คตส.ฟันอีก 14 รายบ้านเอื้ออาทร

เมื่อวันที่ 7 ม.ค. เวลา 16.00 น. ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน

นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนโครงการบ้านเอื้ออาทรแถลงหลังการประชุมว่า ที่ประชุม คตส.มีมติเห็นชอบเสนอชี้มูลและแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลในเพิ่มเติมอีก 3 คดีจำนวน 14 ราย โดยพบว่ามีการทุจริตโควตาโครงการบ้านเอื้ออาทร พบสินบนแล้ว 1,200 ล้านบาท ผู้ที่ถูกกล่าวหาเพิ่มเติม กลุ่มที่ 1 คดีทุจริตรับเรียกสินบน คือนายพรพรหม วงศ์พิวัฒน์ อดีตหน้าห้องของนายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ฐานเป็นผู้ สนับสนุนการทุจริต นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ฐานเป็นคนกลางเรียกรับสินบนให้รัฐมนตรีโดยได้รับเงินส่วนแบ่ง 7 ล้านบาท นางรัตนา แซ่เฮง เลขาคนสนิทของเจ้าของบริษัทเพรสซิเดนท์ ในฐานะตัวกลางเรียกรับสินบนและผู้บริหารบริษัทไทยเฉนหยู ซึ่งไม่ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูล
 

“ชวนพิศ  ฉายเหมือนวงศ์” โดนเพิ่ม


นายแก้วสรรกล่าวว่า กลุ่มที่ 2 คดีทุจริตโควตาเดวาแจ้งข้อกล่าวหานางชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ อดีตผู้ว่าการการเคหะเพิ่มอีก 1 กระทงฐานทุจริตต่อหน้าที่ ให้ประโยชน์ต่อผู้อื่นที่ไม่ควรได้และเอื้อประโยชน์ให้เอกชนโดยจงใจ เนื่องจากหลังจากที่นายวัฒนาเข้ามารับตำแหน่งมีการเสนอเรื่องเข้ามาใหม่เป็นระบบโควตา จากระบบเหมาจ่าย ทำให้รัฐเสียหายกว่า 200 ล้านบาท กลุ่มที่ 3 คดีฟอกเงินเข้าบริษัทเพรสซิเดนท์ คตส.จะส่งสำนวนให้ดีเอสไอดำเนินการตรวจสอบต่อโดยผู้ถูกกล่าวหาประกอบด้วย นายอาทิตย์ ภู่ภักดี นายศรัทธา ภู่ภักดี นายอนุรักษ์ วิศาลจตุรงค์ นายสุรพงษ์ กุลแพ นายศานติ อภัยนนท์ นายทรัพย์ทวี การกิจโอฬาร บริษัทโกลเด้นฯและบริษัทกู๊ดโกลบอลฯ กับ น.ส.อรวรรณ ศรัทธาสุกล ทั้งหมดเกี่ยวข้องในเส้นทางการฟอกเงิน 8 พันล้านบาท แต่มีเงินที่เกี่ยวข้องกับคดีเอื้ออาทร 1.2 พันล้านบาทจาก 50 บัญชี โดยพฤติการณ์ส่งเงินไปฮ่องกงอ้างว่าซื้อสินค้าเข้าประเทศจากนั้นโอนเข้าบริษัทเพรสซิเดนท์ โดยอ้างว่าเป็นรายได้จากการขายข้าว ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาไปแล้ว ยังถูกตั้งข้อกล่าวเพิ่มอีก 7 กระทง


เช็กบิลอดีต  รมว.ไอซีทีคดีชินแซท


นายแก้วสรรกล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้อนุกรรมการไต่สวนคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี ออกนโยบายเอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง ครอบครัวและพวกพ้องที่มีนายกล้านรงค์ จันทิก เป็นประธาน มีอำนาจตรวจสอบเจ้าหน้าที่ผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจคือ ทศท และ กสท อีก 3 คดี คือ 1. คดีผู้บริหาร ทศท แก้ไขสัญญาลดค่าสัมปทานให้เอไอเอสจาก 25% เหลือ 20% ทำให้รัฐขาดรายได้ 4 หมื่นล้านบาท โดยมีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ 4-5 รายเกี่ยวข้อง 2. ผู้บริหาร ทศท แก้ไขสัมปทานให้เอไอเอสหักลดค่าใช้โครงข่ายร่วมโดยมิชอบ ทำให้รัฐเสียหาย 2.3 หมื่นล้านบาท 3.อดีต รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและผู้บริหารกระทรวงคมนาคมอนุมัติแก้ไขสัญญาดาวเทียมเอื้อประโยชน์ให้บริษัทชินแซทเทิลไลท์โดยมิชอบ ทั้งนี้หากมีการดำเนินคดีกับอดีต รมว.ไอซีที ซึ่งปัจจุบันเป็น ส.ส.ก็ไม่มีผลต่อการทำงานของ คตส. เพราะ คตส.ไม่มีอำนาจในการจับกุมคุมขัง



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์