เปิดเอกสารลับ! อนุฯ กกต.มัด ทรท.จ้างพรรคเล็กชี้ผิด ธรรมรักษ์-พงษ์ศักดิ์-เสธ.ไอซ์

เปิดเอกสารลับ! อนุฯ กกต.มัด ทรท.จ้างพรรคเล็กชี้ผิด ธรรมรักษ์-พงษ์ศักดิ์-เสธ.ไอซ์

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 11 พฤษภาคม 2549 12:09 น.

เปิดเอกสารลับคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนของ กกต. ระบุความผิดชัด ธรรมรักษ์-พงษ์ศักดิ์-เสธ.ไอซ์ สมคบทำผิดว่าจ้างผู้สมัครพรรคเล็กลงสมัครเพื่อปลดล็อก 20 เปอร์เซ็นต์ ผลสรุปชี้ความผิดฐานเป็นภัยและทำลายความมั่นคงถึงขั้นยุบพรรค ให้แจ้งข้อหา ทักษิณ และเรียกมาสอบสวนต่อไป

ผลสอบสวนของคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติมสรุปกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหามีกระบวนการว่าจ้างพรรคการเมืองให้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 พบว่า มีปรากฏหลักฐานชัดเจนเชื่อมโยงไปถึงบุคคลสำคัญของพรรคไทยรักไทยหลายคนในการจ่ายเงินให้ผู้สมัครของพรรคเล็กเพื่อว่าจ้างให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะได้ไม่ต้องได้คะแนนเสียงถึงร้อยละ 20 ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งมีความผิดถึงขั้นยุบพรรคไทยรักไทย

ทั้งนี้ ในเอกสารลับด่วนที่สุดของคณะอนุกรรมการฯ ที่มี นายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธาน ส่งไปถึง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้ระบุพฤติกรรมหลักฐานและความผิดของบุคคลสำคัญของพรรคไทยรักไทยในลักษณะจ่ายเงินว่าจ้างผู้สมัครพรรคการเมืองพรรคเล็ก คือ พรรคพัฒนาชาติไทย พรรคแผ่นดินไทย จริง

พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา

ในเอกสารผลสรุปการสอบสวนจำนวน 17 หน้าของอนุกรรมการฯ ดังกล่าว ยังระบุว่า บุคคลสำคัญของพรรคไทยรักไทยที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจ่ายเงินจ้างผู้สมัครพรรคเล็ก 2 พรรคในเบื้องต้นประกอบด้วย พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต หัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมทั้ง พล.ท.ผดุงศักดิ์ กลั่นเสนาะ ผู้ช่วยหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

เอกสารสรุปผลสอบสวนยังระบุความผิดดังนี้ พล.อ.ธรรมรักษ์ มีความผิดตามมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนฯ และสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2541 โดยให้เงินสนับสนุนให้เงินแก่พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งของทั้งสองพรรค เพื่อหลีกเลี่ยงคะแนนเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนฯ พรรคไทยรักไทยไม่ถึงร้อยละ 20 และถือเป็นการกระทำในนามพรรคไทยรักไทย เพื่อให้ได้มาซึ่งการปกครองประเทศของพรรคไทยรักไทย โดยไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และขณะเดียวกัน ถือว่าการกระทำดังกล่าวอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ และขัดต่อกฎหมาย

นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล

ส่วนความผิดของนายพงษ์ศักดิ์นั้น เอกสารระบุว่า ได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ตลอดเวลาในระหว่างที่ พล.อ.ธรรมรักษ์ วางแผนกับผู้สมัครพรรคเล็กเพื่อตัดต่อข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรค มีความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ มีความผิดตามมตรา 47 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 และมีความผิดฐานผู้ใช้ให้บุคคลอื่นปลอมแปลงเอกสารตามมาตรา 264 มาตรา 268 ประกอบมาตรา 83 มาตรา 84 และ มาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

สำหรับความผิดของ พล.อ.ไตรงค์ และ พล.ท.ผดุงศักดิ์ นั้น มีความผิดตามมาตรา 47 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2541 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ รวมทั้งมีความผิดอีกหลายมาตราตามประมวลกฎหมายอาญา

พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต

ในตอนท้ายของรายงานสรุปผลการสอบสวนยังเห็นว่า พล.อ.ธรรมรักษ์ มีตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และรัฐมนตรีว่าาการกระทรวงกลาโหม ส่วน นายพงษ์ศักดิ์ เป็นรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ถือว่าต่างเป็นผู้บริหารระดับสูงของพรรคไทยรักไทย เงินที่ให้การสนับสนุนดังกล่าวก็เป็นเงินจำนวนมาก ประกอบกับผลที่ได้รับก็เป็นประโยชน์กับพรรคไทยรักไทย ดังนี้ จึงฟังไม่ได้ว่าเป็นการกระทำในฐานส่วนตัว แต่มีหลักฐานควรเชื่อว่าเป็นการกระทำในฐานะตัวแทนของพรรคไทยรักไทย มีผลผูกพันเสมือนเป็นการกระทำของพรรคไทยรักไทยเอง

จากเหตุผลดังได้วินิจฉัยมาคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าสมควรแจ้งข้อกล่าวหาแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อไปตามระเบียบ

อนึ่ง สำหรับปัญหาที่หัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทยให้การเป็นทำนองว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และพวกมาว่าจ้างมิให้พรรคพัฒนาชาติไทยส่งคนลงสมัครฯ และให้ใส่ร้าย พล.อ.ธรรมรักษ์ และนายพงษ์ศักดิ์ ในครั้งนี้นั้น เห็นว่าถึงจะฟังได้ว่าเป็นความจริงดังที่ให้การก็หามีผลให้คำร้องเรียนของนายสุเทพ ที่กล่าวหาว่าผู้บริหารระดับสูงของพรรคไทยรักไทยว่าจ้างให้พรรคพัฒนาชาติไทย ส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้งในเรื่องร้องเรียนนี้ต้องยุติลงหรือไม่ หากแต่เป็นเรื่องที่หัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย หรือผู้บริหารระดับสูงของพรรคไทยรักไทยจะต้องไปว่ากล่าวเอากับนายสุเทพเป็นอีกกรณีหนึ่งต่างหาก เพราะเหตุดังกล่าวนี้คณะอนุกรรมการฯ จึงไม่หยิบยกปัญหานี้ขึ้นมาวินิจฉัย เนื่องจากเห็นว่าไม่จำเป็น


บันทึกผลการสอบสวน กรณีพรรคไทยรักไทยจ้างผู้สมัครพรรคเล็ก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์