ชวน ปัดข้ออ้าง ทรท.สนิท นาม เชื่อแจกใบปลิวดิสเครดิต

ชวน ปัดข้ออ้าง ทรท.สนิท นาม เชื่อแจกใบปลิวดิสเครดิต

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 23 พฤษภาคม 2549 17:13 น.

ชวน ยันไม่ได้สนิทสนม นาม ยิ้มแย้ม และปฏิเสธเคยอาศัยอยู่บ้านหมอเหล็ง เชื่อ ทรท.ทำใบปลิวโจมตีแทนการออกมารับความจริงอย่างลูกผู้ชาย-ลูกผู้หญิง พร้อมให้กำลังใจยืนหยัดรักษาความถูกต้องต่อไป

วันนี้ (23 พ.ค.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า จากการที่มีใบปลิวโจมตีนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กนั้น คนที่ทำใบปลิวน่าจะเป็นพวกพรรคไทยรักไทย เพราะได้พูดเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น โดยกล่าวหาว่านายนามสนิทสนมกับตน เคยอยู่และนอนบ้านเดียวกับตนที่ซอยหมอเหล็ง ตนจึงขอแก้ต่างให้นายนามว่าทั้งหมดไม่มีมูลความจริง และเชื่อว่าคนที่เขียนใบปลิวก็รู้ว่าหลังจากไปตรวจดูแล้วไม่มีมูลความจริง เพราะนายนามเป็นรุ่นพี่ ระหว่างเรียนก็ไม่รู้จักกัน มารู้จักว่านายนามเป็นใครก็ตอนหลังแล้ว ไม่เคยไปมาหาสู่ ไม่เคยสนิทสนม ไม่เคยพบปะเป็นส่วนตัว ได้ยินแต่กิตติศัพท์ของนายนามว่าเป็นตุลาการที่น่าเคารพ เป็นคนตรงที่น่ายกย่อง คนอย่างนายนามได้รับการฝึกฝนการวินิจฉัยกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ถูกผิดเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น การบิดเบือนทำได้ยากในสายตุลาการ

นายชวน กล่าวว่า ขอให้ทุกคนเข้าใจ ไม่ต้องการให้สับสนกับใบปลิวของคนเหล่านี้ เพราะวิธีการของคนเหล่านี้นอกจากใบปลิวแล้วคือการโทรศัพท์เข้าไปในรายการวิทยุไปด่าคนอื่น หรือส่งข้อความเข้ารายการโทรทัศน์ หรือใช้วิธีเขียนเป็นคำถามให้ลงในหนังสือพิมพ์ จึงทำให้คนดีๆ ได้รับผลกระทบ ตอนแรกพรรคไทยรักไทยพูดด้วยวาจา แต่เมื่อรู้ว่าไม่จริงก็ทำใบปลิว แทนที่จะออกมาพูดอย่างลูกผู้ชายหรือลูกผู้หญิง ก็ไม่กล้าทำ เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของนายนาม และบังเอิญตอนแรกนายวิชิต (ปลั่งศรีสกุล คณะกฎหมายพรรคไทยรักไทย) ให้ข่าวว่าเกี่ยวข้องกับประธานสภาที่ปรึกษา พอชี้แจงไปคงรู้ว่าไม่จริงจึงเปลี่ยนแนวใหม่ ทำเป็นว่ามีใบปลิวออกมา

อยากเป็นกำลังใจให้ท่านนาม เพราะเวลาเจอสภาพอย่างนี้ คนดีๆ ที่เขาตั้งใจทำงานก็อาจรู้สึกกระทบบ้างว่าทำไมต้องมารักษาความถูกต้อง เจออย่างนี้ก็ไม่ทำเสียดีกว่า เดี๋ยวก็จะลาออกไป ผมจึงอยากเป็นกำลังใจให้ว่า หากทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วก็ขอให้ภาคภูมิใจ และขอชื่นชมท่านที่ในสถานการณ์อย่างนี้ยังกล้าวินิจฉัยอย่างตรงไปตรงมา จริงๆ แล้วคนที่กล้าทำอย่างนี้มีน้อยลง รุ่นพี่รุ่นน้องผมที่เรียนธรรมศาสตร์ เรียนกฎหมายแต่ก็ยังไปชื่นชมกับวิธีการฆ่าทิ้ง ฆ่าตัดตอน และการไม่เคารพหลักของนิติธรรม นายชวน กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังเกิดเหตุได้ติดต่อสอบถามนายนามหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่เคยพบนายนามเลย ไม่เคยติดต่อ อาจจะเคยเห็นกันบ้างในงานแต่งงานหรืองานศพ แต่ไม่เคยพบเป็นการส่วนตัวตั้งแต่ก่อนหรือหลังเกิดเหตุ ถ้านายนามไม่เป็นประธานอนุกรรมการ กกต.ก็คงไม่มีใครพูดถึง เพราะนายนามไม่ได้เพิ่งมาเป็น แต่เข้ามาทำงานให้ กกต.ตั้งแต่นายสวัสดิ์ โชติพานิช กกต.ชุดแรก แต่ไม่มีใครสนใจ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องทำให้เกิดผลกระทบต่อพรรคไทยรักไทย เมื่อถามว่าได้โทรศัพท์ไปหานายนามหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่ได้โทร. หากโทร.ไปเกิดเจอคนดักฟังโทรศัพท์ จะบอกว่าอีกว่ารู้จักกัน

พี่หนา การันตีเอง ปธ.อนุฯ ไร้สังกัด ย้ำสางงานเสร็จพร้อมออก

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 23 พฤษภาคม 2549 16:40 น.

พี่หนา แจงตั้ง นาม เป็นประธานอนุกรรมการ กกต.สอบพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็ก ไม่เคยคิดเป็นคนของใคร หวังทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ย้ำหลังเคลียร์งานเสร็จพร้อมพิจารณาตัวเอง พร้อมปฏิเสธรับเรื่อง ทรท.ยื่นเปลี่ยนตัวอนุฯ ทั้งชุด อ้างอยู่ต่างจังหวัดยังไม่เห็นหนังสือ เมินม็อบต้าน เย้ยในชีวิตเจอมาเยอะ ขณะเดียวกันสั่งเจ้าหน้าที่ขึงม่านหน้าห้องทำงานหลบสายตาสื่อ หวั่นช่างภาพแอบถ่ายพฤติกรรม

วันนี้ (23 พ.ค.) พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการข่าวยามเช้า ที่ออกอากาศทางสถานีวิทยุ 101 เมกะเฮิรตซ์ ถึงกรณีที่ฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทย ยื่นหนังสือต่อ กกต.ขอให้เปลี่ยนคณะอนุกรรมการสอบสวนกรณีพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากกรรมการบางคนสนิทสนมกับพรรคประชาธิปัตย์ว่า ยังไม่เห็นหนังสือดังกล่าว เพราะวันที่ 22 พ.ค.ได้เดินทางไปต่างจังหวัด จึงต้องขอดูเรื่องก่อนว่ามีเหตุผลอย่างไรถึงจะให้เปลี่ยนตัว ถึงให้คำตอบได้ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

พล.ต.อ.วาสนา ยังปฏิเสธว่าไม่ได้รับหนังสือแย้งเกี่ยวกับการที่ให้อนุกรรมการสอบสวนเพิ่มเติมรอบที่ 3 จากนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานอนุกรรมการ เพราะล่าสุดที่อยู่สำนักงาน คือ วันที่ 19 พ.ค.ไม่เห็นมีหนังสือดังกล่าวมาถึงตน ทราบแต่ข่าวเท่านั้น และมีแต่สื่อมาถาม ซึ่งหากที่สุดแล้วอนุกรรมการยืนยันว่าจะไม่มีการสอบสวนเพิ่มเติม กกต.ก็จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุม กกต.

เมื่อถามว่า คิดอย่างไรกับนายนาม ประธาน กกต.กล่าวว่า ก็ไม่คิดอะไร นายนามเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งนอกจากเป็นคณะอนุกรรมการชุดนี้แล้วยังเป็นอนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องร้องเรียนร้องคัดค้าน และช่วยงานของสำนักงาน กกต.มาตลอด ตนไม่เคยมองนายนามในแง่ไม่ดี และการที่แต่งตั้งนายนามเป็นประธานอนุกรรมการสอบเรื่องพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็ก ก็ไม่ได้คิดเรื่องเป็นคนของใคร ทุกฝ่ายก็ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา

ส่วนเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่นั้น ขณะนี้ก็ยังตอบไม่ได้ ที่ผ่านมาก็พูดกันว่าเร่งรัดเกินไป จึงหารือกับทุกพรรคเพื่อหาวันเลือกตั้งที่เหมาะสม จะได้ทำความเห็นเสนอไปยัง ครม. เพราะ กกต.ไม่ได้มีหน้าที่ตัดสินใจว่าจะเป็นวันใด เพียงแต่มีการหารือกันว่า กกต.จะพร้อมในวันใด ซึ่ง กกต.ก็ต้องมีความพร้อม เมื่อถามถึงว่าหลังสะสางงานคั่งค้างแล้วจะพิจารณาเรื่องลาออกหรือไม่ พล.ต.อ.วาสนา กล่าวว่า ก็พร้อมจะพิจารณา และที่มีการมองกันว่าจะใช้อำนาจศาลมาขู่หากไม่ออกในขณะนี้ ส่วนตัวคิดว่าตุลาการก็ต้องมีความซื่อสัตย์ สุจริตในตัวแต่ละคนอยู่แล้ว และยังเชื่อว่าความยุติธรรมยังมีอยู่ในบ้านเมือง

เมื่อถามอีกว่า หลังจากต้องประสบกับกระแสกดดัน ช่วงนี้อารมณ์เย็นขึ้นหรือยัง ประธาน กกต.กล่าวว่า ก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไร แต่ก็แปลกใจว่าทำไมสังคมไทยถึงเป็นแบบนี้ ไร้ระเบียบวินัย ฟุ่มเฟือย ส่วนคดีความที่มีการฟ้องร้อง กกต.ซึ่งมีอยู่มาก ก็ต้องดำเนินการต่อสู้คดีกันไป แต่ทุกเรื่องยืนยันว่าได้ทำไปโดยสุจริต

พล.ต.อ.วาสนา กล่าวด้วยว่า เมื่อวานไม่ได้มีโอกาสดูข่าวตัวเอง มีคนมาเล่าให้ฟังถึงกรณีที่มีการรายงานข่าวว่าตนต้องใช้กำลังอารักขาถึง 200 คนนั้นเป็นเรื่องที่เกินจริง ต้องนับสัก 20 ครั้งถึงจะได้ 200 ตนเดินทางไปตามปกติ มีลูกน้อง มีเพื่อนร่วมงานเดินทางไป ในรถก็มีตำรวจอยู่ด้วย มาจาก กทม.พร้อมกันเพียง 4 คน ส่วนที่มีการถือป้ายโจมตีก็ทำไปเถอะ ตนเจอมาเยอะแล้ว คงไม่สนใจอะไร

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ พล.ต.อ.วาสนา พยายามหลบผู้สื่อข่าว แม้แต่ช่วงที่มีผู้มาให้กำลังใจ ก็ยังให้เข้าพบในห้องทำงานเป็นการส่วนตัว หรือหลบไปพบที่ห้องในชั้นอื่นๆ เพราะไม่ต้องการให้สื่อมวลชนถ่ายภาพนั้น ล่าสุด พบว่านอกจากการขอไม่ให้ช่างภาพไปรอถ่ายภาพที่บริเวณประตูทางเข้าหน้าห้องประธาน กกต.ซึ่งเป็นมุมเดียวที่จะทำให้เห็นภายในบริเวณหน้าห้องทำงานของ พล.ต.อ.วาสนา ที่ทะลุไปถึงภายในห้องทำงานแล้ว ในช่วงบ่ายวันนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัสดุก็ได้นำผ้าม่านสีฟ้าไปติดที่บริเวณประตูดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว เพื่อไม่ให้ช่างภาพไปคอยตั้งกล้องถ่ายภาพหน้าห้องทำงานประธาน กกต.อีก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์