือนขึ้น 2 ขั้น 14-15 ครั้ง ทำงานดีมาตลอด ได้ใบศิษย์เก่าดีเด่นหลายใบ แต่มาย่อยยับที่กกต. คิดดูด่าตนหน้าด้าน หน้าหนาตนว่าคนอื่นด้านกว่าอีก

พล.ต.อ.วาสนา ยังกล่าวถึงช่วงที่เดินทางไปประเทศออสเตรเลีย เพื่อไปเยี่ยมลูกชายว่า ไปเยี่ยมลูก ก็กล่าวหาว่าตนไปรับเงินใคร ตนผ่านมาขนาดนี้จะไปรับเงินใครในต่างประเทศ โดยเฉพาะออสเตรเลีย ซึ่งมีกฎหมายห้ามบุคคลขนเงินเข้าประเทศเขาเกิน 1 หมื่นเหรียญ คิดเป็นเงินไทยก็ไม่เกิน 1 แสนบาท ต้องไปดีแคร์ (แจงการนำเงินสดเข้าประเทศ) ก่อน และจะให้ไปรับเงินเป็นล้าน ๆ เป็นไปได้อย่างไร หากจะตรวจสอบจริง ๆ ก็ให้ ปปง.ไปตรวจสอบได้ทั้งในและนอกประเทศ ไปดูบัญชีธนาคารว่ามีอยู่ที่ออสเตรเลียหรือไม่ หรือจะตรวจสอบบัญชีในประเทศไทยที่มีอยู่ก็ได้ แต่ก็มีการเต้าข่าวกัน หาว่าตนไปรับเงิน

" นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่หาว่าตนรวยกว้านซื้อที่ จ.จันทบุรี ที่จริงแล้วตนพาเพื่อนมาซื้อที่ที่เมืองจันทบุรี คนที่พูด พูดโง่โง่ และหากจะตรวจสอบจริงๆ เพียงแค่ให้กรมที่ดินตรวจสอบข้อมูลก็จะทราบว่าตนถือครองที่ดินในจันทบุรีกี่แปลง" พล.ต.อ.วาสนา กล่าวและว่า

การเมืองปัจจุบันมี 2 อย่าง คือ แย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์ ตอนนี้ทุกด้านกดดันตนให้ลาออก แต่ตนยังกินได้นอนหลับ เพราะในใจไม่เคยโกรธ ตนรู้สึกเฉย ๆ แต่ก็คิดบ้าง รู้สึกสงสารลูกเมีย ครอบครัวของตนมากกว่า เพราะไม่รู้เรื่องอะไร ทุกคนก็มีสังคม ครอบครัวทั้งนั้น ลองคิดดูเจอแบบนี้จะเป็นอย่างไร แต่ตนต้องทำอะไรให้เรียบร้อยก่อน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการเปิดใจต่อสื่อมวลชนครั้งนี้ ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม. โดยการเดินทางมาครั้งนี้พล.ต.อ.วาสนาแต่งกายด้วยชุดลำลองสวมเสื้อสีเหลือง ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สวมกางเกงขาสั้นสีขาวยี่ห้อแกรนด์สปอร์ต สวมสร้อยพระเลี่ยมทอง ซึ่งในระหว่างที่เปิดใจต่อสื่อมวลชนบนโต๊ะอาหาร มีหน้าตายิ้มแย้ม เป็นกันเอง เล่าเรื่องตลกเป็นระยะๆ เพื่อสร้างบรรยากาศให้คึกครื้น รวมทั้งยังพูดถึงความภูมิใจที่เกิดเป็นคนจันทบุรี และได้แต่งกลอนว่า "ผมภูมิใจในชะตาที่มาเกิดถือกำเนิดเป็นชาวจันอันลือศรี แม้ครบกำหนดหมดชีวี เกิดอีกทีขอเกิดเป็นชาวจันเอย"

อย่างไรก็ตามระหว่างการสนทนาเมื่อถูกถามถึงประเด็นการเมืองพล.ต.อ.วาสนา กลับพูดเสียงดัง และเน้นย้ำตลอดว่า ไม่ได้มีอารมณ์ แต่ตนเป็นคนพูดชัดถ้อยชัดคำ ทั้งนี้ก่อนที่พล.ต.อ.วาสนา จะขอตัวกลับ ได้ร้องเพลงส่งท้าย 1 เพลง ชื่อเพลง รักเอย ของสุนทราภรณ์ และได้พูดว่าที่จริงเมื่อจับไมค์แล้วไม่อยากลง และได้ขอร้องเพลงที่ตนเองชอบ อีกหนึ่งเพลง ค่าน้ำนม พร้อมระบุว่าเมื่อมาเมืองจันทบุรีทีไรต้องร้องเพลงนี้ทุกที และเมื่อร้องเพลงจบ พล.ต.อ.วาสนาได้รับการขอร้องจากผู้สื่อข่าวให้ร้องเพลงอีกเพลง พล.ต.อ.วาสนา จึงกล่าวว่า ชอบเพลง โชคมนุษย์ แต่ร้องไม่ได้ให้ไปฟังและดูความหมายเอาเอง อย่างไรก็ดีแต่ได้เลือกบทเพลงที่มีความหมายใกล้เคียงกันแทนคือเพลง โลกนี้คือละคร

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์