สุเทพ ยันภาพ-ซีดีกลาโหมของจริง แย้มมีหลักฐานเด็ดอีกเพียบ

สุเทพ ยันภาพ-ซีดีกลาโหมของจริง แย้มมีหลักฐานเด็ดอีกเพียบ

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 30 พฤษภาคม 2549 18:12 น.

สุเทพ ยันภาพและซีดีจากกลาโหมของแท้ รับเสียดายไม่ได้ตอนจ่ายเงิน เตือนเด็ก ทรท.อย่าซ่า ขู่มีหลักฐานเด็ด เก็บไว้สู้กับพวกคนพาลครองเมืองอีกเยอะ ลั่นต่อไปนี้ไม่ต่อปากต่อคำ ทุกอย่างพูดกันในศาล เย้ยเตรียมให้เด็กหิ้วโอเลี้ยงส่ง กกต.ในคุก ปัดข่าวตัดตอนไทกรอ้างคุณสมบัติไม่ครบ

วันนี้ (30 พ.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเปิดเผยรูปภาพดังกล่าวไม่ได้ตั้งเป้าที่จะเล่นงาน พล.อ.ธรรมรักษ์ แต่เป็นเพราะสถานการณ์บังคับ โดยตนต้องการจะหยุดยั้งขบวนการสร้างเรื่องว่าพรรคประชาธิปัตย์จ้างพรรคเล็กลงสมัคร และหากพรรคไทยรักไทยยังออกมาพูดโต้ตอบและยังบังคับตนมากกว่านี้ ตนก็จะทำมากกว่านี้อีก ซึ่งที่พูดไม่ได้เป็นการท้าทาย แต่ต้องการให้สังคมทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดยยังมีหลักฐานอื่นเก็บเอาไว้ เพราะจำเป็นต้องเก็บไว้เพื่อปกป้องตัวเองเนื่องจากต้องต่อสู้กับคนพาล เพราะคนพาลครองเมือง เล่นงานพวกตนมากเกินไป มีทั้งปาระเบิด ปิดล้อมเวทีปราศรัยหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยิงที่ทำการพรรค คนดีที่ไหนเขาทำกัน ดังนั้น ตนจะเอาชนะคนพาลด้วยกฎหมาย

นายสุเทพ กล่าวว่า หากพรรคไทยรักไทยยังสร้างเรื่องโกหกขึ้นมาอีก ตนก็จะเอาเรื่องจริงออกมาหักล้างกัน และความจริงไปโทษ พล.อ.ธรรมรักษ์ ก็ไม่ถูก เพราะว่าจ้างพรรคเล็กของพรรคไทยรักไทย ทำกันเป็นกระบวนการแบ่งสายกันทำ แต่บังเอิญเรื่องมาแดงในสาย พล.อ.ธรรมรักษ์ ความจริง พล.อ.ธรรมรักษ์ เป็นคนใช้ได้ ไม่เบี้ยวคน แต่บังเอิญปัญหามาจากการเบี้ยวค่าจ้างที่ลูกน้องของ พล.อ.ธรรมรักษ์ เอาเงินไปเล่นม้าแล้วเสีย หมุนเงินไม่ทัน พอพรรคเล็กไปทวงก็ไม่ยอมจ่าย และยังใช้อิทธิพล ทำให้พวกเขาวิ่งมาขอพึ่งตน และสาเหตุย้ายที่รับเงินจากพรรคไทยรักไทยมาเป็นที่กระทรวงกลาโหม เพราะวันนั้นตรงกับวันที่พรรคไทยรักไทยจัดปราศรัยใหญ่ที่สนามหลวง และใกล้เวลาปราศรัยแล้วจึงเปลี่ยนสถานที่

เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเคยให้เวลา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ให้ไปดูแลลูกน้องว่าทำอะไรไว้บ้าง แต่กลับไม่ใส่ใจ และยังบอกว่าเลอะเทอะปล่อยให้ลูกน้องออกมาด่า เท่ากับบังคับให้ตนเดินหน้าพิสูจน์ความจริง อย่างไรก็ตาม แม้คนของพรรคไทยรักไทยจะจีบปากจีบคอตอแหลอย่างไร ตนก็จะไม่ต่อปากต่อคำด้วย ทุกอย่างไปพิสูจน์กันในศาล

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายทหารคนสนิทของ พล.อ.ธรรมรักษ์ ระบุว่าบุคคลในภาพเป็นเพียงนายอ้วน ซึ่งเป็นช่างภาพประจำตัว ไม่ใช่ พล.อ.ธรรมรักษ์ นายสุเทพ กล่าวว่า ทำไมตลกขนาดนี้ และคนที่เดินตามหลังก็ไม่ใช่ เสธ.ไอซ์ ใช่หรือไม่ แต่เป็นตาแป๊ะใส่เครื่องแบบหรืออย่างไร ตนขอยืนยันว่าภาพที่ได้มาจากกล้องวงจรปิดของกระทรวงกลาโหมจริงๆ เสียดายที่เขาไม่ได้ถ่ายตอนส่งเงินให้ เพราะในห้อง รมว.กลาโหมไม่มีกล้องวงจรปิด แต่ตนไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นคนนำภาพมาให้ เพราะต้องรักษาแหล่งข่าวด้วย และตนไม่ได้นำกล้องไปติดตั้งเองเพราะไม่ใช่ผู้อำนวยการสร้างหนังเจมส์บอนด์ และถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงห้อง เปลี่ยนสี เปลี่ยนพรม หรือย้ายห้องใหม่ก็สามารถทำได้ แต่ตนมั่นใจว่าจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าหลักฐานที่มีเป็นของจริง

เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ว่าตัดต่อภาพนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ขอตอบ แต่ตนได้มาทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว ต้องมีอะไรดีๆ เก็บไว้บ้าง ขอเก็บไว้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น และถ้ามีหลักฐานเพียงแค่นี้คงไม่กล้าออกมานำเสนอต่อศาล และสาธารณชนแน่นอน อย่าลืมว่าหน้าห้อง รมว.กลาโหมไม่ใช่ตลาดนัดจตุจักรที่ใครจะเข้าไปชอปปิ้งได้ง่ายๆ คนธรรมดาขึ้นไปไม่ได้แน่นอน

คนที่เดือดร้อนเรื่องนี้ไม่ใช่ พล.อ.ธรรมรักษ์ แต่เป็น กกต. ซึ่ง กกต.พยายามยืดเวลาออกไปแต่คิดว่าศาลคงไม่ยอมแน่ และถ้าไม่ให้ประกันตัวก็ต้องขังคุก เนื่องจากเวลานี้มีคนแนะนำให้ยื่นคัดค้านการประกันตัว เพราะอาจมีการไปทำลายหลักฐานกัน ถ้าผมชนะ กกต.ก็ติดคุก ถ้าติดคุกวันไหน ผมจะให้เด็กหิ้วโอเลี้ยงไปเยี่ยม แต่ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการให้ยุบพรรคไทยรักไทย เพียงบังเอิญหลักฐานที่มีมันเกี่ยวโยงกับพรรคไทยรักไทยเอง ถ้าพลาดพลังไปโดนใครบ้างก็ต้องขอโทษด้วย การที่ท่านพงศ์เทพ (เทพกาญจนา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย) บอกจากฟ้องผมที่ไปเปิดเผยเรื่องของ พล.อ.ธรรมรักษ์ที่ไม่เกี่ยวกับคดีนั้น ผมเสียดายที่ท่านเป็นนักกฎหมาย แต่คำฟ้องของผมแม้จะเป็นการฟ้อง กกต. แต่ก็ตั้งข้อหาการปฏิบัติหน้าที่ไม่สุจริตเรื่องที่ไทยรักไทยจ้างพรรคเล็กทำให้จำเป็นต้องพิสูจน์เพื่อให้เกิดความเข้าใจ เลขาฯ ปชป.กล่าว

นายสุเทพ ยังชี้แจงถึงกรณีที่ตั้งคณะทำงานตรวจสอบการสมัครเป็นสมาชิกพรรคของนายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกลุ่มอีสานกู้ชาติว่า นายไทกรก็ไม่ธรรมดา เคยออกจากพรรคไปเพื่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งตอนหลังก็กลับเข้ามาสมัครอีกครั้ง แต่ทางเจ้าหน้าที่พรรคได้แจ้งว่านายไทกรขาดคุณสมบัติบางอย่าง จึงต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อให้ความเป็นธรรมกับเขา หากพบว่าคุณสมบัติครบก็สามารถเป็นสมาชิกพรรคต่อไปได้ แต่ถ้าไม่ครบก็ต้องขาดความเป็นสมาชิกพรรคไป แต่ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ตัดตอนเหมือนพรรคการเมืองอื่น แต่ที่ผ่านมาได้เคยเตือนนายไทกรไปว่าเขาไม่ใช่กรรมการบริหารพรรค ไม่มีหน้าที่ดำเนินการทางการเมืองในนามพรรค

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์